ธัญพืชแบบไทย ๆ ใครว่าไม่มีประโยชน์ ลองมารู้จักกับ 5 ธัญพืช แล้วจะรู้ว่าความอร่อยเปี่ยมสุขภาพแบบไทย ๆ หาได้ใกล้ตัวสุด ๆ
คนรักสุขภาพมากมายต่างเสาะหาวิธีหรือเคล็ดลับต่าง ๆ มาสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหาร เพราะเชื่อกันว่าสุขภาพจะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่เรารับประทานด้วย ใช่แล้วล่ะค่ะ ถือเป็นความคิดที่ถูกต้อง และเพราะเหตุนี้ผู้คนมากมายจึงเสาะหาอาหารเพื่อสุขภาพต่าง ๆ ทั้งที่เป็นสมุนไพรแบบไทย ๆ หรืออาหารเพื่อสุขภาพชื่อไม่คุ้นหูจากต่างประเทศ เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้ มารับประทานเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี แต่ก็ไม่อยากให้ลืมกันว่าจริง ๆ แล้วอาหารไทย ก็มีดีต่อสุขภาพอีกมากมายหลายอย่าง อย่างที่ สสส. ได้หยิบเอาธัญพืชสายพันธุ์ไทยที่มีสรรพคุณล้ำ ๆ แล้วหารับประทานได้ง่ายมาให้เป็นตัวเลือกหนึ่งในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ถ้าไม่อยากพลาดก็ต้องตามไปดู
อ.ชินริณี วีระวุฒิวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม กล่าวว่า คีนัว และเมล็ดเจีย เป็นพืชจากอเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือพบมากในโบลิเวีย เปรู เอกวาดอร์ โคลอมเบีย โดยมีการค้นพบว่า คีนัว (Quinoa) มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก ไขมันดี ไฟเบอร์ และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งคุณประโยชน์คล้ายกับธัญพืชหลากสีอย่าง ลูกเดือย ถั่วแดง ถั่วดำ
“ธัญพืชหลายชนิดที่อยู่คู่กับคนไทยมานานนั้น ก็มีประโยชน์ไม่ต่างกัน เพียงแต่อาจจะยังไม่มีการวิจัยเกี่ยวกับธัญพืชไทยเกิดขึ้นมากนัก ทำให้หลายคนมองข้าม” อ.ชินริณี กล่าว
5 ตัวอย่าง ธัญพืชไทยมากคุณค่า
1. ลูกเดือย (job\'s tears)
เป็นธัญพืชประเภทคาร์โบไฮเดรต
เป็นพืชพื้นเมืองแท้ ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเส้นใยอาหารสูง
เป็นพืชตระกูลเดียวกับข้าว มีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะมีปริมาณโปรตีน 13.84%
คาร์โบไฮเดรต 70.65% ใยอาหาร 0.23% ไขมัน 5.03% แร่ธาตุต่าง ๆ อีกมากมาย
โดยเฉพาะฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงกระดูก มีอยู่ในปริมาณสูง รวมทั้งวิตามินเอ
ที่ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 โดยเฉพาะวิตามินบี 1
มีในปริมาณมาก ซึ่งช่วยแก้โรคเหน็บชาด้วย นอกจากนี้ ลูกเดือยยังมี
กรดอะมิโน มีกรดไขมันจำเป็นชนิดที่ไม่อิ่มตัว เช่น กรดโอเลอิก
และกรดลิโนเลอิก รวมแล้วถึง 84%
2. ข้าวหอมนิล (Purple Rice)
มีวิตามินบีรวม ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอ่อนเพลีย แขน ขาไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมอง ทำให้เจริญอาหาร ไนอะซิน ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และระบบผิวหนัง และธาตุเหล็กที่มีอยู่ในข้าวหอมนิลนี้ เมื่อเข้าไปในร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการบำรุงโลหิตได้ทันที
3. ถั่วแดง (Red Kidney bean)
จัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างหนึ่ง โดยโปรตีนที่ได้จากถั่วแดงนั้นมีคุณค่าทางอาหารเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์เลยทีเดียว แถมยังไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย การรับประทานถั่วแดงนอกจากจะให้พลังงานแก่ร่างกายที่สูงแล้ว ยังทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีธาตุเหล็ก ที่ช่วยบำรุงโลหิต วิตามินบีหลายชนิด และมีแคลเซียมสูง การรับประทานเป็นประจำสามารถช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันภาวะกระดูกเสื่อม ป้องกันโรคกระดูกพรุน และแคลเซียมยังมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อ เป็นต้น
4. ถั่วดำ (black bean)
มีสารฟลาโวนอยด์ หรือสารล้างพิษกรัมต่อกรัมสูงที่สุด รองลงมาเป็นถั่วสีแดง น้ำตาล เหลืองและขาวตามลำดับ เพราะในถั่วดำนั้นมีสารสำคัญอย่างแอนโทไซยานิน ซึ่งนับเป็นตัวล้างพิษชั้นดี โดยเมื่อเทียบกับการกินถั่วดำในปริมาณเท่ากันกับการกินส้มแล้ว ถั่วดำจะมีปริมาณสารล้างพิษมากกว่าในส้มถึง 10 เท่า เลยทีเดียว คือเทียบได้กับองุ่นและแอปเปิล แต่การทำให้ถั่วดำสุกนั้นก็จะสูญเสียตัวล้างพิษไปบ้าง แต่ก็ยังสามารถล้างพิษให้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเทคนิคการต้มถั่วดำควรนำมาคั่วเพื่อให้หอม แล้วแช่ในน้ำร้อนจัดทิ้งไว้ 3 ชม. หรือน้ำธรรมดาทิ้งไว้ 1 คืน (หรือประมาณ 6 ชม.) แล้วค่อยนำมาต้ม วิธีนี้จะได้ถั่วต้มที่นุ่ม ไม่กระด้าง
5. รำข้าว (rice bran)
ปลายเมล็ดข้าว หรือที่เรารู้จักกันดีว่า จมูกข้าว เป็นแหล่งรวมของวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งถ้าผ่านกระบวนการสกัดและผลิตอย่างมีมาตรฐานแล้ว มีวิตามินอีธรรมชาติ ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เต่งตึง ลดจุดด่างดำ ลดริ้วรอย ทั้งยังเป็นสารต่อต้านสารอนุมูลอิสระ และช่วยชะลอวัย แกมมาโอริซานอล เข้มข้นจากน้ำมันรำข้าวเมื่อผ่านกระบวนการพิเศษ จะให้คุณค่าจากสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ต้านการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ทั้งยังปกป้องและลดการตีบตันของหลอดเลือด วิตามินบี-คอมเพล็กซ์ ช่วยในเรื่องบำรุงประสาท เหน็บชา ช่วยระบบเมตาบอลิซึม แร่ธาตุ อาทิ แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี ช่วยเพิ่มพลังงาน เพิ่มการเผาผลาญ เสริมสร้างการเจริญเติบโตของสมอง และยังเพิ่มการทำงานของระบบฮอร์โมน
ทั้งนี้ การบริโภคธัญพืชเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เราควรเลือกธัญพืชที่ยังไม่ผ่านกระบวนการขัดสี เพราะธัญพืชที่ไม่ผ่านกระบวนการผลิตจะมีสารอาหาร มากกว่าธัญพืชที่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวขัดขาวคุณค่าทางโภชนาการของมันเหลือไม่ถึงครึ่งของข้าวกล้อง โดยแมกนีเซียมในข้าวกล้องจะมีมากกว่าข้าวขัดขาวถึง 70%
อ.ชินริณี ยังกล่าวอีกว่า แท้จริงนั้นการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพควรเริ่มจาก อาหารในท้องถิ่น อย่าง ผักพื้นบ้าน อาหาร หรือขนมไทยพื้นบ้าน นอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ส่วนใหญ่ยังมีส่วนประกอบของสมุนไพร หรือพืชผักที่เป็นประโยชน์ของไทยอยู่ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น ช่อม่วง เมนูจากดอกอัญชันที่สามารถปลูกได้ง่ายบริเวณรั้วบ้าน ก็มีสรรพคุณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือสาร "แอนโทไซยานิน" ซึ่งมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น เช่น ไปเลี้ยงบริเวณรากผม ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ เงางาม หรือไปเลี้ยงบริเวณดวงตา จึงช่วยบำรุงสายตาไปด้วยในตัว
เราควรจะส่งเสริมให้มีการปลูกผักริมรั้ว แม้ว่าจะไม่มีบริเวณที่จะปลูกต้นไม้ หรือผักไว้กินได้มากนัก เนื่องจากการถูกจำกัดเรื่องสถานที่ แต่เราสามารถปลูกผักสวนครัวไว้กิน โดยการปลูกไว้ในกระถาง เช่น พริก โหระพา กะเพรา แมงลัก ชะพลู ผักชี ผักแพว เป็นต้น ซึ่งปลูกง่าย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกทั้งยังปลอดภัยจากสารพิษอีกด้วย
“การดูแลสุขภาพของตนเองด้วยวิธีธรรมชาติ มีความพอดี เป็นทางเลือกที่พึงปฏิบัติ เพียงมีวินัยต่อตนเอง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็สุขภาพดีไร้โรคภัยได้” อ.ชินริณี ทิ้งท้าย
อาหารเพื่อสุขภาพอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อของแพง ๆ มารับประทานก็มีสุขภาพที่ดีได้ ขอแค่เพียงเราเลือกให้เป็น และมีวินัยต่อตนเอง สุขภาพจะดีหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเราเองของแบบนี้ไม่ยากเกินความสามารถของทุกคนแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
โดย กิดานัล กังแฮ