ตัดเล็บผิดวิธี อุทาหรณ์เตือนใจสาว ๆ ที่ชอบตัดเล็บด้วยตัวเอง ระวัง ! หากตัดเล็บผิดวิธี อาจนำมาซึ่งอันตรายใกล้ตัวที่คุณไม่อาจคาดคิด แบบนี้...
ใครที่ชอบตัดเล็บด้วยตัวเอง ระวังกันด้วยนะคะสาว ๆ เพราะถ้าหากตัดไม่ถูกวิธี อย่างเช่น ตัดเล็บลึกเกินไป แคะซอกเล็บลึกเกินไป สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะนำมาซึ่งอันตรายใกล้ตัวที่คุณไม่อาจคาดคิดก็เป็นได้ ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์เตือนใจของการตัดเล็บผิดวิธี จากคุณ imalisme สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมมาแชร์ให้สาว ๆ ได้ดูกันค่ะ ซึ่งเธอคนนี้ได้ตัดเล็บด้วยตัวเองแบบผิดวิธี ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าทำให้เธอถึงกับต้องถอดเล็บออก !! ทั้งนี้จะเป็นเพราะอะไร และตัดเล็บแบบไหนที่เรียกว่าผิดวิธี มาติดตามเรื่องราวของเธอคนนี้กันเลย
ปกติเราจะเป็นคนไม่เข้าร้านทำเล็บ เราจะตัดเล็บทำความสะอาดเล็บเท้าและมือด้วยตัวเราเอง และครั้งนี้เราก็ตัดนิ้วเท้าตามปกติ ใช้กรรไกรตัดเล็บตัดเล็บตามปกติ เหมือนเดิมทุกครั้ง เห็นอะไรดำ ๆ สกปรกติดอยู่ตามซอกเล็บก็จะใช้กรรไกรที่เอาไว้แงะพวกเศษซอกเล็บ ค่อย ๆ แคะออกตามปกติทุกอย่าง ตะไบอะไรอย่างปกติ เมื่อตัดเสร็จ เราก็อาบน้ำ ทำความสะอาดเข้านอน
ช่วงตอนกลางคืนของวันพฤหัสบดี มีความรู้สึกว่าเริ่มเจ็บนิ้วเท้าหัวแม่โป้งข้างซ้าย เราก็แค่คิดว่าคงเพราะตัดเล็บเข้าเนื้อหรืออะไรสักอย่าง ก็ไม่ได้สนใจอะไร นอนไปจนเช้า ตื่นเช้ามา เราเดินแล้วรู้สึกเจ็บปวด ไม่สามารถกดเท้าได้แบบเต็ม ๆ เท้า เราก็คิดว่า อาจเพราะเราไปโดนเนื้อหรืออะไร เดี๋ยวก็หาย เราก็ปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้สนใจอะไร ผ่านไป 2-3 วัน อาการเหมือนทุเลาลง เราก็คิดว่าคงหายแล้ว
แต่พอมาเช้าวันอาทิตย์ อาการกำเริบ เจ็บ ปวด บวม ขึ้นมาอีก เดินเหยียบเต็มเท้าไม่ได้ ต้องใช้ส้นเท้าเดิน กดเต็มแรงไม่ได้ ไม่โดนก็เจ็บ ยิ่งถ้าไปโดน ปวดแทบร้องไห้ ทรมานมาก เราเลยไปซื้อยากิน เภสัชกรจ่ายยา GOFEN 400 ของ MEGA ให้ เป็นยาแก้อักเสบ แก้ปวด เขาบอกให้ลองกินก่อน เพราะเราแค่บวม อักเสบ แดง เขาเลยจ่ายยาตัวนี้มา และนี่คืออาการของเราเมื่อวันอาทิตย์
เมื่อเราทานยา วันจันทร์-อังคาร อาการปวดก็บรรเทาลง มีเจ็บบ้าง แต่อาการปวดบวมลดลง จนเราคิดว่าเดี๋ยวก็คงหาย ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว
แต่ไม่เป็นแบบนั้น !!!
ช่วงกลางวันวันพุธ อาการเริ่มปวดขึ้นมาอีก ทีนี้เจ็บ ปวด แดง อาการเหมือนวันอาทิตย์เลย เราก็ทานยาที่เภสัชกรให้ต่อเนื่อง และคิดว่าวันรุ่งขึ้นถ้าไม่ดีขึ้นจะไปหาเภสัชกรใหม่ ให้เขาดูอาการ ที่เราเลือกไปหาเภสัชกรที่นี่เพราะปกติมีอะไรเราจะไปหาเขา ค่อนข้างสนิทกัน และแนะนำดี ให้ยาดี กินแล้วหาย เราเลยเชื่อใจและวางใจเวลาเป็นอะไร เราก็จะไปหาเขา
แต่ !!!!
รุ่งขึ้นวันพฤหัสบดี เราตื่นขึ้นมา โอ้ !! พระเจ้า !! มันเกิดอะไรขึ้น !! นิ้วเท้าเรา บวม แดง ปวด อักเสบ ที่มันร้ายแรงกว่านั้น คือมีหนองขึ้นเป็นก้อน !!!
พระเจ้า !! เภสัชกรคงไม่ไหวแล้ว เรารีบไปโรงพยาบาล และคิดว่าคงต้องกรีดเอาหนองออก แค่เอาหนองออกก็คงจะหาย แต่ไม่เป็นแบบนั้น เมื่อเข้าพบหมอ หมอดูอาการอย่างละเอียด ถามว่าเราไปทำอะไรมา เราก็บอกว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตัดเล็บตามปกติทุกอย่าง หมอดูอาการอย่างละเอียด คืออาการหัวหนองมันอยู่ข้าง ๆ เล็บ ดูผิวเผินคือแค่เอาหนองออกคงจบ แต่มันไม่ใช่ หมอพิจารณานิ้วเท้าเราอย่างละเอียด เขาบอกเราว่าต้องถอดเล็บ !! ต้องผ่าตัดถอดเล็บออก !! เพราะถึงแม้หัวหนองไม่ได้อยู่ในเล็บ แต่ต้นตอต้นเหตุคือในซอกเล็บ จากที่เราไปแคะ ไปแงะ ไปตัดอย่างผิดวิธี หรือแคะลึกจนเกินไปจนเกิดการอักเสบ พอเกิดการอักเสบ ตรงซอกเล็บผิวมันเปิด อาการที่เราคิดว่าแค่ปวด ๆ เจ็บ ๆ ใช้ชีวิตประจำวันปกติ เดินผ่านอะไรต่าง ๆ นานา สิ่งสกปรกมันก็เข้าไปตามซอกเล็บ เกิดการสะสมจนกลายเป็นการติดเชื้อ เป็นหนอง ถ้าไม่ถอดออกก็ไม่หาย เล็บอาจเน่า ติดเชื้อรุนแรง และอาจลาม
เราจึงตัดสินใจ ถอดก็ถอด เจ็บมากค่ะตอนฉีดยาชา เจ็บถึงใจจริง ๆ ยิ่งกว่าฉีดยาชาศัลยกรรม ไม่รู้ทำไม เจ็บปวดทรมานมาก ๆ หมอทิ้งยาชาไว้ให้เรา 5-10 นาที และทำการผ่าตัด และถอดเล็บออก เราไม่มองเลยค่ะ เรากลัว บอกตรง ๆ เจ็บถึงหัวใจจริง ๆ นี่คือสภาพหลังผ่าเสร็จ
วันรุ่งขึ้น พอยาชาหมดเท่านั้นแหละ เจ็บปวดรวดร้าว ปวดแผลตุ้บ ๆๆๆ เจ็บทรมานมาก หมอบอกเราสามารถล้างแผลเองได้ โดยการแช่น้ำร้อน ล้างน้ำเกลือ เช็ดแผลให้แห้ง ทายา ปิดพลาสเตอร์ ดูอาการทุกวัน ช่วงแรก ๆ แผลจะสด อาจมีเลือดออก มีน้ำเหลืองออกบ้าง แต่วันแรกที่ล้างแผลเราก็ไปโรงพยาบาลค่ะ ล้างเองใจไม่แกร่งพอจริง ๆ ปกติเป็นคนที่อดทนมากนะกับความเจ็บ ผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมมาเยอะ แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริง ๆ ตัดสินใจให้พยาบาลล้างแผลให้
โอ้โห ร้องลั่นห้องค่ะ พยาบาลต้องเอาที่กั้นเตียงขึ้น เพราะเราดิ้นทรมาน คือมันเจ็บมากค่ะ มันมีส่วนหนึ่งของผ้าก็อซที่หมอพันติดกับเนื้อที่เอาเล็บออกไป คือใช้เวลาในการเอาผ้าก็อซออกนานกว่าครึ่งชั่วโมง คนอื่นอาจเป็นน้อยกว่าเรา เจ็บน้อยกว่าเรา แต่อาการเราหนักจริง เพราะเปิดแผลออกมา คือยังบวม อักเสบ แดงช้ำ ซึ่งปกติเมื่อผ่าอาการบวมจะต้องหายและดีขึ้น แต่พยาบาลก็บอกให้เรากินยาแก้อักเสบต่อเนื่อง เดี๋ยวก็ดีขึ้น
ค่าเสียหายของเรื่องเล็ก ๆ ที่ทุกคนมองข้าม ค่าผ่าตัดถอดเล็บออก เราจ่ายไปเกือบ 4,000 บาทค่ะโดยประมาณ ส่วนถ้าจะให้โรงพยาบาลล้างแผล ตกวันละ 350-400 บาท ต่อวันต่อครั้ง เป็นยังไงคะ แค่การตัดเล็บ แคะเล็บ สิ่งที่เรามองข้ามกัน ทำให้เราเสียเล็บไป เจ็บตัว เสียตังค์
ที่เล่าให้ฟังทั้งหมด เพื่อมาเตือนเพื่อน ๆ ไว้เป็นอุทาหรณ์และระวังกันให้มากขึ้น เพราะสิ่งที่เรามักมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ แท้จริงมันอาจส่งผลร้ายให้แก่เราได้ค่ะ
รู้แบบนี้แล้ว สำหรับใครที่ตัดเล็บด้วยตัวเองบ่อย ๆ ระวังกันด้วยนะคะ อย่าตัดเล็บสั้นเกินไป และอย่าแคะซอกเล็บลึกเกินไป เพราะมันอาจจะทำให้เกิดอันตรายใกล้ตัวแบบนี้ก็เป็นได้ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะตัวเอง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ imalisme สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม