
รักษ์หัวใจ...รักสุขภาพสำหรับสาว (หนุ่ม) ทุกวัย (Lisa)
ไม่มีวันสายเกินไป (หรือเร็วเกินไป) กับการลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ และผู้เชี่ยวชาญได้มาให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตอย่างสุขภาพดีต่อหัวใจให้แล้ว ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม
อย่าเพิ่งคิดว่าโรคหัวใจเป็นโรคของคนแก่ หรือโรคที่ผู้ชายชอบเป็น (ประเภทหัวใจวายคาอก) เพราะในความเป็นจริงแล้วนั้น ทั้งสำหรับทั่วโลกและในประเทศไทย โรคหัวใจคร่าชีวิตผู้หญิงมากกว่าโรคมะเร็งเสียอีก! เพราะผู้หญิงมีปัจจัยหลายต่อหลายอย่าง ที่ช่วยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เช่น ความเครียดเรื้อรัง น้ำหนักที่เกินมาตรฐาน หรือภาวะหมดประจำเดือน
ดูอย่าง โทนี่ แบรกซ์ตัน นักร้องสาวเจ้าของรางวัลแกรมมี่วัย 40 นั่นปะไร ดูภายนอกเธอก็ดูสมบูรณ์แข็งแรงดีทุกอย่าง แต่เมื่อสี่ปีที่แล้วโทนี่ล้มพับลงในขณะแสดงละครเรื่อง "Aida" จนต้องถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน และได้รับรู้ว่าเธอเป็นโรคหัวใจ ทั้งที่อยู่ในวัยเพียงเลข 3 เท่านั้น! แต่โรคนี้ก็สามารถป้องกันได้ และไม่มีคำว่าสายเกินไปกับการดูแลหัวใจของเรา มาฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษาหัวใจให้แข็งแรง สำหรับสาวทุกวัยกันเถอะค่ะ

นี่เป็นช่วงที่คนเรารู้สึกแข็งแรงสุด ๆ และโรคหัวใจไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เหมือนกับเป็นสิ่งน่ากังวลในอนาคตมากกว่า สิ่งสำคัญที่ต้องจำเอาไว้ตอนนี้ (และตลอดชีวิตต่อไป) ก็คือ "อย่าสูบบุหรี่" และในวัยนี้ควรจะตระหนักถึงความสำคัญของการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสำหรับหัวใจแล้ว การออกกำลังกายที่ดีที่สุด คือกิจกรรมอะไรก็ตามที่เร่งเครื่องให้คุณร้อน และเหงื่อแตกอย่างน้อย 3-5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
Tips


หญิงสาวที่มีแนวโน้มมองโลกในแง่ดี จะมีอัตราการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำกว่า คนที่มองโลกในแง่ร้ายอย่างเห็นไปชัด โดยที่กลุ่มหลังยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าอีกด้วย
นักวิจัยกล่าวว่า การมองโลกในแง่ดีหรือแง่ร้ายนั้นจะส่งผลต่อความเครียด ที่แต่ละคนรู้สึกความสามารถในการรับมือกับความเครียดนั้น รวมถึงกำลังใจจากคนรอบข้างด้วย ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมคนมองโลกในแง่ดีถึงมีผลต่อสุขภาพในแง่บวก ตรงกันข้ามกับกลุ่มมองโลกในแง่ร้าย
ขณะที่มนุษย์โลกสวยงามทั้งหลายมีสังคมรอบตัวคอยให้กำลังใจ คนที่ไม่เป็นมิตรก็มักจะตัดความสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อน จนท้ายที่สุดแล้วคนที่มองโลกในแง่ร้ายก็จะเครียดมากขึ้น และมีสุขภาพหัวใจตกต่ำลงมากกว่าน่ะสิคะ


ถ้ายังไม่เริ่มดูแลตัวเองก็ควรเริ่มที่วัยเลขสามแล้วล่ะ มาลองสำรวจดูว่า "เรามีไลฟ์สไตล์ที่เอาหัวใจของเราไปเสี่ยงรึเปล่านะ?" ตั้งแต่การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือใช้ยาผิดกฎหมาย ล้วนแต่เป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจทั้งนั้น และอย่าเลิกเล่นกีฬาหรือหยุดออกกำลังกายนะ เราอาจต้องมีวินัยมากขึ้นในการใช้ชีวิต เพื่อที่จะได้แบ่งเวลาไว้สักนิดสำหรับออกกำลังกาย
Tips



เอาล่ะ ในวัย 40 ระบบการเผาผลาญของคุณจะค่อย ๆ ช้าลง และไม่ต้องการแคลอรีเท่ากับในวัยเลขสองหรือสามอีกต่อไป เริ่มลดปริมาณอาหารด้วยการกินน้อยลง และใช้เครื่องนับก้าว เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเดินได้วันละหนึ่งหมื่นก้าว เพื่อเป็นการออกกำลังประจำวัน และอย่างเลิกกินไขมันโดยสิ้นเชิง เพราะไขมันบางชนิด เช่น โอเมก้า -3 เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ
ในขณะที่ไขมันทรานส์ จะทำให้เซลล์ของเราเปราะบางและอาจนำไปสู่อาการหัวใจวายได้ เช่นเดียวกับไขมันอิ่มตัวที่เพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือด และเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคหัวใจให้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ วัย 40 ยังเป็นเวลาที่ความเครียดเริ่มส่งผลต่อสุขภาพหัวใจ ดังนั้น การทนทุกข์อยู่คนเดียวไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่ ๆ เช่นเดียวกับบุหรี่ เหล้า หรือการใช้ยาแบบผิด ๆ นั่นแหละค่ะ
Tips




ช่วงวัย 50 ต้น ๆ เป็นเวลาที่ผู้ชายควรเริ่มไปตรวจ CT Scan ดูหลอดเลือดหัวใจ ขณะที่คุณผู้หญิงควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 60 อันเป็นเวลาที่ความเสี่ยงโรคหัวใจของผู้หญิงจะใกล้เคียงกับผู้ชาย
CT Scan เป็นการวัดแคลเซียมในหลอดเลือด โดยไม่มีการฉีดสีใด ๆ เข้าไป และเป็นวิธีการที่แม่นยำที่สุด ในการคาดคะเนโอกาสที่จะเกิดหัวใจวาย และหลังหมดประจำเดือนแล้ว คุณผู้หญิงควรใส่ใจในระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และขนาดรอบเอวของตัวเอง ซึ่งระดับคอเลสเตอรอลมักจะพุ่งสูงขึ้นหลังจากหมดประจำเดือน และไขมันก็มักจะสะสมที่กลางลำตัวมากกว่าต้นขาหรือสะโพก โดยคุณผู้ชายควรมีรอบเอวต่ำกว่า 94 เซนติเมตร และคุณผู้หญิงควรมีรอบเอวเล็กกว่า 80 เซนติเมตร
ผลตรวจอื่น ๆ ที่คุณควรจะปรึกษาแพทย์ ได้แก่ ไตรกลีเซอไรด์และน้ำตาลในเลือด ระดับ HDL (คอเลสเตอรอลดี) และระดับ LDL (คอเลสเตอรอลเลว) หากมีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเส้นเลือดอุดตัน นอกจากนี้ การรู้ระดับน้ำตาลในเลือดก็สำคัญมาก เพราะเบาหวานที่ไม่ได้รับการรักษา ก็เหมือนกับบัตรเชิญของโรคหัวใจนั่นเอง
การตรวจเลือดสามารถตรวจหาระดับโฮโมซิสเตอีน ไลโพโปรตีน และโปรตีนชนิด High Sensitivity C-Reactive Protein ซึ่งถ้าเห็นชื่อใดชื่อหนึ่งทะลุเพดาน แสดงว่าคุณมีความเสี่ยงหัวใจวายแล้วล่ะ
Tips



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
