อากาศที่ร้อนจัดในเวลานี้ ทำให้หลายคนประสบปัญหาการนอนไม่หลับหรือหลับยาก ซึ่งปัญหาการนอนที่ว่านี้ เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งหากเกิดขึ้นในระยะสั้น ๆ แล้วหายไปก็ไม่มีผลต่อร่างกายมาก แต่ถ้าหากเกิดบ่อย ๆ อาจทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อน ถ้าเรื้อรังอาจกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ และถ้าไม่แก้ไขก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ สสส. จึงมีเคล็ดลับมาแนะนำ
1. ระยะเริ่มต้น นอน 1 ชั่วโมงแล้วไม่หลับ
2. หลับ ๆ ตื่น ๆ และเมื่อตื่นมาแล้วรู้สึกเพลียไม่สดชื่น
3. ตื่นเร็วกว่าเวลา หรือตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำแล้ว นอนหลับต่อไม่ได้ ซึ่งสาเหตุของการนอนไม่หลับนั้นอาจจะมาจากปัจจัยในเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ภาวะความเครียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเครียดแบบไม่รู้ตัว สภาวะสังคม การเงิน รวมไปถึงอายุที่มากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม แนะนำวิธีการแก้ไขอาการนอนไม่หลับแบบง่าย ๆ ดังนี้
1. นอนและตื่นให้เป็นเวลา
ก่อนนอนหนึ่งชั่วโมงให้จัดตารางกิจวัตรประจำวันตัวเองว่า อยากจะทำอะไรให้ทำซ้ำเดิมทุกวัน เช่น ออกกำลังกายเบา ๆ อาบน้ำ สวดมนต์ แล้วเข้านอนให้ทำแบบนี้ทุกวัน เป็นระยะเวลา 1 เดือน ร่างกายจะคุ้นชินกับการนอนหลับแบบเป็นเวลา ซึ่งถือเป็นการสร้างสภาวะของนาฬิกาชีวิต เพื่อทำให้ฮอร์โมนในร่างกายสมดุลกัน
อาจารย์ชินริณี เสริมว่า การนอนและตื่นให้เป็นเวลาก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยสุขภาพการนอนที่ดีควรจะนอนให้ได้ 6-8 ชั่วโมง ส่วนการนอนชดเชยหรือนอนแบบแบ่งช่วงเวลาเพื่อให้ครบ 8 ชั่วโมงนั้นไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย เพราะต้องเข้าใจว่านาฬิกาชีวิตในร่างกาย หากเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้วก็จะถือเป็นวันใหม่แล้ว ดังนั้นหากต้องนอนดึก ก็ไม่ควรจะเกินเวลาห้าทุ่ม
2. ไม่ดูสิ่งที่กระตุ้นความคิด
การดูหนังตื่นเต้นก่อนนอน หรือแม้แต่เล่นอินเทอร์เน็ตก่อนนอนนั้น จะเป็นการไปกระตุ้นสมองให้กลับมาคิดใหม่ เป็นการสร้างความเครียดโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งกว่าจะรู้สึกง่วงอีกครั้ง สมองอาจต้องใช้เวลาจัดการข้อมูลเหล่านี้ 2-4 ชั่วโมง ถ้ายิ่งคิดเยอะก็จะยิ่งไม่ได้นอน ดังนั้นควรงดกิจกรรมเหล่านี้ก่อนเข้านอน
3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
การดื่มชาและกาแฟก่อนนอนจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับ ซึ่งเครื่องดื่มที่แนะนำคือ น้ำสมุนไพร น้ำใบเตย น้ำเก็กฮวย น้ำลอยดอกมะลิ นมอุ่น หรือน้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนชาก่อนนอน ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มีฤทธิ์เย็น จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและทำให้นอนได้ อย่างไรก็ตามหากต้องการใส่น้ำตาลเพิ่มความหวานก็ใส่ได้ แต่ควรจะใส่น้ำตาลให้หวานพอดีที่ 4 กรัม หรือ 1 ช้อนชา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันรณรงค์เพื่อหวังให้คนไทยห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่มีสาเหตุมาจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป
4. ปล่อยวางความเครียด
เวลานอนไม่หลับเป็นไปได้ว่ามาจากการคิดมาก เพราะสมองและร่างกายยังคงทำงานอยู่ ขณะที่จิตใจก็คิดให้อภัยไม่ได้ เพราะยังเสียใจอยู่ จึงต้องรู้จักการปล่อยวางจิตใจ ส่วนใครที่ประสบปัญหาเวลาหลับแล้วชอบฝัน "อาจารย์ชินริณี" บอกว่า อาการฝันคืออาการที่ร่างกายกำลังย่อยความรู้ที่เราใช้มาทั้งวัน ดังนั้นเราต้องค่อย ๆ ปล่อยวางลง แล้วลองฝึกหายใจให้ถูกวิธี โดยหายใจให้ลึกถึงท้องและผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ ขณะเดียวกันให้ลองจัดตารางกิจกรรมของตัวเองก่อนนอนหนึ่งชั่วโมง อาบน้ำอุ่นหรืออาจจะสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ก็อาจจะช่วยได้
5. กลิ่นหอมช่วยให้ผ่อนคลาย
ใครที่มีปัญหาในเรื่องการหลับยาก หลับไม่สนิท หลับไม่ลึก กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บ่อยครั้ง แนะนำให้ใช้ผลมะนาวผ่าครึ่งบีบน้ำมะนาวหยดลงที่ข้อมือซ้ายแล้วนวดเบา ๆ ก่อนนอน กลิ่นหอมเปรี้ยวจากมะนาวจะช่วยสร้างสมาธิให้สมองเราได้ รับรองว่ากลิ่นนี้จะช่วยทำให้ร่างกายเกิดความผ่อนคลายทั้งสมองและจิตใจ ความคิดที่ฟุ้งซ่านจะสงบนิ่งลงและส่งผลให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น
อ.ชินริณี ทิ้งท้ายว่า วิธีที่ดูแลตัวเองดีที่สุด เพื่อให้นอนหลับได้สนิทนั้นคือ การดูแลเรื่องความเครียด พยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ และจัดตารางชีวิตของตัวเองให้เป็นปกติ ตื่นนอนเป็นเวลา ซึ่งเมื่อร่างกายปรับตัวเองได้แล้ว เราจะพบว่าการนอนหลับเป็นเรื่องง่าย ขณะเดียวกันจะต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ด้วย และที่ละเลยไม่ได้เลยคือทำจิตใจให้ผ่องใส ให้อภัยคนรอบข้างหัวเราะทุกวัน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เรานอนหลับได้แล้ว
ลองนำเคล็ดลับการนอนที่แนะนำไปปรับใช้ พร้อมกับทำจิตใจให้แจ่มใส เชื่อว่าต่อให้อากาศร้อนแค่ไหน เราก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบาย ๆ พร้อมต้อนรับวันใหม่ได้อย่างเต็มที่แล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก