หยุดกินยาคุมแล้วประจำเดือนไม่มา สาว ๆ ก็คงรู้สึกเป็นกังวลใจแล้ว ไหนจะยังมีปัญหาคาใจเรื่องยาคุมกำเนิดอื่น ๆ อีก วันนี้เรามาไขความกระจ่างในทุกประเด็นคำถามกันค่ะ
หยุดกินยาคุมตอนไหนได้บ้าง
สำหรับคนที่รับประทานยาคุมกำเนิดมานาน และอยากจะหยุดกินยาคุมเพื่อปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ จริง ๆ แล้วก็สามารถหยุดกินยาคุมได้ทันทีโดยไม่ต้องปรึกษาแพทย์ เพียงแต่ควรกินยาคุมให้หมดแผงเสียก่อน แล้วก็ไม่ต้องเริ่มกินแผงใหม่ เว้นเสียแต่กรณีที่มีความจำเป็นต้องหยุดกินยาคุมกำเนิดกะทันหัน เช่น ต้องเข้ารับการผ่าตัด เคสนี้แพทย์อาจสั่งให้หยุดกินยาคุมทันที โดยไม่ต้องรับประทานยาคุมจนหมดแผงก็ได้
หยุดกินยาคุมกลางแผงเลยได้ไหม ?
อย่างที่บอกว่าควรจะหยุดกินยาคุมเมื่อกินยาคุมแผงเดิมหมดแผงแล้ว เพราะหากหยุดกินยาคุมกลางแผง หรือหยุดกินยาคุมกลางคัน อาจทำให้มีปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ และอาจทำให้รอบประจำเดือนคลาดเคลื่อน
หยุดกินยาคุมแล้วประจำเดือนไม่มา แบบนี้ผิดปกติหรือเปล่า ?
ในช่วงที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด ประจำเดือนจะมาระหว่างกินเม็ดยาที่ 22-28 กล่าวคือ หากรับประทานยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด ประจำเดือนจะเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1-4 ของการหยุดกินยา แต่สำหรับยาคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ด ประจำเดือนจะเริ่มมาในช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแผง (ซึ่งเป็นเม็ดแป้ง) หรือระหว่างเม็ดที่ 22-28 และส่วนใหญ่จะเริ่มมีประจำเดือนระหว่างทานเม็ดแป้งได้ประมาณ 2-4 วัน ทว่าหากประจำเดือนคลาดเคลื่อน ไม่มาตามรอบดังกล่าว แนะนำให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือปรึกษาแพทย์
อย่างไรก็ตาม การหยุดกินยาคุมอาจส่งผลกระทบในรอบเดือนถัด ๆ ไปได้ เนื่องจากยาคุมกำเนิดมีผลทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนถูกควบคุม ซึ่งก็ทำให้ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ ทว่าเมื่อเลิกกินยาคุมไป ฮอร์โมนเพศในร่างกายก็จะหลั่งตามธรรมชาติ ซึ่งอาจทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอได้ในบางคน แต่ไม่ได้มีผลกระทบร้ายแรงอะไรหรอกนะคะ เพียงแต่ก็จะคาดคะเนวันที่ประจำเดือนจะมาได้ยากกว่าเดิมเท่านั้น
อาการหลังหยุดกินยาคุม จะเป็นอย่างไรบ้าง
หลายคนมีความกังวลใจว่าเมื่อหยุดกินยาคุมแล้ว จะมีอาการผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายเราหรือไม่ ตอบตรงนี้เลยค่ะว่านอกจากโอกาสตั้งครรภ์แล้ว ปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย และประจำเดือนคลาดเคลื่อนก็อาจเกิดขึ้นกับบางคนได้ โดยรอบเดือนของบางคนอาจมาช้าหรือเร็วกว่าที่เคยมา
แต่อย่างไรก็ตาม หลังหยุดกินยาคุมกำเนิด ประจำเดือนต้องมาทุกเดือน ไม่ว่าจะมาน้อยมามาก เพราะหากหยุดกินยาคุมแล้วประจำเดือนไม่มา ก็ควรทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ได้เลย แต่แม้ว่าหลังหยุดกินยาคุมไปในช่วงแรก ประจำเดือนจะผิดปกติไปบ้าง ทว่าหลังหยุดกินยาคุมไปประมาณ 1-3 เดือน รอบเดือนจะเข้าร่องเข้ารอยเหมือนเดิม คือมาในปริมาณเท่าเดิม หรือใกล้เคียงปริมาณเดิม และมาในช่วงใกล้เคียงกับรอบเดือนก่อน ๆ อีกทั้งอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยจะไม่มีอีกแล้ว แต่หากหยุดกินยาคุมไปแล้วประจำเดือนไม่มา และตรวจแล้วไม่พบว่าตั้งครรภ์ หรือประจำเดือนหายไปนานกว่า 2 เดือน กรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงนะคะ
หยุดกินยาคุมกี่เดือนถึงจะท้อง ?
ยาคุมกำเนิดจะช่วยชะลอโอกาสตั้งครรภ์สำหรับคู่ที่ไม่พร้อมมีบุตร ซึ่งตัวยาจะยับยั้งการตกไข่ในเพศหญิงก็เฉพาะตอนที่กินยาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้วก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ทันที หรือไม่เกิน 1 ปี หลังจากหยุดกินยาคุมไป แต่ในกรณีที่ยังไม่ตั้งครรภ์สักที อาจต้องลองไปตรวจร่างกายว่ามีภาวะมีบุตรยากอยู่หรือเปล่า
หยุดกินยาคุม 1 เดือน แล้วจะเริ่มกินใหม่ได้เมื่อไร
สำหรับสาว ๆ ที่หยุดกินยาคุมไป 1 เดือน หรือหยุดกินยาคุม 1 แผงแล้วอยากจะกลับมากินยาคุมใหม่อีกครั้ง ควรเริ่มรับประทานยาเม็ดแรกในวันที่ 5 ของการมีประจำเดือน โดยให้นับวันแรกที่มีเลือดประจำเดือนออกมาเป็นวันที่ 1 เพื่อให้ครบรอบการตกไข่ของร่างกาย
แต่สำหรับเคสที่หยุดกินยาคุมกำเนิดมานาน แต่อยากกลับมากินยาคุมใหม่อีกครั้ง ให้กินเหมือนเริ่มกินยาคุมครั้งแรก กล่าวคือ เริ่มกินยาคุมเม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือน หรือภายใน 5 วันของการมีประจำเดือน ทว่าหากไม่ได้กินยาคุมกำเนิดภายใน 5 วันของการมีประจำเดือน ในช่วง 7 วันแรกของการกินยาคุมกำเนิด ก็ควรใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ อย่างการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย
หยุดกินยาคุมช่วงเว้น 7 วัน หรือช่วงกินยาหลอก จะต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นอีกไหม ?
ในกรณีที่กินยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด แล้วมีช่วงหยุดกินยาคุม 7 วันก่อนเริ่มกินแผงใหม่ หรือช่วงที่กินเม็ดแป้งในยาคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ด ช่วง 7 วันนี้ตัวยาจะยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนนั้นไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ แม้ไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย ทว่าก็ต้องมั่นใจว่าก่อนหน้านั้นเรากินยาคุมกำเนิดอย่างสม่ำเสมอ ไม่กิน ๆ ลืม ๆ
อย่างไรก็ดี อยากย้ำเพิ่มอีกนิดนะคะว่า ยาเม็ดคุมกำเนิดช่วยยับยั้งการตั้งครรภ์ได้เท่านั้น แต่ไม่ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด และไม่มีวิธีคุมกำเนิดแบบใดให้ผลป้องกันได้ 100% เต็ม โดยเฉพาะหากกินยาไม่สม่ำเสมอ ลืมกินบ้าง กินไม่ตรงเวลาบ้าง เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : หมอชาวบ้าน, เฟซบุ๊ก ใกล้มิตรชิดหมอ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, pharmacafe, โรงพยาบาลวิภาวดี