เลือดออกพร้อมสารคัดหลั่งเหล่านี้อันตรายหรือไม่ แล้วเกิดจากอะไร ได้เวลารู้ไว้เพื่อรู้ทันภัยสุขภาพ
น้ำลายของเราถูกสร้างขึ้นเพื่อชำระล้างเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ภายในปาก แต่ถ้าหากน้ำลายนั้นมีเลือดเจือปนก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น คออักเสบ หลอดอาหารฉีกขาด การติดเชื้อ แผลในปาก การขาดสารอาหารต่าง ๆ หรือแม้แต่โรคอันตรายอย่าง โรคมะเร็ง นอกจากนี้โรคระบบทางเดินหายใจ อย่างเช่น วัณโรค หรือโรคปอดแตก ก็ทำให้มีเลือดปนในน้ำลายได้เช่นกัน
2. เสมหะเป็นเลือด
ภาวะเลือดในเสมหะ มองผิวเผินอาจคล้ายกับเลือดในน้ำลาย แต่ต่างกันตรงที่เสมหะเป็นเลือดที่ออกมานั้นจะออกมาพร้อมกับอาการไอเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไข้ และหายใจถี่ร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายของโรคที่เกี่ยวกับปอด โรคมะเร็งในลำคอ หรือหลอดลม โดยมักจะเกิดขึ้นกับคนที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ติดต่อกันมานาน ดังนั้นถ้าหากคุณมีอาการไอเป็นเลือดติดต่อกันนาน ๆ ละก็ อย่ามัวแต่รอให้หายเอง ไปตรวจจะดีกว่าค่ะ
3. น้ำมูกมีเลือดปน
โดยปกติแล้วน้ำมูกของคนเราจะมีสีใส แต่ถ้าในกรณีที่เลือดหรือมีเศษสีน้ำตาลปนมาในน้ำมูก นั่นอาจจะไม่ใช่แค่อาการเลือดกำเดาไหลเพียงเท่านั้น แต่อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศที่ร้อนหรือแห้งจนเกินไป การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่จมูก การสั่งน้ำมูก หรือสูดจมูกบ่อย ๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตกและมีเลือดออก ถ้าหากออกมาไม่มากนักก็มักจะเจือปนกับน้ำมูก แต่ถ้าหากเลือดออกมาก็จะทำให้เป็นเลือดกำเดาไหลนั่นเอง
แต่หากไม่ได้เกิดจากปัจจัยที่ว่ามาข้างต้นก็อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ อาทิ โรคภูมิแพ้ ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่ร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งไซนัส หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่พบได้ไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม หากไม่มั่นใจ ควรไปพบแพทย์เพื่อความสบายใจดีกว่าค่ะ
4. อาเจียนเป็นเลือด
คนเรามักจะสับสนว่าการที่มีเลือดปนมากับอาเจียนนั้นคืออาการอาเจียนเป็นเลือด ไอเป็นเลือด หรือเลือดกำเดากันแน่ เพราะทั้ง 3 อาการนั้นมีเลือดออกมาทางปากได้เหมือนกัน แต่หากเป็นอาการอาเจียนเป็นเลือด ก็มักจะมีภาวะอุจจาระเป็นเลือดร่วมด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดอาเจียนเป็นเลือดก็มักมาจากภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือในหลอดอาหาร แต่ทั้งนี้ก็อาจจะเกิดจากเนื้องอกที่เกิดขึ้นภายในปาก ลำคอ ช่องท้องหรือหลอดอาหาร หรือแม้แต่ความเสียหายของตับอย่างรุนแรงด้วย ฉะนั้นเพื่อความแม่นยำของโรคต้องวินิจฉัยร่วมกับอาการอื่น ๆ ด้วยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ
5. น้ำนมมีเลือดปน
สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ต้องตกใจไปหากมีเลือดออกมาพร้อมกับน้ำนม เนื่องจากอาการเลือดออกดังกล่าวเกิดจากการให้นมบุตรมากเกินไปจนทำให้หัวนม และเส้นเลือดฝอยบริเวณทรวงอกแตกเพราะการปั้มนมด้วยมือหรือเครื่องที่ผิดวิธี นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากซีสต์ที่เกิดขึ้นบริเวณท่อน้ำนม โดยอาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และคุณลูก อีกทั้งยังสามารถหายไปได้เองตามธรรมชาติอีกด้วย
6. ปัสสาวะเป็นเลือด
ภาวะเลือดปนในปัสสาวะ หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria) เป็นสัญญาณความผิดปกติที่เกิดกับระบบทางเดินปัสสาวะ ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะปัสสาวะ ไต กรวยไต หรือทางเดินปัสสาวะ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไตหรือกระเพาะปัสสาวะ การใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด และสาเหตุที่อันตรายที่สุดก็คือโรคมะเร็ง
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปัสสาวะเป็นเลือดนั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแบบที่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องตรวจจึงจะเห็นเม็ดเลือดในปัสสาวะ โดยแบบที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า สีของปัสสาวะจะเป็นสีชมพู แดง หรือสีน้ำตาลเข้ม แต่ถ้าเป็นแบบที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะต้องสังเกตจากอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าอาการปัสสาวะขัด หรือรู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะ รวมทั้งอาการไข้ ซึ่งอาการทั้ง 2 แบบนี้ ผ่านไปภายใน 48 ชั่วโมงแล้วยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยค่ะ
7. อุจจาระเป็นเลือด
อุจจาระเป็นเลือดไม่ใช่อาการที่ดีเท่าไรนัก เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหากับระบบลำไส้ ไม่ว่าจะเป็นอาการถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ แผลปริที่ขอบทวารหนัก ลำไส้อักเสบเรื่องรัง เลือดออกในลำไส้ส่วนล่าง เนื้องอก หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดก็คือโรคมะเร็งในระบบลำไส้ ซึ่งหากไม่มีอาการอะไรนอกจากถ่ายลำบาก นั่นก็อาจเป็นเพราะว่าคุณท้องผูกอย่างหนักจนเกิดแผลในลำไส้และเลือดออกเวลาถ่าย แต่ถ้าหากคุณถ่ายได้เป็นปกติ หรือถ่ายเป็นน้ำแล้วมีเลือดปนออกมาละก็ อย่าสันนิษฐานเองเด็ดขาด ไปหาหมอตรวจให้ชัวร์ดีที่สุดค่ะ
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สารคัดหลั่งที่ออกมาจากร่างกาย แต่เราก็ไม่มองข้าม เพราะนอกจากอาการเลือดออกแล้ว สี กลิ่น และลักษณะของสารคัดหลั่งก็สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพได้ ดังนั้นทางที่ดีหากสามารถสังเกตได้บ่อย ๆ จะดีมากเลย อย่างน้อยเราจะได้รับมือกับสุขภาพได้ทันท่วงที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
positivemed.com, prevention.com, medicinenet.com, webmd.com, healthhype.com, U.S. National Library of Medicine , breastfeeding-problems.com, your.md, mucuscolor.com
สารคัดหลั่ง
คือสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่ที่แตกต่างกัน
ไม่ว่าช่วยให้ความชุ่มชื้น ช่วยกำจัดแบคทีเรีย
หรือแม้แต่ช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย
โดยเราสามารถสังเกตความผิดปกติได้จากสารคัดหลั่งเหล่านี้
อย่างเช่นอาการเลือดออก
ซึ่งถ้าหากมีเลือดออกมาพร้อมกับสารคัดหลั่งแล้วนั่นแปลว่าต้องมีปัญหาสุขภาพบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเราแน่นอน
แต่จะบ่งบอกอะไรได้บ้างนั้น ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. มีเลือดปนน้ำลาย
น้ำลายของเราถูกสร้างขึ้นเพื่อชำระล้างเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ภายในปาก แต่ถ้าหากน้ำลายนั้นมีเลือดเจือปนก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น คออักเสบ หลอดอาหารฉีกขาด การติดเชื้อ แผลในปาก การขาดสารอาหารต่าง ๆ หรือแม้แต่โรคอันตรายอย่าง โรคมะเร็ง นอกจากนี้โรคระบบทางเดินหายใจ อย่างเช่น วัณโรค หรือโรคปอดแตก ก็ทำให้มีเลือดปนในน้ำลายได้เช่นกัน
2. เสมหะเป็นเลือด
ภาวะเลือดในเสมหะ มองผิวเผินอาจคล้ายกับเลือดในน้ำลาย แต่ต่างกันตรงที่เสมหะเป็นเลือดที่ออกมานั้นจะออกมาพร้อมกับอาการไอเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไข้ และหายใจถี่ร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายของโรคที่เกี่ยวกับปอด โรคมะเร็งในลำคอ หรือหลอดลม โดยมักจะเกิดขึ้นกับคนที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ติดต่อกันมานาน ดังนั้นถ้าหากคุณมีอาการไอเป็นเลือดติดต่อกันนาน ๆ ละก็ อย่ามัวแต่รอให้หายเอง ไปตรวจจะดีกว่าค่ะ
3. น้ำมูกมีเลือดปน
โดยปกติแล้วน้ำมูกของคนเราจะมีสีใส แต่ถ้าในกรณีที่เลือดหรือมีเศษสีน้ำตาลปนมาในน้ำมูก นั่นอาจจะไม่ใช่แค่อาการเลือดกำเดาไหลเพียงเท่านั้น แต่อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศที่ร้อนหรือแห้งจนเกินไป การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่จมูก การสั่งน้ำมูก หรือสูดจมูกบ่อย ๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตกและมีเลือดออก ถ้าหากออกมาไม่มากนักก็มักจะเจือปนกับน้ำมูก แต่ถ้าหากเลือดออกมาก็จะทำให้เป็นเลือดกำเดาไหลนั่นเอง
แต่หากไม่ได้เกิดจากปัจจัยที่ว่ามาข้างต้นก็อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ อาทิ โรคภูมิแพ้ ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่ร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งไซนัส หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่พบได้ไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม หากไม่มั่นใจ ควรไปพบแพทย์เพื่อความสบายใจดีกว่าค่ะ
4. อาเจียนเป็นเลือด
คนเรามักจะสับสนว่าการที่มีเลือดปนมากับอาเจียนนั้นคืออาการอาเจียนเป็นเลือด ไอเป็นเลือด หรือเลือดกำเดากันแน่ เพราะทั้ง 3 อาการนั้นมีเลือดออกมาทางปากได้เหมือนกัน แต่หากเป็นอาการอาเจียนเป็นเลือด ก็มักจะมีภาวะอุจจาระเป็นเลือดร่วมด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดอาเจียนเป็นเลือดก็มักมาจากภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือในหลอดอาหาร แต่ทั้งนี้ก็อาจจะเกิดจากเนื้องอกที่เกิดขึ้นภายในปาก ลำคอ ช่องท้องหรือหลอดอาหาร หรือแม้แต่ความเสียหายของตับอย่างรุนแรงด้วย ฉะนั้นเพื่อความแม่นยำของโรคต้องวินิจฉัยร่วมกับอาการอื่น ๆ ด้วยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ
5. น้ำนมมีเลือดปน
สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ต้องตกใจไปหากมีเลือดออกมาพร้อมกับน้ำนม เนื่องจากอาการเลือดออกดังกล่าวเกิดจากการให้นมบุตรมากเกินไปจนทำให้หัวนม และเส้นเลือดฝอยบริเวณทรวงอกแตกเพราะการปั้มนมด้วยมือหรือเครื่องที่ผิดวิธี นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากซีสต์ที่เกิดขึ้นบริเวณท่อน้ำนม โดยอาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และคุณลูก อีกทั้งยังสามารถหายไปได้เองตามธรรมชาติอีกด้วย
6. ปัสสาวะเป็นเลือด
ภาวะเลือดปนในปัสสาวะ หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria) เป็นสัญญาณความผิดปกติที่เกิดกับระบบทางเดินปัสสาวะ ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะปัสสาวะ ไต กรวยไต หรือทางเดินปัสสาวะ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไตหรือกระเพาะปัสสาวะ การใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด และสาเหตุที่อันตรายที่สุดก็คือโรคมะเร็ง
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปัสสาวะเป็นเลือดนั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแบบที่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องตรวจจึงจะเห็นเม็ดเลือดในปัสสาวะ โดยแบบที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า สีของปัสสาวะจะเป็นสีชมพู แดง หรือสีน้ำตาลเข้ม แต่ถ้าเป็นแบบที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะต้องสังเกตจากอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าอาการปัสสาวะขัด หรือรู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะ รวมทั้งอาการไข้ ซึ่งอาการทั้ง 2 แบบนี้ ผ่านไปภายใน 48 ชั่วโมงแล้วยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยค่ะ
7. อุจจาระเป็นเลือด
อุจจาระเป็นเลือดไม่ใช่อาการที่ดีเท่าไรนัก เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหากับระบบลำไส้ ไม่ว่าจะเป็นอาการถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ แผลปริที่ขอบทวารหนัก ลำไส้อักเสบเรื่องรัง เลือดออกในลำไส้ส่วนล่าง เนื้องอก หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดก็คือโรคมะเร็งในระบบลำไส้ ซึ่งหากไม่มีอาการอะไรนอกจากถ่ายลำบาก นั่นก็อาจเป็นเพราะว่าคุณท้องผูกอย่างหนักจนเกิดแผลในลำไส้และเลือดออกเวลาถ่าย แต่ถ้าหากคุณถ่ายได้เป็นปกติ หรือถ่ายเป็นน้ำแล้วมีเลือดปนออกมาละก็ อย่าสันนิษฐานเองเด็ดขาด ไปหาหมอตรวจให้ชัวร์ดีที่สุดค่ะ
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สารคัดหลั่งที่ออกมาจากร่างกาย แต่เราก็ไม่มองข้าม เพราะนอกจากอาการเลือดออกแล้ว สี กลิ่น และลักษณะของสารคัดหลั่งก็สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพได้ ดังนั้นทางที่ดีหากสามารถสังเกตได้บ่อย ๆ จะดีมากเลย อย่างน้อยเราจะได้รับมือกับสุขภาพได้ทันท่วงที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
positivemed.com, prevention.com, medicinenet.com, webmd.com, healthhype.com, U.S. National Library of Medicine , breastfeeding-problems.com, your.md, mucuscolor.com