
ยาคุม ... ต้องรู้ (Modern Mom)
โดย: พญ.กันดาภา ฐานบัญชา
หนึ่งในวิธีคุมกำเนิดที่ง่าย มีประสิทธิภาพดี และได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับคุณผู้หญิงก็คือ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดค่ะ แต่ผู้หญิงหลาย ๆ คนยังใช้ยาคุมไม่ถูกต้อง หรือไม่รู้ว่าควรกินเมื่อไหร่ อย่างไร
ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจของทั่วโลก รวมทั้งบ้านเรากำลังแย่ลง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงขึ้น มีคนว่างงานมากขึ้น การตั้งครรภ์โดยไม่ได้วางแผน อาจก่อให้เกิดปัญหากลุ้มใจให้กับหลาย ๆ คน การคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นได้ค่ะ
การคุมกำเนิดในปัจจุบันมีหลายวิธี เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การฉีดยาคุมกำเนิด การใส่ห่วงคุมกำเนิด การฝังยาคุมกำเนิด และการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ส่วนการจะเลือกใช้วิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับระยะห่างของการจะมีบุตร และข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
สำหรับหลาย ๆ คนที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่ มาทำความรู้จักและใช้ยาตัวนี้ให้ถูกต้องและปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ






สำหรับผู้ที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอ สามารถเริ่มยาคุมกำเนิดได้ภาย 5 วันตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนค่ะ อาจจะเริ่มกินตั้งแต่วันแรกที่มีเลยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเลยวันที่ 5 ไปแล้ว ก็ต้องรอรอบต่อไปค่ะ แต่หากในรายที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอควรปรึกษาแพทย์ก่อน ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้แนะนำ และอาจมีการตรวจการตั้งครรภ์ก่อนให้เริ่มยาค่ะ

สิ่งสำคัญก็คือควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกวัน เพื่อประสิทธิภาพของการคุมกำเนิด และถ้าลืมรับประทานยาให้ปฏิบัติดังนี้ค่ะ



เมื่อรู้จักกันดีมาขึ้นแล้ว คราวนี้คุณคงเลือกใช้ยาคุมกำเนิดได้อย่างมั่นใจมากขึ้นกันแล้วนะคะ....







การรับประทานยาคุมติดต่อกันไม่ได้ทำให้มดลูกแห้ง และไม่ได้ทำให้ความสามารถในการมีบุตรลดลงค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นการหยุดยาคุมเป็นพัก ๆ และเริ่มต้นใหม่อาจทำให้มีผลข้างเคียงมากกว่า เพราะอาการข้างเคียงมักเกิดในช่วง 2-3 เดือนแรกทีเริ่มรับประทานยา แต่ถ้ารับประทานต่อเนื่องอาการข้างเคียงมักบรรเทาหรือหายไป ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพักมดลูก หรือหยุดยาเป็นพักๆ ค่ะ

ความเข้าใจผิดนี้ น่าจะมาจากผู้หญิงบางกลุ่มที่รับประทานยาคุมนาน จนกระทั่งพร้อมจะมีบุตร และตัดสินใจหยุดยาคุมเมื่ออายุ 30 ปีหรือมากกว่า ซึ่งความสามารถในการตั้งครรภ์ในกลุ่มอายุนี้ลดลงอยู่แล้ว ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเพราะยาคุมกำเนิด
อีกสาเหตุหนึ่ง ผู้หญิงหลายคนมีโรคที่เป็นสาเหตุที่ทำให้บุตรยากอยู่แล้ว เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเนื้องอกมดลูก (Myoma Uteri)

จริง ๆ แล้วยาเม็ดคุมกำเนิดมีส่วนในการป้องกันเกิดมะเร็งรังไข่ และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ค่ะ แต่เพิ่มอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งปากมดลูกเล็กน้อย ซึ่งอาจเกิดจากผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด มักไม่ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อ HPV (Human Papiloma Virus) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่า และพบว่าผู้หญิงที่อายุมากกว่า 35 ปี และสูบบุหรี่ด้วยจะมีความเสี่ยงมากขึ้น
สำหรับมะเร็งเต้านมนั้น ผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และความเสี่ยงจะลดลงเมื่อเลิกใช้
ฉะนั้น แนะนำว่าผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดควร ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปี และหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอค่ะ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
