วิธีลดพุงป่อง ๆ อย่าคิดว่าแค่ไปดูดไขมันหน้าท้องแล้วทุกอย่างที่กินมาจะหายไป เพราะรู้ไหมว่าไขมันในช่องท้องนั้นดื้อกว่าที่คิด !
ความอ้วนที่ได้มาจากการกินล้วน ๆ จนกลายเป็นไขมันสะสมอยู่ตามร่างกายส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะหน้าท้องของเราเอง ใครที่เข้าใจว่าไขมันที่พอกพูนผิวหนังเหล่านี้จัดการได้ง่าย ๆ แค่อาศัยเทคโนโลยีดูดไขมันก็กลับมาหุ่นดีได้แบบเดิมแล้ว ขอเคลียร์ให้เข้าใจตรงนี้เลยค่ะว่าคุณคิดผิดมหันต์ แต่จะเป็นเพราะอะไร มาดูเฉลยจากแพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือหมอผิง จากเพจ Pleasehealth Books กันเลย
"กิน ๆ ไปเหอะแก เดี๋ยวค่อยไปดูดไขมันออกเอา !"
เป็นประโยคที่หมอบังเอิญได้ยินเข้าในร้านอาหาร ไม่ได้ตั้งใจหูเผือกหัวมันนะคะ แค่หูกางแต่กำเนิดเบา ๆ คลื่นเสียงเลยผ่านมากระทบที่แก้วหู ซึ่งก็ได้ส่งผลให้หมอคันมือ อยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องไขมันที่พุงขึ้นมา
จริง ๆ แล้วไขมันที่เราเห็นกองกันอยู่เป็นพุงพลุ้ย ๆ ก้อนเดียวนั้น มีอยู่สองส่วน ส่วนหนึ่งคือไขมันที่ชั้นใต้ผิวหนังซึ่งเรียกว่า Subcutaneous fat เป็นไขมันที่เราใช้มือบีบผิวแล้วยกขึ้นมาเป็นก้อนได้ เห็นกันเป็นรูปธรรม กับไขมันอีกส่วนที่อยู่ในช่องท้อง ติดอยู่กับลำไส้ จับไม่ได้ มองไม่เห็น เว้นแต่จะผ่าท้องแล้วเอาลำไส้ออกมากอง เราก็จะเห็นก้อนไขมันเหลือง ๆ เกาะกันอยู่อย่างสามัคคี ! ไขมันส่วนนี้เรียกว่า Visceral fat
การดูดไขมัน คือ การใช้เครื่องมือไปทำลายเซลล์ไขมัน ไม่ว่าจะด้วยความร้อนหรือความเย็น ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบันนั้น จะกำจัดได้เฉพาะไขมันชั้นใต้ผิวหนัง สามารถทำให้หน้าท้องคุณแบนลง ใส่เสื้อผ้าสวยขึ้นได้ แต่ไม่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปกำจัดไขมันในช่องท้อง หรือเจ้า Visceral fat ได้เลย
การจะลดไขมันในช่องท้องนั้น ไม่มีทางลัด ต้องอาศัยวินัยและความอดทนในการปรับอาหาร ลดน้ำตาล น้ำเชื่อมฟรุกโตส ของทอด ไขมันทรานส์ สุรา และการออกกำลังกายสม่ำเสมอเท่านั้น
ดังนั้นหากจุดประสงค์ในการลดพุงของคุณ คืออยากมีสุขภาพที่ดีขึ้นเป็นหลัก ก็ต้องเริ่มที่ปรับอาหาร ออกกำลังกาย และทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า ไขมันในช่องท้องนั้น เป็นไขมันที่ดูดไม่ออกค่า
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง)
Twitter, Instagram: @thidakarn
รับทราบคำชี้แจงจากคุณหมอผิงคงกระจ่างกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าถ้าอยากลดพุง ลดไขมันหน้าท้องอย่างแท้จริง สิ่งที่ควรจะทำมากกว่าเสียเงินไปกับการดูดไขมัน ก็คือการดูแลสุขภาพด้วยตัวเราเองนี่แหละ
ขอบคุณข้อมูลจาก
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง) จากเฟซบุ๊ก Pleasehealth Books
ความอ้วนที่ได้มาจากการกินล้วน ๆ จนกลายเป็นไขมันสะสมอยู่ตามร่างกายส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะหน้าท้องของเราเอง ใครที่เข้าใจว่าไขมันที่พอกพูนผิวหนังเหล่านี้จัดการได้ง่าย ๆ แค่อาศัยเทคโนโลยีดูดไขมันก็กลับมาหุ่นดีได้แบบเดิมแล้ว ขอเคลียร์ให้เข้าใจตรงนี้เลยค่ะว่าคุณคิดผิดมหันต์ แต่จะเป็นเพราะอะไร มาดูเฉลยจากแพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือหมอผิง จากเพจ Pleasehealth Books กันเลย
"กิน ๆ ไปเหอะแก เดี๋ยวค่อยไปดูดไขมันออกเอา !"
เป็นประโยคที่หมอบังเอิญได้ยินเข้าในร้านอาหาร ไม่ได้ตั้งใจหูเผือกหัวมันนะคะ แค่หูกางแต่กำเนิดเบา ๆ คลื่นเสียงเลยผ่านมากระทบที่แก้วหู ซึ่งก็ได้ส่งผลให้หมอคันมือ อยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องไขมันที่พุงขึ้นมา
จริง ๆ แล้วไขมันที่เราเห็นกองกันอยู่เป็นพุงพลุ้ย ๆ ก้อนเดียวนั้น มีอยู่สองส่วน ส่วนหนึ่งคือไขมันที่ชั้นใต้ผิวหนังซึ่งเรียกว่า Subcutaneous fat เป็นไขมันที่เราใช้มือบีบผิวแล้วยกขึ้นมาเป็นก้อนได้ เห็นกันเป็นรูปธรรม กับไขมันอีกส่วนที่อยู่ในช่องท้อง ติดอยู่กับลำไส้ จับไม่ได้ มองไม่เห็น เว้นแต่จะผ่าท้องแล้วเอาลำไส้ออกมากอง เราก็จะเห็นก้อนไขมันเหลือง ๆ เกาะกันอยู่อย่างสามัคคี ! ไขมันส่วนนี้เรียกว่า Visceral fat
การดูดไขมัน คือ การใช้เครื่องมือไปทำลายเซลล์ไขมัน ไม่ว่าจะด้วยความร้อนหรือความเย็น ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบันนั้น จะกำจัดได้เฉพาะไขมันชั้นใต้ผิวหนัง สามารถทำให้หน้าท้องคุณแบนลง ใส่เสื้อผ้าสวยขึ้นได้ แต่ไม่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปกำจัดไขมันในช่องท้อง หรือเจ้า Visceral fat ได้เลย
แต่ปัญหาคือไขมันส่วนที่อันตรายต่อสุขภาพ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
ไขมันพอกตับ หรือความดันโลหิตสูง คือไขมันที่อยู่ในช่องท้องนี่แหละค่ะ
ส่วนไขมันที่อยู่ชั้นใต้ผิวหนังจะหนักไปทางอันตรายต่อความสวยความงามทางสายตาเสียมากกว่า
การจะลดไขมันในช่องท้องนั้น ไม่มีทางลัด ต้องอาศัยวินัยและความอดทนในการปรับอาหาร ลดน้ำตาล น้ำเชื่อมฟรุกโตส ของทอด ไขมันทรานส์ สุรา และการออกกำลังกายสม่ำเสมอเท่านั้น
ดังนั้นหากจุดประสงค์ในการลดพุงของคุณ คืออยากมีสุขภาพที่ดีขึ้นเป็นหลัก ก็ต้องเริ่มที่ปรับอาหาร ออกกำลังกาย และทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า ไขมันในช่องท้องนั้น เป็นไขมันที่ดูดไม่ออกค่า
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง)
Twitter, Instagram: @thidakarn
รับทราบคำชี้แจงจากคุณหมอผิงคงกระจ่างกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าถ้าอยากลดพุง ลดไขมันหน้าท้องอย่างแท้จริง สิ่งที่ควรจะทำมากกว่าเสียเงินไปกับการดูดไขมัน ก็คือการดูแลสุขภาพด้วยตัวเราเองนี่แหละ
ขอบคุณข้อมูลจาก
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง) จากเฟซบุ๊ก Pleasehealth Books