แพทย์พิจิตรช่วยคนกินยาแก้ปวดรอดหวุดหวิด (ไอเอ็นเอ็น)
แพทย์ ร.พ.พิจิตร ช่วยชีวิตผู้ป่วยกินยาแก้ปวดไมเกรน เส้นโลหิตเป็นพิษ รักษารอดหวุดหวิด
คำเตือนจากแพทย์ หากป่วยเป็นโรคไมเกรน แล้วกินยาแก้ปวดรักษาตนเอง ไม่ปรึกษาแพทย์ หรือ ทำตามคำแนะนำ เจอแล้วคนไข้อาการปางตาย เส้นเลือดใหญ่ทำพิษเกิดอาการ “ขาดำ” เหตุเลือดไม่เดิน แพทย์ชัยนาท ส่งต่อเตรียมตัดขา แต่ หมอพิจิตรเก่ง ใช้วิธีรักษาแบบโดยวิธีใส่สเต็นท์ (stent) ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษ ลักษณะคล้ายสปริง ใช้รักษาผู้ป่วยได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่
วันนี้ (12 ส.ค.53) น.พ.ธเนศ ดุสิตสุนทรกุล หัวหน้าแผนกศัลยกรรม และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือด ร.พ.พิจิตร เปิดเผยว่า ได้มีคนไข้ ชื่อ น.ส.อรุณี สุขเอี่ยม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128/3 ม.1 ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นคนไข้ที่ส่งต่อมาจาก ร.พ.ชัยนาท เนื่องจากพบว่า ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว คือ “โรคไมเกรน” ที่มักมีอาการปวดหัวเป็นประจำ จึงต้องกินยาต่อเนื่อง แต่ปรากฎว่า คนไข้กินยาไม่ถูกวิธี และนอกเหนือคำสั่งแพทย์ ซึ่งคนไข้รายนี้กินยาทุกครั้งที่ปวดหัว คราวละหลาย ๆ เม็ด ไม่เป็นตามเวลาที่แพทย์บอก จึงส่งผลให้เกิดเส้นเลือดตีบตัน ตามบริเวณต่าง ๆ เช่น เส้นเลือดตามบริเวณแขน ขา
โดยคนไข้รายนี้ เกิดอาการเส้นเลือดตีบตันที่ขาทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่อุ้งเชิงกราน ลงมาถึงปลายนิ้วเท้า ซึ่งเลือดไม่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนขาแล้ว จึงมีอาการ “ขาดำ” เหตุเพราะเลือดจ่ายไปไม่ถึง ซึ่งแพทย์ต้นทาง ร.พ.ชัยนาท คิดว่าอาจจะต้องตัดขา แต่คนไข้ขอเลือกจะมารักษาที่ ร.พ.พิจิตร เนื่องจากทราบว่า ร.พ.พิจิตร สามารถใช้วิธีการรักษาโดยวิธีใส่สเต็นท์ (stent) ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษ ลักษณะคล้ายสปริงใช้รักษาผู้ป่วยได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ ปรากฏว่าสามารถรักษาจนกลับมาเป็นปกติได้
ทั้งนี้ นับว่าเป็นเหตุการณ์อุทาหรณ์กับผู้ป่วยโรคไมเกรน ที่กินยาไม่ปรึกษาแพทย์ อีกทั้งไม่รู้ว่าถ้ากินยาแก้โรคไมเกรน บางชนิดแล้วไปกินควบคู่กับยาฆ่าเชื้อบางชนิดก็จะทำให้ยาออกฤทธิ์แรงเกินขนาด ซึ่งอาจส่งผลถึงตายได้ แต่คนไข้รายนี้ แค่เส้นเลือดตีบและได้รับการรักษาที่ถูกวิธี จึงไม่ต้องถูกตัดขา
ในส่วนของ น.ส.อรุณี สุขเอี่ยม ผู้ป่วยที่กินยาต่อเนื่อง มากว่า 2 ปี และเกือบต้องเสียขา เปิดเผยว่า อยากให้เอาตนเองเป็นกรณีศึกษาของผู้ป่วยโรคไมเกรนทั่วไป ว่าอย่ากินยานอกเหนือแพทย์สั่ง
