ติดเชื้อที่กระพุ้งแก้มอาจมีอาการหนักถึงขั้นกระพุ้งแก้มบวมไม่ยุบ และจำต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งดูแล้วเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย แต่เอ๊ะ ! แล้วอาการนี้มีสาเหตุจากอะไรได้บ้างล่ะ ?
ปัญหาสุขภาพในช่องปากไม่ได้มีแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเหงือกและฟันเท่านั้น แต่ยังมีอาการร้อนใน และแผลในปาก โดยเฉพาะการติดเชื้อที่กระพุ้งแก้ม ที่บางเคสเกิดขึ้นแล้วก็มีอาการที่รุนแรงถึงขั้นกระพุ้งแก้มบวมตุ่ย มีอาการอักเสบ และทำท่าว่าจะไม่ยุบตัวลงง่าย ๆ จนอาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
เฮ้ย ! นี่ดูไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่เราควรละเลยอีกต่อไปแล้วนะคะ ดังนั้นมาศึกษากันไว้ก่อนดีกว่าว่าอาการกระพุ้งแก้มติดเชื้อเกิดจากอะไรได้บ้าง
1. แผลในปาก
โดยไม่ว่าจะเกิดจากการที่เผลอไปกัดเข้าที่กระพุ้งแก้มจนเกิดเป็นแผล หรือเกิดแผลที่กระพุ้งแก้มด้วยสาเหตุอื่น ๆ ทว่าหากเราไม่รีบรักษาให้หาย ปล่อยให้เป็นแผลเรื้อรังอยู่นาน ๆ ก็อาจลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นการติดเชื้อได้ และเกิดการอักเสบจนกระพุ้งแก้มมีอาการปวดบวมได้
2. อาการร้อนใน
คนที่เป็นแผลร้อนในเริ่มแรกจะมีแผลหรือตุ่มแดงเล็ก ๆ ขึ้นมาในริมฝีปากด้านใน กระพุ้งแก้ม หรือบริเวณลิ้น จากนั้นตุ่มแดง ๆ จะกลายเป็นเม็ดสีขาวมีขอบสีแดงนูนออกมา มีอาการบวม และกลายเป็นแผลที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มม. หรือหากแผลร้อนในเรื้อรังอาจเกิดอาการติดเชื้อและอักเสบขึ้นได้เช่นกัน
3. การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของสาว ๆ
ผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือผู้หญิงตั้งครรภ์ มักจะมีอาการร้อนในเกิดขึ้นได้ด้วยนะคะ ซึ่งโดยปกติแล้วอาการร้อนในบริเวณลิ้นหรือกระพุ้งแก้มก็จะหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในบางคนอาจมีปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการร้อนในเรื้อรังได้ เช่น สูบบุหรี่ เครียด หรือนอนดึกเป็นประจำ แผลร้อนในนั้นก็อาจลุกลามเป็นแผลอักเสบติดเชื้อและเกิดอาการบวมได้
4. การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้อนจัดบ่อย ๆ
เนื่องจากความร้อนที่มาจากอาหาร ควันบุหรี่ และแอลกอฮอล์
จะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณกระพุ้งแก้มได้
และเมื่อถูกระคายเคืองอยู่เป็นประจำอาจทำให้เนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
และอาจทำให้กลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ด้วย
5. การกินหมากพลู
ในหมากพลูจะมีสารก่อมะเร็ง ซึ่งผู้ที่กินหมากและอมหมากไว้ที่กระพุ้งแก้มเป็นประจำจะเกิดการระคายเคืองจากความแข็งของหมากที่เคี้ยว และก็อาจทำให้เซลล์ของเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
6. สุขภาพในช่องปากบกพร่อง
อาการฟันผุเรื้อรัง รวมถึงการระคายเคืองจากฟันที่แหลมคม ผู้ที่มีฟันแตก ฟันบิ่น ขอบฟันที่คมอาจจะบาดเนื้อเยื่อในช่องปาก โดยเฉพาะกระพุ้งแก้มและลิ้น ทำให้เป็นแผลเรื้อรังอยู่นาน ๆ และแผลนั้นอาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งบวมนูนขึ้นมาได้
7. เป็นสิงห์อมควัน และชอบร่ำสุรา
ข้อมูลจากชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย เผยว่า ประมาณ 90% ของผู้ป่วยมะเร็งในช่องปาก จะเป็นผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มสุรา
ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่และดื่มสุราถึง
15 เท่า และโรคมะเร็งในช่องปากก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกตำแหน่ง
ไม่ว่าจะเป็นลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก เหงือก พื้นปากใต้ลิ้น ลิ้นไก่
หรือเพดานปากเลยนะ
8. เหตุเกิดเพราะโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีอาการติดเชื้อได้ง่าย เป็นแผลได้ง่าย และอาการแผลในช่องปากก็พบได้บ่อย โดยผู้ป่วยอาจมีอาการปากแห้ง ลิ้นอักเสบ หรือติดเชื้อราในปาก ซึ่งหากจัดฟัน หรือใส่ฟันปลอมก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลและติดเชื้อในปากเพิ่มขึ้นด้วยนะคะ
นอกจากนี้หากเกิดแผลที่กระพุ้งแก้มหรือบริเวณอื่น ๆ ในช่องปากแล้ว ความที่ร่างกายของผู้ป่วยเบาหวานสูญเสียสมดุลของระดับน้ำตาล การไหลเวียนของเลือดไม่ปกติ รวมทั้งระดับเม็ดเลือดขาวก็ลดลง เหตุผลทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้แผลในปากเรื้อรัง มีอาการบวม เกิดฝี หรือหนองได้ง่ายขึ้นด้วย
9. ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าโรคเอดส์
มักจะตรวจเจอว่าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติในช่องปาก
ทั้งการเป็นแผลในปากชนิดเรื้อรัง การมีเนื้องอกในช่องปาก
โรคปริทันต์ที่มีความรุนแรงกว่าบุคคลอื่น ๆ
หรือบางคนอาจมีอาการมะเร็งในช่องปากเกิดขึ้นด้วย
ซึ่งโดยมากแล้วภาวะติดเชื้อที่เกิดกับผู้ป่วยโรคเอดส์ก็จะหายได้ยาก
เนื่องจากมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจึงทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อต่าง ๆ
ได้ยากกว่าปกตินั่นเอง
อย่างไรก็ดี การรักษาอาการติดเชื้อในกระพุ้งแก้มก็มีวิธีในแต่ละเคสไป อย่างหากเริ่มจากอาการร้อนในหรือแผลในปากก็ควรรีบรักษาแผลนั้นให้หายโดยเร็ว เพื่อป้องกันแผลในปากติดเชื้อและเกิดอาการอักเสบ ทว่าหากมีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นอาการที่เกิดจากโรคอื่น ๆ อย่างเบาหวาน มะเร็ง หรือโรคเอดส์ ก็คงต้องทำการรักษาตามแนวทางของโรคนั้น ๆ ไป
แต่อย่างไรก็ตาม เราควรสำรวจความผิดปกติของร่างกายเราเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้รู้ทันโรคและรักษาร่างกายให้หายจากความผิดปกติได้ทันกาลนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
หมอชาวบ้าน
ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย
webmd
ปัญหาสุขภาพในช่องปากไม่ได้มีแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเหงือกและฟันเท่านั้น แต่ยังมีอาการร้อนใน และแผลในปาก โดยเฉพาะการติดเชื้อที่กระพุ้งแก้ม ที่บางเคสเกิดขึ้นแล้วก็มีอาการที่รุนแรงถึงขั้นกระพุ้งแก้มบวมตุ่ย มีอาการอักเสบ และทำท่าว่าจะไม่ยุบตัวลงง่าย ๆ จนอาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
เฮ้ย ! นี่ดูไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่เราควรละเลยอีกต่อไปแล้วนะคะ ดังนั้นมาศึกษากันไว้ก่อนดีกว่าว่าอาการกระพุ้งแก้มติดเชื้อเกิดจากอะไรได้บ้าง
ติดเชื้อที่กระพุ้งแก้ม สาเหตุคืออะไร
โดยไม่ว่าจะเกิดจากการที่เผลอไปกัดเข้าที่กระพุ้งแก้มจนเกิดเป็นแผล หรือเกิดแผลที่กระพุ้งแก้มด้วยสาเหตุอื่น ๆ ทว่าหากเราไม่รีบรักษาให้หาย ปล่อยให้เป็นแผลเรื้อรังอยู่นาน ๆ ก็อาจลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นการติดเชื้อได้ และเกิดการอักเสบจนกระพุ้งแก้มมีอาการปวดบวมได้
2. อาการร้อนใน
คนที่เป็นแผลร้อนในเริ่มแรกจะมีแผลหรือตุ่มแดงเล็ก ๆ ขึ้นมาในริมฝีปากด้านใน กระพุ้งแก้ม หรือบริเวณลิ้น จากนั้นตุ่มแดง ๆ จะกลายเป็นเม็ดสีขาวมีขอบสีแดงนูนออกมา มีอาการบวม และกลายเป็นแผลที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มม. หรือหากแผลร้อนในเรื้อรังอาจเกิดอาการติดเชื้อและอักเสบขึ้นได้เช่นกัน
3. การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของสาว ๆ
ผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือผู้หญิงตั้งครรภ์ มักจะมีอาการร้อนในเกิดขึ้นได้ด้วยนะคะ ซึ่งโดยปกติแล้วอาการร้อนในบริเวณลิ้นหรือกระพุ้งแก้มก็จะหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในบางคนอาจมีปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการร้อนในเรื้อรังได้ เช่น สูบบุหรี่ เครียด หรือนอนดึกเป็นประจำ แผลร้อนในนั้นก็อาจลุกลามเป็นแผลอักเสบติดเชื้อและเกิดอาการบวมได้
4. การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้อนจัดบ่อย ๆ
5. การกินหมากพลู
ในหมากพลูจะมีสารก่อมะเร็ง ซึ่งผู้ที่กินหมากและอมหมากไว้ที่กระพุ้งแก้มเป็นประจำจะเกิดการระคายเคืองจากความแข็งของหมากที่เคี้ยว และก็อาจทำให้เซลล์ของเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
6. สุขภาพในช่องปากบกพร่อง
อาการฟันผุเรื้อรัง รวมถึงการระคายเคืองจากฟันที่แหลมคม ผู้ที่มีฟันแตก ฟันบิ่น ขอบฟันที่คมอาจจะบาดเนื้อเยื่อในช่องปาก โดยเฉพาะกระพุ้งแก้มและลิ้น ทำให้เป็นแผลเรื้อรังอยู่นาน ๆ และแผลนั้นอาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งบวมนูนขึ้นมาได้
7. เป็นสิงห์อมควัน และชอบร่ำสุรา
8. เหตุเกิดเพราะโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีอาการติดเชื้อได้ง่าย เป็นแผลได้ง่าย และอาการแผลในช่องปากก็พบได้บ่อย โดยผู้ป่วยอาจมีอาการปากแห้ง ลิ้นอักเสบ หรือติดเชื้อราในปาก ซึ่งหากจัดฟัน หรือใส่ฟันปลอมก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลและติดเชื้อในปากเพิ่มขึ้นด้วยนะคะ
นอกจากนี้หากเกิดแผลที่กระพุ้งแก้มหรือบริเวณอื่น ๆ ในช่องปากแล้ว ความที่ร่างกายของผู้ป่วยเบาหวานสูญเสียสมดุลของระดับน้ำตาล การไหลเวียนของเลือดไม่ปกติ รวมทั้งระดับเม็ดเลือดขาวก็ลดลง เหตุผลทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้แผลในปากเรื้อรัง มีอาการบวม เกิดฝี หรือหนองได้ง่ายขึ้นด้วย
9. ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
อย่างไรก็ดี การรักษาอาการติดเชื้อในกระพุ้งแก้มก็มีวิธีในแต่ละเคสไป อย่างหากเริ่มจากอาการร้อนในหรือแผลในปากก็ควรรีบรักษาแผลนั้นให้หายโดยเร็ว เพื่อป้องกันแผลในปากติดเชื้อและเกิดอาการอักเสบ ทว่าหากมีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นอาการที่เกิดจากโรคอื่น ๆ อย่างเบาหวาน มะเร็ง หรือโรคเอดส์ ก็คงต้องทำการรักษาตามแนวทางของโรคนั้น ๆ ไป
แต่อย่างไรก็ตาม เราควรสำรวจความผิดปกติของร่างกายเราเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้รู้ทันโรคและรักษาร่างกายให้หายจากความผิดปกติได้ทันกาลนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
หมอชาวบ้าน
ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย
webmd