โรคหิด
หิด (หมอชาวบ้าน)
หิดเป็นโรคติดเชื้อพยาธิ (ปรสิต) ของผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่มีมาแต่เก่าก่อน และยังคงพบการระบาดในหมู่คนที่อยู่กันแออัด และขาดสุขนิสัยที่ดี เช่น ตามวัด โรงเรียน โรงงาน กองทหาร
หิดเป็นโรคที่สามารถรักษา และป้องกันได้เช่นเดียวกับโรคติดเชื้อของผิวหนังชนิดอื่น ๆ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจเป็นแผลพุพองจนกลายเป็นโรคหน่วยอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อนได้
 ชื่อภาษาไทย : หิด
 ชื่อภาษาไทย : หิด ชื่อภาษาอังกฤษ : Scabies
 ชื่อภาษาอังกฤษ : Scabiesสาเหตุ
 เกิดจากการติดเชื้อหิดซึ่งเป็นตัวไรเล็ก ๆ สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าเป็นจุดขาวเล็ก ๆ มีชื่อว่า Sarcoptes scabiei ตัวอ่อนมี 6 ขา ตัวแก่มี 8 ขา ตัวเมียเมื่อผสมพันธุ์แล้วจะขุดรูอยู่ใต้ผิวหนังชั้นนอกสุด (ชั้น stratum corneum) และวางไข่วันละ 1-3 ฟอง จนวางครบ 25 ฟองก็จะตายไป ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนภายใน 3-4 วัน และอาศัยอยู่ในรูขุมขน ทำให้มีตุ่มแดงตรงรูขุมขนและมีอาการคัน ตัวหิดสามารถมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายของคนเรา (ที่อุณหภูมิห้อง) ได้ 2-3 วัน
 เกิดจากการติดเชื้อหิดซึ่งเป็นตัวไรเล็ก ๆ สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าเป็นจุดขาวเล็ก ๆ มีชื่อว่า Sarcoptes scabiei ตัวอ่อนมี 6 ขา ตัวแก่มี 8 ขา ตัวเมียเมื่อผสมพันธุ์แล้วจะขุดรูอยู่ใต้ผิวหนังชั้นนอกสุด (ชั้น stratum corneum) และวางไข่วันละ 1-3 ฟอง จนวางครบ 25 ฟองก็จะตายไป ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนภายใน 3-4 วัน และอาศัยอยู่ในรูขุมขน ทำให้มีตุ่มแดงตรงรูขุมขนและมีอาการคัน ตัวหิดสามารถมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายของคนเรา (ที่อุณหภูมิห้อง) ได้ 2-3 วัน สามารถติดต่อได้ง่าย โดยการสัมผัสหรือใช้ของร่วมกัน
 สามารถติดต่อได้ง่าย โดยการสัมผัสหรือใช้ของร่วมกัน บางรายอาจติดต่อโดยการร่วมเพศ ทำให้เกิดตุ่มคันตรงบริเวณอวัยวะเพศ จึงถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง
 บางรายอาจติดต่อโดยการร่วมเพศ ทำให้เกิดตุ่มคันตรงบริเวณอวัยวะเพศ จึงถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งอาการ
 ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนอง คัน ขึ้นกระจายเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย มักจะพบที่ง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า ข้อมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ ก้น ข้อเท้า อวัยวะเพศ (ในเด็กเล็กอาจขึ้นที่หน้าและศีรษะ ส่วนในผู้ใหญ่มักไม่ขึ้นในบริเวณนี้)
 ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนอง คัน ขึ้นกระจายเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย มักจะพบที่ง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า ข้อมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ ก้น ข้อเท้า อวัยวะเพศ (ในเด็กเล็กอาจขึ้นที่หน้าและศีรษะ ส่วนในผู้ใหญ่มักไม่ขึ้นในบริเวณนี้) บางรายอาจพบเป็นผื่นนูนแดงคดเคี้ยว ขนาดเท่าเส้นด้าย ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งตรงปลายสุดจะเป็นที่อยู่ของตัวหิด
 บางรายอาจพบเป็นผื่นนูนแดงคดเคี้ยว ขนาดเท่าเส้นด้าย ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งตรงปลายสุดจะเป็นที่อยู่ของตัวหิด ผู้ป่วยมักจะมีอาการคันมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืน
 ผู้ป่วยมักจะมีอาการคันมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืน บางรายอาจเกาจนมีเชื้อแบคทีเรียอักเสบซ้ำเติมเป็นตุ่มหนองพุพอง หรือน้ำเหลืองไหล
 บางรายอาจเกาจนมีเชื้อแบคทีเรียอักเสบซ้ำเติมเป็นตุ่มหนองพุพอง หรือน้ำเหลืองไหลการแยกโรค
 อาการเป็นตุ่มคันตามผิวหนัง อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น
 อาการเป็นตุ่มคันตามผิวหนัง อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ตุ่มคันจากยุงหรือแมลงกัดต่อย ซึ่งมักขึ้นเฉพาะที่ และไม่ลุกลามแพร่กระจายไปทั้งตัว
 ตุ่มคันจากยุงหรือแมลงกัดต่อย ซึ่งมักขึ้นเฉพาะที่ และไม่ลุกลามแพร่กระจายไปทั้งตัว ผื่นแพ้สัมผัส เช่น แพ้ปูน ผงซักฟอก ขอบยางกางเกงหรือเสื้อชั้นใน สร้อยข้อมือ สายนาฬิกา เป็นต้น ซึ่งมักจะเป็นผื่นคันอยู่เฉพาะตามรอยที่สัมผัสถูกสิ่งที่แพ้
 ผื่นแพ้สัมผัส เช่น แพ้ปูน ผงซักฟอก ขอบยางกางเกงหรือเสื้อชั้นใน สร้อยข้อมือ สายนาฬิกา เป็นต้น ซึ่งมักจะเป็นผื่นคันอยู่เฉพาะตามรอยที่สัมผัสถูกสิ่งที่แพ้ แผลพุพอง มีอาการขึ้นเป็นตุ่มหนองเล็ก ๆ ตามแขน ขา หรือลำตัว ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของบาดแผลเล็กน้อย เช่น รอยขีดข่วน รอยแกะเกา รอยถลอกรอบแผลจากยุงหรือแมลงกัด มักขึ้นเฉพาะที่ไม่ลุกลามแพร่กระจายไปทั่วตัว
 แผลพุพอง มีอาการขึ้นเป็นตุ่มหนองเล็ก ๆ ตามแขน ขา หรือลำตัว ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของบาดแผลเล็กน้อย เช่น รอยขีดข่วน รอยแกะเกา รอยถลอกรอบแผลจากยุงหรือแมลงกัด มักขึ้นเฉพาะที่ไม่ลุกลามแพร่กระจายไปทั่วตัว อีสุกอีใส มีอาการขึ้นเป็นตุ่มใสค่อย ๆ แพร่กระจายไปตามลำตัว ใบหน้าและแขน ขา แต่มักมีไข้ พร้อมกับมีตุ่มขึ้นในวันแรกของไข้
 อีสุกอีใส มีอาการขึ้นเป็นตุ่มใสค่อย ๆ แพร่กระจายไปตามลำตัว ใบหน้าและแขน ขา แต่มักมีไข้ พร้อมกับมีตุ่มขึ้นในวันแรกของไข้
โรคหิด
การวินิจฉัย
มักจะวินิจฉัยจากอาการแสดง คือมีตุ่มคันตามง่ามมือ ง่ามเท้า และลุกลามแพร่กระจายไปทั่วตัว ร่วมกับพบว่ามีคนรอบข้างเป็นอาการแบบเดียวกันหลายคน
หากไม่แน่ใจแพทย์จะทำการขูดเอารอยโรคไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบตัวหิดหรือไข่ของหิด
การดูแลตนเอง
เมื่อพบตุ่มคันตามผิวหนัง ก็ให้ลองดูแลรักษาเบื้องต้นตามสาเหตุที่สงสัย เช่น
 ถ้าเป็นแพ้ยุงหรือแมลงกัด หรือเป็นผื่นแพ้สัมผัส ก็ให้ใช้ครีมสเตียรอยด์ทา และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งที่แพ้
 ถ้าเป็นแพ้ยุงหรือแมลงกัด หรือเป็นผื่นแพ้สัมผัส ก็ให้ใช้ครีมสเตียรอยด์ทา และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งที่แพ้ ถ้าเป็นแผลพุพอง ควรปรึกษาแพทย์ อาจต้องพิจารณาให้กินยาปฏิชีวนะ
 ถ้าเป็นแผลพุพอง ควรปรึกษาแพทย์ อาจต้องพิจารณาให้กินยาปฏิชีวนะแต่ถ้าสงสัยเป็นหิดหรือแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นหิดจริง ก็ควรใช้ยารักษาโรคหิดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างจริงจัง และควรปฏิบัติตัว ดังนี้
 1. ควรรักษาทุกคนในบ้านที่เป็น หรือสงสัยติดโรคพร้อมกัน ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนอง คัน ขึ้นกระจายเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย
 1. ควรรักษาทุกคนในบ้านที่เป็น หรือสงสัยติดโรคพร้อมกัน ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนอง คัน ขึ้นกระจายเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย 2. เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และเครื่องนอนที่ผู้ป่วยใช้ควรซักให้สะอาด (ด้วยน้ำและผงซักฟอกธรรมดา) และผึ่งแดดทุกวันจนกว่าจะหาย
 2. เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และเครื่องนอนที่ผู้ป่วยใช้ควรซักให้สะอาด (ด้วยน้ำและผงซักฟอกธรรมดา) และผึ่งแดดทุกวันจนกว่าจะหาย 3. ผู้ป่วยควรตัดเล็บให้สั้น และพยายามอย่าเกา เพราะอาจลามไปที่อื่นได้ง่าย
 3. ผู้ป่วยควรตัดเล็บให้สั้น และพยายามอย่าเกา เพราะอาจลามไปที่อื่นได้ง่าย 4. ควรแยกเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว เครื่องนอนต่างหาก อย่าใช้ปะปนกับผู้อื่น รวมทั้งอย่านอนรวมกับคนอื่น เพื่อป้องกันการแพร่โรคให้คนอื่น
 4. ควรแยกเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว เครื่องนอนต่างหาก อย่าใช้ปะปนกับผู้อื่น รวมทั้งอย่านอนรวมกับคนอื่น เพื่อป้องกันการแพร่โรคให้คนอื่นการรักษา
แพทย์จะให้ยารักษาโรคหิด ดังนี้
 1. ใช้เบนซิลเบนโซเอตชนิด 25% โดยอาบน้ำถูสบู่ (ใช้ผ้าขนหนู หรือแปรงนุ่มขัดถูกด้วยยิ่งดี) และเช็ดตัวให้แห้งก่อน แล้วจึงทายาทั่วทุกส่วนของร่างกายนับตั้งแต่คอลงมาโดยตลอด รวมทั้งผิวหนังส่วนที่ปกติด้วย พอครบ 24 ชั่วโมงให้ทาซ้ำอีกครั้ง ระหว่างนี้อย่าเพิ่งอาบน้ำหรือล้างมือ (ถ้าจำเป็นต้องล้างมือ ต้องทายาซ้ำ หลังเช็ดมือให้แห้ง) จนกว่าจะครบ 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่ทายาครั้งแรก จึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และผ้าปูที่นอนใหม่ทั้งหมด ถ้ายังไม่หายขาด ให้ทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา
 1. ใช้เบนซิลเบนโซเอตชนิด 25% โดยอาบน้ำถูสบู่ (ใช้ผ้าขนหนู หรือแปรงนุ่มขัดถูกด้วยยิ่งดี) และเช็ดตัวให้แห้งก่อน แล้วจึงทายาทั่วทุกส่วนของร่างกายนับตั้งแต่คอลงมาโดยตลอด รวมทั้งผิวหนังส่วนที่ปกติด้วย พอครบ 24 ชั่วโมงให้ทาซ้ำอีกครั้ง ระหว่างนี้อย่าเพิ่งอาบน้ำหรือล้างมือ (ถ้าจำเป็นต้องล้างมือ ต้องทายาซ้ำ หลังเช็ดมือให้แห้ง) จนกว่าจะครบ 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่ทายาครั้งแรก จึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และผ้าปูที่นอนใหม่ทั้งหมด ถ้ายังไม่หายขาด ให้ทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา 2. ถ้ามีตุ่มหนองพุพองหรือน้ำเหลืองไหล ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน และให้การดูแลรักษาแบบแผลพุพอง ควรให้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 10 วัน
 2. ถ้ามีตุ่มหนองพุพองหรือน้ำเหลืองไหล ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน และให้การดูแลรักษาแบบแผลพุพอง ควรให้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 10 วัน 3. ถ้าใช้ยาไม่ได้ผล หรือทายาไม่ได้ หรือเป็นผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือมีผื่นขึ้นจำนวนมาก แพทย์จะให้กินยาไอเวอร์เม็กทิน (ivermectin) ขนาด 0.2 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม กินเพียงครั้งเดียวก็ได้ผลในการฆ่าเชื้อหิด ยานี้อาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร (ทำให้ปวดมวนท้องอาเจียนได้) และไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้ที่เป็นโรคหืด
 3. ถ้าใช้ยาไม่ได้ผล หรือทายาไม่ได้ หรือเป็นผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือมีผื่นขึ้นจำนวนมาก แพทย์จะให้กินยาไอเวอร์เม็กทิน (ivermectin) ขนาด 0.2 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม กินเพียงครั้งเดียวก็ได้ผลในการฆ่าเชื้อหิด ยานี้อาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร (ทำให้ปวดมวนท้องอาเจียนได้) และไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้ที่เป็นโรคหืดภาวะแทรกซ้อน
 ผู้ป่วยมักเกาจนกลายเป็นแผลพุพอง และถ้าติดเชื้อบีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ อาจกลายเป็นหน่วยไตอักเสบแทรกซ้อนได้
 ผู้ป่วยมักเกาจนกลายเป็นแผลพุพอง และถ้าติดเชื้อบีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ อาจกลายเป็นหน่วยไตอักเสบแทรกซ้อนได้ เด็กบางรายอาจคัน จนนอนไม่พอ กินไม่ได้ และน้ำหนักลด
 เด็กบางรายอาจคัน จนนอนไม่พอ กินไม่ได้ และน้ำหนักลดการดำเนินโรค
 ถ้าไม่รักษา มักเป็นเรื้อรัง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ และแพร่กระจายให้คนข้างเคียงไปเรื่อย ๆ
 ถ้าไม่รักษา มักเป็นเรื้อรัง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ และแพร่กระจายให้คนข้างเคียงไปเรื่อย ๆ ถ้าได้รับการรักษา มักจะหายขาดได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
 ถ้าได้รับการรักษา มักจะหายขาดได้ภายใน 1-2 สัปดาห์การป้องกัน
อย่าสัมผัสใกล้ชิด หรือนอนบนเตียงเดียวกันกับผู้ป่วย และอย่าใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ป่วย
ความชุก
โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบมากในกลุ่มคนที่ยากจน ขาดสุขลักษณะที่ดี และอยู่กันอย่างแออัด
 เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก wikipedia
 
          
        










