
เลือกตกยางออกเคล็ดขัดยอก...อย่าตกใจ (Men\'s Health)
อยู่ดี ๆ อาการประหลาดบางอย่างก็โผล่มาเล่นงาน จนคุณคิดว่าตัวเองคงร่อแร่แน่แล้ว แต่อีกไม่กี่อึดใจมันก็หายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วแบบนี้คุณจะรู้ได้อย่างว่าเมื่อไรถึงควรจะพึ่งหมออย่างจริงจัง
บางครั้งคุณอาจเคยได้รับสัญญาณเตือนให้ไปตรวจสุขภาพขึ้นมากะทันหัน เช่น กล้ามเนื้อกระตุกแปลก ๆ หรือมีอาการเจ็บแปลบที่หน้าอก ถ้าเจอแบบนี้คุณจะรีบไปหาหมอทันที หรือแกล้งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไปก่อนล่ะ
ดัก ลีวูด จากเมืองแคนซัสเจอสัญญาณเตือนตัวแดงแจ๋ในห้องน้ำ ซึ่งทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวนไปเลย "ผมกลัวมาก นึกไปถึงมะเร็งลำไส้ทันที คิดว่าตัวเองไม่รอดแน่" ตัวแทนขายประกันวัย 41 ปี เล่าให้ฟัง โล่งอกไปทีที่เลือดไม่ออกมาให้เห็นอีกในวันต่อ ๆ มา แต่เขาก็นัดพบหมอทันที ผลการส่องกล้องไม่พบมะเร็งหรืออะไรที่น่าเป็นห่วงทั้งนั้น นอกจากแผลปริเล็ก ๆ ในทวารหนัก แต่ถึงอย่างนั้นลีวูดก็ยังไม่วายเสียวอยู่ดี
คนส่วนใหญ่มักจะกังวลทั้งนั้นเวลารู้สึกเจ็บแปลบ ปวดเกร็ง กระตุก หรือมีอาการแปลก ๆ อย่างอื่นเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เพราะไม่รู้ว่านี่เป็นสัญญาณอันตรายหรือแค่อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่น่าเป็นห่วง
คำแนะนำจากบรรดาแพทย์ชั้นนำ ที่เรารวบรวมมาให้นี้จะช่วยให้คุณแยกแยะได้ว่า อาการไหนแย่จริงหรือแค่หยอก ๆ



"อาการนี้เป็นฝันร้ายของผู้ชายทุกคนล่ะครับ" นพ.รีด แบล็คเวลเดอร์ ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ครอบครัวประจำมหาวิทยาลัยอีสต์เทนเนสซีสเตท กล่าว "แต่ถ้าอาการเจ็บหายไปทันทีอย่างรวดเร็ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ"
อาการปวดเกร็งแบบฉับพลันอาจเกิดจากการหดเกร็ง หรือจุกเสียดของกล้ามเนื้อ หรืออาจเป็นอาการที่เรียกว่า Precordial Catch Syndrome ซึ่งคุณจะรู้สึกเจ็บแปลบอย่างรุนแรงที่หน้าอกด้านซ้าย และทำให้เจ้าตัวตื่นตระหนกนึกว่าหัวใจวาย ภาวะนี้อาจเป็นอยู่แค่ไม่กี่วินาทีหรือหลายนาที แต่ไม่เป็นอันตรายอะไรและยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน มักพบได้ในเด็กและวัยรุ่น ส่วนในวัยหนุ่มก็อาจพบบ้างเป็นบางครั้ง
แต่ถ้าอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงมาพร้อมการหายใจติดขัด คลื่นไส้ เวียนหัว และ/หรือเหงื่อออก นั่นล่ะหัวใจวายของจริง "กฎทั่วไปก็คือ เมื่อมีอาการเจ็บที่ไม่ยอมหายคุณอาจต้องใส่ใจเป็นพิเศษ" หมอแบล็คเวลเดอร์กล่าว ในกรณีฉุกเฉินให้โทรเรียกรถพยาบาลทันที ระหว่างรอให้เคี้ยวแอสไพรินขนาด 81 มิลลิกรัม 2 เม็ด เพื่อทำให้เลือดเจือจางและไหลเวียนสู่หัวใจได้ดีขึ้น



"ผมเจอประจำเลยล่ะครับ" นพ.ชาร์ลส คัตเลอร์ แพทย์ด้านเวชศาสตร์ภายในที่เมืองนอร์ริสทาวน์ เพนซิลเวเนีย และประธานคณะกรรมการวิทยาลัยแพทย์แห่งอเมริกา กล่าว ผู้ป่วยชอบคิดว่า อาการเปลือกตากระตุกเป็นสัญญาณเริ่มแรกของโรคร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ซึ่งเป็นภาวะที่เซลล์ประสาทในสมองและไขสันหลังเสื่อม "อาการนี้ควบคุมไม่ได้และค่อนข้างน่ารำคาญ แต่โดยทั่วไปก็ไม่มีอันตรายครับ" หมอคัตเลอร์กล่าว
ศัพท์ทางการแพทย์ของภาวะนี้คือ โรคตากระตุก (Blepharospesm) ซึ่งเกิดจากปัญหาการหดตัวของกล้ามเนื้อเปลือกตาที่มักเป็นขึ้นมาเอง เกิดขึ้นทีละสองสามวินาที แต่กินเวลานานเป็นนาที คุณอาจมีอาการนี้เป็นพัก ๆ อยู่นานหลายสัปดาห์ แพทย์เองก็ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจเกิดจากความเครียด ความเหนื่อยล้าและคาเฟอีนก็เป็นได้



อยู่ ๆ เข่าคุณอาจพับไปอย่างปัจจุบันทันด่วน จนคุณนึกว่าโดนใครลอบยิงเข้าให้แล้ว แต่เสียงเข่าลั่นขณะพับงอนั้น เป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า เพื่อปกป้องร่างกาย "เหมือนเวลาคุณเหยียบตะปูนั่นแหละครับ" นพ.เซอร์วิน โฮ ผู้อำนวยการโครงการศึกษาเวชศาสตร์การกีฬา ที่ศูนย์การแพทยประจำมหาวิทยาลัยชิคาโก บอกไว้ "กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าของคุณพยายามปกป้องเข่าที่กำลังเจ็บ ด้วยการถ่ายน้ำหนักออกจากเข่า"
อาการป้อแป้เช่นนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า กระดูกอ่อนที่ดูดซับแรงกระแทกใต้สะบ้าเข่าเสื่อมสภาพ ซึ่งหมอโฮบอกว่า อาจนำไปสู่อาการ Patellofemoral Pain Syndrome ซึ่งทำให้ปวดเข่าและสะบ้าเข่าเรื้อรังได้ วิธีแก้ไข คือบริหารต้นขาด้านหน้าให้แข็งแรง เพื่อไล่แรงกดออกจากเข่าด้วยการทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกแทน
สำหรับวิธีเสริมสร้างต้นขาด้านหน้า นักกายภาพบำบัด เจสัน แอมรัช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ การกีฬาโบลเดอร์ในโคโลราโด แนะนำให้เริ่มจากทำท่า Short-arc Extension โดยนอนหงายบนเสื่อ สอดผ้าขนหนูม้วนเป็นแห่งกลมไว้ใต้ต้นขาของเข่าข้างที่เจ็บ เหยียดขาข้างนั้นค้างไว้ 5 วินาที แล้วลดขาลง ทำให้ครบ 10 ครั้งวันละสองหน เพื่อลดอาการ Patellofemoral Pain Syndrome ให้ฝึกกล้ามเนื้อสะโพกส่วนที่เรียกว่า Gluteus Medius ซึ่งช่วยในการเคลื่อนไหวต้นขาด้วยทำ Clamshell โดยนอนตะแคงหันหลังพิงกำแพง งอเข่า 45 องศา หนีบส้นเท้าให้ชิดติดกัน ยกเฉพาะเข่าด้านบนขึ้นชี้เพดาน ทำท่าเหมือนเข่าของคุณเป็นฝาหอยที่เปิดปิดได้ ทำให้ครบ 15-20 ครั้งแล้วสลับข้าง ฝึก 2-3 เช็ต วันเว้นวัน



"ทุกคนมักคิดว่าตัวเองมีเนื้องอกในสมอง เวลาปวดศีรษะรุนแรงอย่างฉับพลัน" หมอแบล็คเวลเดอร์กล่าว "อาการมันไม่ได้เหมือนกับที่เราเห็นในทีวีหรอกนะครับ" ส่วนใหญ่อาการแบบนี้จะเป็นแค่การปวดศีรษะรุนแรง ไมเกรน ปวดศีรษะจากความเครียด หรือปวดศีรษะคลัสเตอร์
ไมเกรนจะทำให้เกิดการปวดแบบตุ้บ ๆ อย่างรุนแรงที่ศีรษะด้านเดียว และมักมีอาการคลื่นไส้และไวต่อแสงสว่างร่วมด้วย ข้อสังเกตอีกประการคือ คนเป็นไมเกรนมักมีอาการที่ว่านี้ก่อนอายุ 20 ดังนั้นถ้าคุณอายุเกิน 40 และไม่เคยเป็นไมเกรนมาก่อน คุณอาจปวดศีรษะจากความเครียดซึ่งจะรู้สึกปวด ตึง ๆ บริเวณหน้าผาก หรือปวดศีรษะคลัสเตอร์ ซึ่งจะปวดแบบรุนแรงที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้าบริเวณรอบเบ้าตา
อาการเนื้องอกในสมองมักแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอก ตำแหน่ง และอัตราการเติบโต
แต่การปวดศีรษะตอนเช้าเป็นอาการที่ทำให้แพทย์พาลปวดหัวไปด้วย ถ้าคุณมักตื่นนอนพร้อมอาการปวดศีรษะบ่อย ๆ ให้ลองไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่ามีเนื้องอกหรือเปล่า คนที่ปวดศีรษะแล้วอาการแย่ลงขณะจาม ไอ หรือออกแรงมาก ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ด้วยเช่นกันเพราะสิ่งเหล่านี้ จะเพิ่มความดันในศีรษะ



อาการปวดรักแร้ที่เป็น ๆ หาย ๆ อาจเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหรือเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อ และจะรู้สึกปวดรุนแรงเวลาหายใจเข้าลึก ๆ การนวดและยืดกล้ามเนื้อช้า ๆ ช่วยคลายการหดเกร็งได้ หรือจะใช้ยาแก้อักเสบ ชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ช่วยระงับอาการปวดร่วมด้วยก็ได้
ถ้าคุณมีอาการปวดตื้อ ๆ และคลำพบก้อนเล็ก ๆ บริเวณนั้น แสดงว่าต่อมน้ำเหลืองอาจบวมเนื่องจากการติดเชื้อ หรืออาจเป็นสัญญาณของมะเร็งต่อน้ำเหลืองก็ได้ แต่โอกาสมีน้อยมาก นพ.เดวิด เอลลิงตัน ผู้อำนวยการคลินิก Rockbridge Area Free ในเลกชิงตัน เวอร์จิเนีย บอกไว้ ถ้ามีอาการปวดเรื้อรังและพบปุ่มปมหรือก้อนเนื้อร่วมด้วย ควรไปให้แพทย์ตรวจอย่างละเอียด



ถ้าคุณพบเลือดสด ๆ สีแดงแจ๊ดในโถชักโครกหรือบนกระดาษทิชชู คุณอาจมีแผลปริที่ทวารหนักหรือเป็นริดสีดวงทวาร โดยเฉพาะถ้าคุณรู้สึกว่าบริเวณดังกล่าเจ็บและผิวหนัง อ่อนตัว แผลปริที่ทวารหนักอาจฟังดูน่ากลัว แต่เป็นแค่รอยบาดที่เยื่อบุผนังทวารหนัก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีอุจจาระแข็ง ๆ หรือก้อนใหญ่เคลื่อนผ่านบริเวณนั้น อาการนี้มักหายไปเอง (แต่ถ้าเป็นรอยปริลึกและเรื้อรังอาจต้องมีการผ่าตัดซ่อมแซมบ้าง)
กรณีที่พบเลือดสีคล้ำปนมากับอุจจาระ อาจบ่งบอกถึงแผลที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร นพ.เอลลิงตันกล่าว ถ้ามีอาการเลือดออกโดยไม่เจ็บในระหว่างถ่าย คุณอาจมีติ่งเนื้อในลำไส้หรือริดสีดวงภายใน ส่วนอุจจาระสีดำ (เลือดที่ผ่านการย่อยจะเป็นสีดำ) แสดงว่ามีเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน ซึ่งอาจเกิดจากแผลในกระเพาะอาหาร แต่ควรนัดตรวจส่องกล้องกับแพทย์ เพื่อแน่ใจว่าไม่ใช่มะเร็งลำไส้ใหญ่

การอธิบายอาการให้หมอฟังอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณต้องพยายามเก็บรายละเอียดไปให้ได้ ด้วยเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญตามด้านล่างนี้




เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
