x close

บริจาคสเต็มเซลล์ ขั้นตอนเป็นอย่างไร ใครบริจาค Stem cell ได้บ้าง

          การบริจาคสเต็มเซลล์ หนึ่งวิธีต่อชีวิตให้ผู้ป่วยที่กำลังรอปาฏิหาริย์ มาทำความรู้จักวิธีบริจาคสเต็มเซลล์และขั้นตอนสมัครอาสาบริจาคสเต็มเซลล์กันค่ะ
สเต็มเซลล์

          เชื่อว่าหลายคนเคยบริจาคเลือดกันเป็นประจำ ซึ่งนอกจากในแบบฟอร์มจะมีให้กรอกข้อมูลบริจาคเลือดแล้ว บางคนอาจยังแอบเหลือบไปเห็นช่องสำหรับให้ทำเครื่องหมายยินยอมบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต หรือที่คุ้นชื่อกันว่า Stem cell กันด้วย ซึ่งสเต็มเซลล์มีประโยชน์อย่างมากกับผู้ป่วยโรคโลหิตทั้งหลาย จนทำให้การค้นหาสเต็มเซลล์ที่เข้าคู่กับผู้ป่วยที่ต้องการเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดมาต่อชีวิต อาจเรียกได้ว่าเป็นการรอคู่แท้และปาฏิหาริย์เลยทีเดียว

          ดังนั้นใครเคยแต่บริจาคเลือด แต่ยังไม่เคยบริจาคสเต็มเซลล์ หรืออยากลองบริจาคสเต็มเซลล์ดูสักครั้ง ทว่ากำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำรายละเอียดเรื่องการบริจาคสเต็มเซลล์มาให้ศึกษากันตรงนี้ พร้อมพาทุกท่านไปทำความรู้จักเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตหรือ Stem cell ว่ามีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร

สเต็มเซลล์ คืออะไร

          สเต็มเซลล์ (Stem cell) หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต คือ เซลล์ตัวอ่อนของโลหิตซึ่งยังไม่เจริญเติบโตเต็มวัย แต่เซลล์ตัวอ่อนของโลหิตสามารถเติบโตไปเป็นเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และส่วนประกอบต่าง ๆ ของเลือดได้ โดยสเต็มเซลล์จะพบมากในบริเวณไขกระดูก โดยเฉพาะในโพรงกระดูกส่วนแกนกลางกระดูกท่อนใหญ่ ๆ ของร่างกาย เช่น กระดูกแขน กระดูกขา และกระดูกเชิงกราน เป็นต้น    

          แต่แม้สเต็มเซลล์จะถูกสร้างจากไขกระดูกเป็นส่วนใหญ่ ทว่าเราอาจพบสเต็มเซลล์ในกระแสเลือดได้บ้าง เนื่องจากสเต็มเซลล์บางส่วนจะไหลเวียนปนมากับโลหิตในร่างกาย ดังนั้นสายสะดือและรกเด็กแรกเกิดก็เป็นส่วนที่อุดมไปด้วยสเต็มเซลล์ด้วยเช่นกัน

สเต็มเซลล์

สเต็มเซลล์มีหน้าที่อะไร สำคัญขนาดไหนต่อร่างกายเรา

          สเต็มเซลล์หรือตัวอ่อนของเซลล์เม็ดโลหิต มีหน้าที่เติบโตไปเป็นเซลล์เม็ดเลือดต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ดังนั้นหากใครมีสเต็มเซลล์ไม่เพียงพอ หรือมีความบกพร่องในการสร้างสเต็มเซลล์ในร่างกาย ก็อาจก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดได้

          นอกจากนี้สเต็มเซลล์ยังมีความสำคัญในการรักษาผู้ป่วยโรคทางระบบโลหิต เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย, โรคโลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ, โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันหรือเรื้อรัง รวมไปถึงโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและโรคมะเร็งมัลติเพิลมัยอิโลมา ซึ่งการรักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการสร้างเม็ดเลือด สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ดังนั้นสเต็มเซลล์จึงเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงสำคัญของชีวิต ที่หากขาดหรือมีไม่พอ ก็อาจทำให้ชีวิตไม่สามารถไปต่อได้

บริจาคสเต็มเซลล์ ต่างจากบริจาคเลือดไหม

          การบริจาคเลือดเป็นการนำโลหิตประมาณ 350-450 ซี.ซี. ออกจากร่างกายของผู้บริจาค เพื่อส่งโลหิตนั้นไปให้ผู้ป่วยที่ต้องการเลือดไปหล่อเลี้ยงชีวิตต่อไป ซึ่งการบริจาคเลือดไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและยุ่งยากเท่าไร ขอแค่เป็นเลือดกรุ๊ปเดียวกันหรือสามารถใช้กรุ๊ปอื่นทดแทนกันได้เท่านั้น การบริจาคเลือดก็ถือว่าจบสิ้นกระบวนการต่อลมหายใจ

          ทว่าการบริจาคสเต็มเซลล์ให้แก่ผู้ป่วยโรคทางระบบโลหิต จำเป็นต้องจับคู่สเต็มเซลล์ที่เข้ากับร่างกายผู้ป่วยได้ ซึ่งโอกาสที่จะเจอสเต็มเซลล์ที่คู่กัน ก็ค่อนข้างยาก โดยหากจะเปรียบเทียบก็คือ โอกาสจะเจอสเต็มเซลล์ที่เข้าคู่กันได้จากพี่น้องท้องเดียวกันมีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น หรือหากเทียบกับคนที่ไม่ใช่ญาติผู้ป่วยและสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค มีโอกาสจับคู่กันได้เพียง 1 ใน 10,000 คน หรือเทียบเท่าโอกาสถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 5 เลยทีเดียวค่ะ

          ดังนั้นการบริจาคสเต็มเซลล์จากผู้ที่ไม่ใช่ญาติของผู้ป่วยจึงเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต้องให้ความร่วมมือกัน เพื่อเพิ่มโอกาสหาคู่แท้สเต็มเซลล์ให้ผู้ป่วยที่กำลังรอความหวังได้มากขึ้น โดยจะมีหน่วยงานหลักซึ่งก็คือ Stem Cell Registry ที่คอยประสานงานรับอาสาสมัครบริจาคสเต็มเซลล์ รวมไปถึงคอยค้นหาคู่แท้ของสเต็มเซลล์ที่ได้รับบริจาคเอาไว้ด้วย ซึ่งในประเทศไทย สภากาชาดไทยก็เป็นหน่วยงานที่คอยดูแลด้านนี้อยู่นั่นเอง

สเต็มเซลล์

อยากบริจาคสเต็มเซลล์ ต้องทำยังไง

          ขั้นตอนการบริจาคสเต็มเซลล์ก็เริ่มจากการลงทะเบียนเหมือนการบริจาคโลหิต โดยผู้ที่สามารถบริจาคสเต็มเซลล์ได้ต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้บริจาคโลหิตทุกประการ ซึ่งสามารถเช็กคุณสมบัติอาสาสมัครบริจาคสเต็มเซลล์ได้จากข้อมูลด้านล่างนี้ค่ะ

สเต็มเซลล์
ภาพจาก I\'m Cherry / Shutterstock.com

คุณสมบัติผู้บริจาคสเต็มเซลล์

          1. มีอายุระหว่าง 18-50 ปี

          2. เป็นผู้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 45 กิโลกรัม

          3. ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ใช่ผู้ที่ต้องรับประทานยาใด ๆ เป็นประจำ

          4. ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง

          5. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด

          6. สตรีไม่ควรอยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา

          7. เป็นผู้บริจาคโลหิต

สเต็มเซลล์

บริจาคสเต็มเซลล์ มีขั้นตอนอย่างไร

          เมื่อคุณสมบัติผ่านเกณฑ์รับบริจาค ผู้มีความประสงค์จะบริจาคสเต็มเซลล์สามารถเข้าคิวตามขั้นตอน ดังนี้

          1. ตรวจคัดกรองความเข้มข้นของเลือด ความดันโลหิต น้ำหนักตัว และเกณฑ์อื่น ๆ ตามคุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิต

          2. เมื่อผ่านส่วนคัดกรองมาแล้ว ให้ผู้มีความประสงค์จะบริจาคสเต็มเซลล์ แจ้งขอรับใบลงทะเบียนบริจาคสเต็มเซลล์ได้ที่ประชาสัมพันธ์ของสภากาชาดไทย พร้อมเซ็นยินยอมให้นำเลือดไปตรวจหาเนื้อเยื่อ HLA typing

          3. จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการรับบริจาคเลือดตามปกติ แต่จะเก็บตัวอย่างเลือดประมาณหลอดละ 5 ซี.ซี. ไปประมาณ 4 หลอด เพื่อทำการตรวจหาโรคติดต่อทางกระแสเลือด 3 หลอด ส่วนตัวอย่างเลือดอีก 1 หลอด จะถูกนำไปตรวจเนื้อเยื่อ HLA และทำการลงทะเบียนข้อมูลไว้

          4. หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการบริจาคโลหิตแล้ว ผู้บริจาคสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ

          5. รอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ โดยในกรณีที่สเต็มเซลล์ของเราสามารถจับคู่กับผู้ป่วยที่รอรับสเต็มเซลล์ได้ เจ้าหน้าที่จะถามความสมัครใจอีกครั้งหนึ่ง และนัดวันไปตรวจเนื้อเยื่อ HLA อย่างละเอียดทุกตำแหน่งอีกครั้ง (ตรวจ Confirmatory Typing) ซึ่งสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ตามวันและเวลาทำการ

          6. หากผลการตรวจเนื้อเยื่อ HLA อย่างละเอียดพบว่า ผู้บริจาคสเต็มเซลล์กับผู้ป่วยมีเนื้อเยื่อ HLA ตรงกัน เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อแจ้งให้ผู้บริจาคเข้ามาบริจาคสเต็มเซลล์ได้ที่ Collection Center ซึ่งมีอยู่ 4 แห่งด้วยกันคือ

                    1. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

                    2. โรงพยาบาลรามาธิบดี

                    3. โรงพยาบาลศิริราช

                    4. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

          ทั้งนี้ผู้บริจาคจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกาย พร้อมฟังคำอธิบายจากแพทย์ ถึงวิธีการเก็บสเต็มเซลล์ ผลกระทบ รวมทั้งผลข้างเคียงที่อาจได้รับ เพื่อให้ผู้บริจาคทราบอย่างละเอียดอีกครั้ง

          7. หากผู้บริจาคมีความพร้อมจะบริจาคสเต็มเซลล์ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจนับเม็ดเลือดและสารเคมีในเลือด เอกซเรย์ปอด และตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า ก่อนทำการบริจาคจริง ซึ่งการเก็บสเต็มเซลล์จะมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ

 
สเต็มเซลล์
ภาพจาก May Preechaya / Shutterstock.com
 
1. การเก็บสเต็มเซลล์จากกระแสเลือด

          เป็นวิธีที่นิยมใช้เก็บสเต็มเซลล์ในปัจจุบัน โดยผู้บริจาคจะต้องเข้ารับการฉีดยา G-CSF กระตุ้นเม็ดเลือดขาววันละ 1 เข็ม ในช่วงเวลาเดียวกันทุกครั้ง รวมทั้งสิ้น 4 วัน เพื่อกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวและสเต็มเซลล์ของเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก จะได้ออกจากไขกระดูกมากระจายตัวในกระแสโลหิตให้มากพอที่จะเก็บสเต็มเซลล์ได้ เพราะโดยปกติในกระแสโลหิตจะมีสเต็มเซลล์อยู่น้อยมาก

          ทั้งนี้ผู้บริจาคสามารถเดินทางมารับบริการได้ที่โรงพยาบาล Collection Center ทั้ง 4 แห่งข้างต้นที่ใดที่หนึ่งแล้วแต่ความสะดวก และไม่จำเป็นต้องนอนพักที่โรงพยาบาล เมื่อฉีดวัคซีนแล้วสามารถกลับบ้านได้เลย


          เมื่อฉีดวัคซีนกระตุ้นเม็ดเลือดขาวครบ 4 วันแล้ว และผู้บริจาคมีความพร้อมแล้ว แพทย์จะทำการเก็บสเต็มเซลล์บริเวณหลอดเลือดดำที่ข้อพับแขน แต่ในกรณีที่ตรวจพบว่าหลอดเลือดดำบริเวณแขนมีขนาดใหญ่ไม่พอ แพทย์จะพิจารณาเก็บสเต็มเซลล์ โดยใส่สายสวนหลอดเลือดดำบริเวณไหปลาร้าแทน และทำการเก็บสเต็มเซลล์โดยใช้เครื่องแยกเม็ดโลหิตอัตโนมัติ ซึ่งเครื่องจะทำการเลือกเก็บเฉพาะสเต็มเซลล์เท่านั้น ส่วนเม็ดโลหิตอื่น ๆ จะให้กลับคืนเข้าร่างกายทั้งหมด

          กระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง/วัน และอาจจะต้องใช้เวลาบริจาคสเต็มเซลล์ 2 วัน หากปริมาณสเต็มเซลล์ไม่เพียงพอต่อการรักษา และหลังจากเก็บสเต็มเซลล์ไม่เกิน 3 วัน ผู้บริจาคสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติทันที

          ทั้งนี้ ก่อนและหลังการเก็บสเต็มเซลล์ทุกวัน เจ้าหน้าที่จะตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC) ของผู้บริจาคก่อน ถ้ามีภาวะเม็ดเลือดแดงต่ำ (Hematocrit น้อยกว่า 25%) เกล็ดเลือดต่ำ (น้อยกว่า 60,000 / ลบ.มม.) ผู้บริจาคอาจต้องได้รับเม็ดเลือดแดงและหรือเกล็ดเลือดทดแทน

สเต็มเซลล์

2. การเก็บสเต็มเซลล์จากไขกระดูก

          ผู้บริจาคจะได้รับการดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ และแพทย์จะทำการเจาะเก็บสเต็มเซลล์จากบริเวณกระดูกสะโพกด้านหลัง (บริเวณขอบกระดูกเชิงกราน) ในปริมาณไม่เกิน 500 มิลลิลิตร ทั้งนี้ในบางเคส แพทย์อาจจะเก็บโลหิตของผู้บริจาคเอาไว้ประมาณ 1-2 ยูนิต เพื่อนำมาใช้ทดแทนให้ผู้บริจาคหลังการเก็บสเต็มเซลล์เสร็จสิ้น

          กระบวนการนี้อาจใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และผู้ป่วยอาจต้องนอนพักที่โรงพยาบาล 1 คืน เพื่อพักฟื้นร่างกาย หลังจากนั้น ผู้บริจาคสามารถกลับบ้านได้ โดยแพทย์อาจสั่งให้พักประมาณ 5-7 วัน โดยในระหว่างนี้จะมีเจ้าหน้าที่ติดตามอาการจนกว่าร่างกายผู้บริจาคสเต็มเซลล์จะแข็งแรงตามปกติ

          อย่างไรก็ตาม การบริจาคสเต็มเซลล์ในทุกวิธีและทุกขั้นตอน ผู้บริจาคไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นนะคะ



บริจาคสเต็มเซลล์ ผลข้างเคียงมีไหม

          ระหว่างการเก็บสเต็มเซลล์อาจมีอาการข้างเคียง เช่น อาการชาบริเวณมือ เท้า และรอบปาก แต่ทั้งนี้สามารถป้องกันอาการข้างเคียงดังกล่าวได้ด้วยการรับประทานแคลเซียมก่อนบริจาคสเต็มเซลล์

          อีกผลข้างเคียงของการบริจาคสเต็มเซลล์ที่อาจพบได้ในวิธีเก็บสเต็มเซลล์จากกระแสโลหิต คือผู้บริจาคอาจมีอาการปวดเมื่อยร่างกาย หนาวสั่นเหมือนมีไข้ แต่หลังจากบริจาคสเต็มเซลล์เสร็จสิ้นแล้ว อาการข้างเคียงทั้งหมดก็จะหายไป ร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติ รวมไปถึงปริมาณสเต็มเซลล์ที่บริจาคไป ร่างกายก็สามารถผลิตขึ้นมาทดแทนได้อย่างรวดเร็ว

          ดังนั้นถ้าคิดอยากบริจาคสเต็มเซลล์ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล นอกจากควรเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการบริจาคสเต็มเซลล์อย่างที่สุด นั่นก็คือการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเองค่ะ

          และแม้การบริจาคสเต็มเซลล์จะไม่ใช่เรื่องที่ทำสำเร็จได้ง่าย ๆ และอาจต้องใช้เวลาในการบริจาคสเต็มเซลล์สักระยะ ทว่าการบริจาคสเต็มเซลล์คือการต่อชีวิตให้ผู้ป่วยที่รอความหวังในการมีชีวิตต่อไป เพราะนี่อาจเป็นเพียงทางรอดสุดท้ายที่เขามีเลยก็ได้...

          ....หากเรามีความพร้อม และคิดว่าร่างกายเราแข็งแรงมากพอจะส่งต่อพลังชีวิตให้ผู้ที่ต้องการสเต็มเซลล์ สามารถลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell พร้อมกับบริจาคโลหิต ได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2263-9600 ต่อ 1301 หรือ 1310 ได้ทุกวันและเวลาทำการ

แผนที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

สเต็มเซลล์
ภาพจาก stemcellthairedcross


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
stemcellthairedcross
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
PR NBC blooddonationthai
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บริจาคสเต็มเซลล์ ขั้นตอนเป็นอย่างไร ใครบริจาค Stem cell ได้บ้าง อัปเดตล่าสุด 27 สิงหาคม 2562 เวลา 13:49:34 59,956 อ่าน
TOP