รู้สึกวูบตอนลุก-นั่ง เร็ว ๆ หรือก้มหน้าแล้วเวียนหัว โดยเฉพาะตอนเปลี่ยนท่ามักจะหน้ามืด ต้องเช็กร่างกายคร่าว ๆ เราเป็นโรคอะไรร้ายแรงหรือเปล่า
ทว่าความจริงแล้ว ภาวะเปลี่ยนท่าแล้วเกิดอาการวิงเวียน ทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า ภาวะความดันโลหิตต่ำจากการเปลี่ยนท่า ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมจะพามารู้จักความผิดปกติของร่างกายที่เกิดขึ้นบ่อยในหลายคน แถมบางคนยังเกิดอาการนี้บ่อยครั้งกันค่ะ
ภาวะความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่า หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Postural or Orthostatic Hypertension เป็นความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิตเมื่อมีการเปลี่ยนท่าที่ฝืนต่อแรงโน้มถ่วงของโลก อธิบายง่าย ๆ ก็คือ โดยปกติแล้วหัวใจเราจะปั๊มเลือดไปเลี้ยงสมองในอัตราคงที่และสม่ำเสมอ หัวใจจะบีบตัวช้า ๆ ไม่ต้องทำงานหนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างทันทีจนส่งผลให้ศีรษะกับหัวใจอยู่คนละระนาบกัน เช่น การนอนอยู่แล้วลุกขึ้นมากะทันหัน นั่งนาน ๆ แล้วผุดลุกขึ้นเร็ว ๆ หรือก้มหน้ากะทันหัน ระบบไหลเวียนเลือดก็ต้องปรับตัวเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงสมองให้ทัน ซึ่งในบางครั้งการเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่ง เลือดจะไหลลงสู่ด้านล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้ร่างกายดึงเลือดกลับไปเลี้ยงสมองไม่พอ ความดันเลือดต่ำทันที และส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด เหมือนจะเป็นลมได้
โดยนอกจากอาการหน้ามืดแล้ว บางคนอาจมีอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เนื่องจากหัวใจกำลังพยายามปรับตัวและทำการสูบฉีดเลือดกลับเข้าสู่หัวใจเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงสมองให้เร็วที่สุด ซึ่งภาวะความดันตกขณะเปลี่ยนท่านี้ เป็นกระบวนการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติตามปกติ และร่างกายจะเข้าสู่ภาวะปกติได้เมื่อระบบประสาทอัตโนมัติเกิดความสมดุล ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ และเพียงพอต่อความต้องการของสมอง
จริง ๆ แล้ว หากมีการเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็มีโอกาสเจอภาวะนี้ได้ แต่อาจมีคนบางกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าเพื่อน เช่น
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจ เช่น รายที่มีการเต้นของหัวใจช้ากว่าปกติ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจล้มเหลว
- ผู้ป่วยโรคทางสมอง หรือระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน โรคปลายประสาทอักเสบ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เพราะเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณการควบคุมความดันโลหิตเสียการทำงานจากพยาธิสภาพของโรค
- ผู้ที่มีอาการความดันโลหิตต่ำ
- ผู้ที่มีปัญหาของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมไทรอยด์หรือต่อมหมวกไตทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
- มีภาวะขาดน้ำ เช่น คนที่ดื่มน้ำน้อย, เจอภาวะอากาศร้อนทำให้สูญเสียน้ำมาก, ทำงานกลางแจ้ง, เล่นกีฬาจนเสียเหงื่อมาก, สูญเสียน้ำจากอาการท้องเสียอย่างรุนแรง อาเจียน ฯลฯ
- ผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรัง
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น การกินยารักษาความดันโลหิตสูง ยานอนหลับ ยารักษาโรคทางจิตเวชบางชนิด
อย่างไรก็ตาม อาการเปลี่ยนท่าแล้วหน้ามืดก็มีวิธีป้องกันไม่ให้ร่างกายตกอยู่ในสภาพดังกล่าวนะคะ โดยมีวิธีปฏิบัติตัวตามนี้เลย
* เคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อนจนเกินไป โดยเฉพาะในผู้สูงอายุซึ่งระบบไหลเวียนเลือดอาจมีประสิทธิภาพลดลงกว่าวัยหนุ่มสาว
* ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดมีความคล่องตัวมากขึ้น
* ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละ 30 นาทีขึ้นไป จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจแข็งแรงขึ้น
- คาร์ดิโอ วิธีออกกำลังกายดี ๆ ได้ทั้งฟิต แอนด์ เฟิร์ม กระตุ้นหัวใจให้แข็งแรง
* รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตามหลักโภชนาการที่ดี โดยเฉพาะเพศหญิงควรต้องกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เพราะผู้หญิงมีโอกาสสูญเสียธาตุเหล็กในร่างกายมากกว่าเพศชาย เช่น การมีประจำเดือน หรือการตั้งครรภ์ ซึ่งเลือดจะถูกส่งไปเลี้ยงทารกในครรภ์เพิ่มขึ้น
- อาหารบำรุงเลือด กินอย่างนี้สิป้องกันภาวะโรคโลหิตจาง
* หากภาวะความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่าเกิดจากการใช้ยา อาจปรึกษาแพทย์เพื่อลดขนาดยาลง
อย่างไรก็ตาม หากใครยังข้องใจในอาการวูบของตัวเอง เกรงว่าจะส่อโรคร้ายแรงที่ควรต้องรีบรักษาหรือไม่ ลองมาเช็กสาเหตุของโรควูบดูก็ได้นะคะ
- 10 สาเหตุโรควูบ อาการหน้ามืดเป็นลมที่อาจถึงตาย !
ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์