สาระน่ารู้...ภาวะ Refeeding syndrome ที่คนอดอาหารมาหลายวันต้องระวัง หากรีบกินอาหารทันที อาจมีความเสี่ยงถึงชีวิต
![ถ้ำหลวง ถ้ำหลวง]()
อาหารอวกาศ
![refeeding syndrome refeeding syndrome]()
Refeeding syndrome ป้องกันได้อย่างไร
- เจาะเลือดตรวจระดับอิเล็กโทรไลต์ ระดับฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียมในเลือด
- ให้กินวิตามินบี 1 (ไทอามีน) 200-300 มิลลิกรัมต่อวันทางปาก หรือกินวิตามินบีรวม 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หรือให้วิตามินบีรวมทางหลอดเลือดดำ ร่วมกับวิตามินรวม/แร่ธาตุรวม วันละ 1 ครั้ง
- เริ่มให้สารอาหารทีละน้อย ไม่เกิน 10 กิโลแคลอรี/กิโลกรัม/วัน แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มปริมาณพลังงานและสารอาหารอย่างช้า ๆ จนถึงระดับเป้าหมายภายใน 4–7 วัน แต่หากคนไข้มีภาวะทุพโภชนาการ ให้เริ่มต้นให้สารอาหารไม่เกิน 5 กิโลแคลอรี/กิโลกรัม/วัน
- ระหว่างนี้แพทย์ต้องตรวจและประเมินสภาพร่างกายอย่างใกล้ชิด โดยให้สารน้ำชดเชยอย่างเพียงพอ ติดตามระดับฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียมอย่างใกล้ชิด ให้อิเล็กโทรไลต์ชดเชยหากมีภาวะอิเล็กโทรไลต์ในเลือดต่ำ
- ติดตามอาการจนครบ 2 สัปดาห์
ขอบคุณข้อมูลจาก
ป้า อคาเดมี่
เฟซบุ๊ก Drama-addict
สร้างความดีใจให้คนไทยทั้งประเทศเมื่อมีข่าวว่าทีมกู้ภัยพบ 13 ชีวิตทีมหมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนแล้ว โดยทุกคนปลอดภัยดี แต่มีอาการอ่อนเพลียและรู้สึกหิวเนื่องจากไม่ได้กินอาหารมานานเกือบ 10 วัน อย่างไรก็ตาม จากที่มีข่าวว่าจะให้โค้ชและเด็ก ๆ ได้กินอาหารเพื่อบรรเทาความหิวและเติมพลังงานให้ร่างกายนั้น ก็ได้มีเสียงเตือนจากแพทย์และนักวิชาการออกมาว่า อย่าเพิ่งรีบนำอาหารหนัก ๆ ไปให้ผู้ประสบเหตุกิน เพราะหากเกิดอาการ Refeeding syndrome ขึ้นมา จะเป็นอันตรายถึงชีวิต เราลองไปทำความเข้าใจอาการ Refeeding syndrome กันดูว่าเป็นอย่างไร
![ถ้ำหลวง ถ้ำหลวง](http://hilightad.kapook.com/img_cms2/user/sarinee/2018/D7/w1/005a3.jpg)
อาหารอวกาศ
ภาพจาก AMARIN 34HD
Refeeding syndrome คืออะไร
จากข้อมูลของเภสัชกร ผู้ใช้ทวิตเตอร์ ภก.เฮียกล้วย และอาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า ภาวะ Refeeding syndrome คือ ภาวะที่ร่างกายขาดสารอาหารมานาน จนร่างกายปรับตัวดึงแร่ธาตุในเซลล์ไปใช้แทนน้ำตาลกลูโคส ดังนั้นถ้าหากคนที่อดอาหารมานานได้กินอาหาร หรือได้รับสารอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงเข้าไปทันที ไม่ว่าจะผ่านการกินทางปาก หรือการให้ทางหลอดเลือดดำก็ตาม จะกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนที่ของอิเล็กโทรไลต์เข้าสู่เซลล์อย่างรวดเร็ว
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารเข้าไปแล้ว ร่างกายจะรีบนำแร่ธาตุที่ได้คืนมาไปชดเชยเซลล์ที่ยืมมาใช้ แต่ก่อนที่แร่ธาตุจะเข้าไปในเซลล์ได้ จะต้องดูดเข้าไปในกระแสเลือดก่อน แต่เมื่อดูดซึมเข้าไปแล้ว สารอาหารสำคัญในกระแสเลือด อย่างเช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินบี 1 ก็จะเข้าไปในเซลล์ทั้งหมดด้วยอย่างรวดเร็ว ทำให้เกลือแร่ในเลือดลดต่ำลง อาจมีภาวะสมดุลน้ำและโซเดียมผิดปกติ ซึ่งภาวะเช่นนี้จะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งระบบสมอง ประสาท กล้ามเนื้อ และทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจหยุดเต้นจนเสียชีวิตได้เลย อย่างไรก็ตาม ในบางคนอาจไม่เป็นอะไรหรือไม่มีอาการตามที่กล่าวมา เพราะตามกลไกปกติ ร่างกายจะมีการรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายเองได้ในระดับหนึ่ง
![refeeding syndrome refeeding syndrome](http://img.kapook.com/u/2018/patcharin/Food/eating/sg.jpg)
เพื่อเป็นการป้องกันภาวะ Refeeding syndrome แพทย์จะต้องตรวจร่างกายผู้ที่ขาดอาหารมานานเพื่อประเมินสภาพร่างกายเสียก่อน จากนั้นจึงเริ่มให้อาหารตามลำดับขั้นตอนคือ
- ให้กินวิตามินบี 1 (ไทอามีน) 200-300 มิลลิกรัมต่อวันทางปาก หรือกินวิตามินบีรวม 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หรือให้วิตามินบีรวมทางหลอดเลือดดำ ร่วมกับวิตามินรวม/แร่ธาตุรวม วันละ 1 ครั้ง
- เริ่มให้สารอาหารทีละน้อย ไม่เกิน 10 กิโลแคลอรี/กิโลกรัม/วัน แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มปริมาณพลังงานและสารอาหารอย่างช้า ๆ จนถึงระดับเป้าหมายภายใน 4–7 วัน แต่หากคนไข้มีภาวะทุพโภชนาการ ให้เริ่มต้นให้สารอาหารไม่เกิน 5 กิโลแคลอรี/กิโลกรัม/วัน
- ระหว่างนี้แพทย์ต้องตรวจและประเมินสภาพร่างกายอย่างใกล้ชิด โดยให้สารน้ำชดเชยอย่างเพียงพอ ติดตามระดับฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียมอย่างใกล้ชิด ให้อิเล็กโทรไลต์ชดเชยหากมีภาวะอิเล็กโทรไลต์ในเลือดต่ำ
- ติดตามอาการจนครบ 2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ใครที่ติดตามข่าวการช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนอยู่ก็ไม่ต้องวิตกกังวลไป เพราะทีมแพทย์ที่เข้าไปช่วยเหลือทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว และเตรียมพร้อมดูแลเด็ก ๆ อย่างเต็มที่เพื่อคืนทุกคนกลับสู่อ้อมกอดของพ่อแม่อย่างปลอดภัย
ขอบคุณข้อมูลจาก
ป้า อคาเดมี่
เฟซบุ๊ก Drama-addict