เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ตกขาว" (Lisa)
เมื่อได้ยินคำว่า "ตกขาว" ผู้หญิงหลายท่านอาจเข้าใจว่าเป็นอาการผิดปกติ และรู้สึกกังวล ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วภาวะตกขาวนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของผู้หญิงทุกคน ตกขาวเป็นสิ่งที่ร่างกายผลิตออกมาเพื่อช่วยในการทำความสะอาดช่องคลอด
ในสภาวะปกติตกขาวจะมีลักษณะเป็นมูกใสหรือขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก ไม่มีกลิ่น ไม่มีอาการคัน และระคายเคือง ปริมาณตกขาวจะมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน และจะเปลี่ยนแปลงไปตามรอบประจำเดือน โดยจะมีปริมาณมากขึ้นในช่วงที่ไข่ตกอยู่ระหว่างวันที่ 14 ของรอบเดือน หลังจากรอบเดือนผ่านไป ตกขาวจะมีลักษณะใสๆ และมีปริมาณน้อยลง นอกจากนั้นขณะตั้งครรภ์ก็จะพบว่าตกขาวมากจนบางครั้งอาจจะมีลักษณะเหนียวหนืด
ตกขาวยังเป็นสิ่งบอกถึงสุขภาพของจุดซ่อนเร้นได้เป็นอย่างดี หากตกขาวมีกลิ่นคาว หรือเหม็นสีเหลือง หรือเขียวรวมทั้งมีอาการคัน และแสบร่วมด้วยแสดงว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นในช่องคลอด ซึ่งเป็นภาวะตกขาวที่ผิดปกติ
อักเสบจากการติดเชื้อของช่องคลอดและปากมดลูกพบได้บ่อย ก็คือการอักเสบติดเชื้อจากเชื้อรา, เชื้อพยาธิ และเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
การอักเสบของช่องคลอดจากเชื้อรานั้นพบได้บ่อยมาก ลักษณะของตกขาวนั้นจะมีปริมาณมากเป็นสีขาว หรือเป็นก้อนเล็กๆ สีขาวก็ได้ ที่สำคัญคือมักมีอาการคันบริเวณช่องคลอด หรือบริเวณจุดซ่อนเร้นร่วมด้วย
การอักเสบติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดนั้นเกิดจากเชื้อพยาธิตัวเล็ก ๆ ลักษณะของตกขาวนั้นมักเป็นสีเหลือง หรือเขียว หรืออาจมีลักษณะคล้ายฟองด้วย ส่วนอาการที่เกิดร่วมด้วยนั้นก็คล้ายกับการติดเชื้อรา คือมักมีอาการคันอย่างมากบริเวณช่องคลอด และจุดซ่อนเร้น
การอักเสบติดเชื้อจากแบคทีเรียนั้นอาการมักไม่ชัดเจนเหมือนเชื้อรา หรือเชื้อพยาธิ แต่มักมีตกขาวออกมามาก อาจมีสีเหลือง หรือเทาข้นๆ อาจมีกลิ่นเหม็นผิดปกติร่วมด้วยก็ได้ อาการอื่นอย่างแสบร้อนหรือคันบริเวณช่องคลอดก็พบได้เช่นกัน
การรักษาโดยทั่วไปแพทย์มักจะให้ยาเหน็บช่องคลอด หรือยาไปรับประทานต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำอีกได้ จึงควรดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างสม่ำเสมอโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่สามารถปกป้อง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยไม่มีผลต่อเชื้อ Lactobacillus ซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่นบริเวณจุดซ่อนเร้น และคืนความสมดุลให้กับบริเวณจุดซ่อนเร้น และระวังอย่าให้เกิดความอับชื้น โดยหากได้รับการดูแลที่ดีก็จะไม่เกิดปัญหาลุกลามตามมา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เมื่อได้ยินคำว่า "ตกขาว" ผู้หญิงหลายท่านอาจเข้าใจว่าเป็นอาการผิดปกติ และรู้สึกกังวล ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วภาวะตกขาวนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของผู้หญิงทุกคน ตกขาวเป็นสิ่งที่ร่างกายผลิตออกมาเพื่อช่วยในการทำความสะอาดช่องคลอด
ในสภาวะปกติตกขาวจะมีลักษณะเป็นมูกใสหรือขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก ไม่มีกลิ่น ไม่มีอาการคัน และระคายเคือง ปริมาณตกขาวจะมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน และจะเปลี่ยนแปลงไปตามรอบประจำเดือน โดยจะมีปริมาณมากขึ้นในช่วงที่ไข่ตกอยู่ระหว่างวันที่ 14 ของรอบเดือน หลังจากรอบเดือนผ่านไป ตกขาวจะมีลักษณะใสๆ และมีปริมาณน้อยลง นอกจากนั้นขณะตั้งครรภ์ก็จะพบว่าตกขาวมากจนบางครั้งอาจจะมีลักษณะเหนียวหนืด
ตกขาวยังเป็นสิ่งบอกถึงสุขภาพของจุดซ่อนเร้นได้เป็นอย่างดี หากตกขาวมีกลิ่นคาว หรือเหม็นสีเหลือง หรือเขียวรวมทั้งมีอาการคัน และแสบร่วมด้วยแสดงว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นในช่องคลอด ซึ่งเป็นภาวะตกขาวที่ผิดปกติ
อักเสบจากการติดเชื้อของช่องคลอดและปากมดลูกพบได้บ่อย ก็คือการอักเสบติดเชื้อจากเชื้อรา, เชื้อพยาธิ และเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
การอักเสบของช่องคลอดจากเชื้อรานั้นพบได้บ่อยมาก ลักษณะของตกขาวนั้นจะมีปริมาณมากเป็นสีขาว หรือเป็นก้อนเล็กๆ สีขาวก็ได้ ที่สำคัญคือมักมีอาการคันบริเวณช่องคลอด หรือบริเวณจุดซ่อนเร้นร่วมด้วย
การอักเสบติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดนั้นเกิดจากเชื้อพยาธิตัวเล็ก ๆ ลักษณะของตกขาวนั้นมักเป็นสีเหลือง หรือเขียว หรืออาจมีลักษณะคล้ายฟองด้วย ส่วนอาการที่เกิดร่วมด้วยนั้นก็คล้ายกับการติดเชื้อรา คือมักมีอาการคันอย่างมากบริเวณช่องคลอด และจุดซ่อนเร้น
การอักเสบติดเชื้อจากแบคทีเรียนั้นอาการมักไม่ชัดเจนเหมือนเชื้อรา หรือเชื้อพยาธิ แต่มักมีตกขาวออกมามาก อาจมีสีเหลือง หรือเทาข้นๆ อาจมีกลิ่นเหม็นผิดปกติร่วมด้วยก็ได้ อาการอื่นอย่างแสบร้อนหรือคันบริเวณช่องคลอดก็พบได้เช่นกัน
การรักษาโดยทั่วไปแพทย์มักจะให้ยาเหน็บช่องคลอด หรือยาไปรับประทานต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำอีกได้ จึงควรดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างสม่ำเสมอโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่สามารถปกป้อง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยไม่มีผลต่อเชื้อ Lactobacillus ซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่นบริเวณจุดซ่อนเร้น และคืนความสมดุลให้กับบริเวณจุดซ่อนเร้น และระวังอย่าให้เกิดความอับชื้น โดยหากได้รับการดูแลที่ดีก็จะไม่เกิดปัญหาลุกลามตามมา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก