อุณหภูมิร่างกาย ปกติจะอยู่ที่ 36.2-37.5 องศาเซลเซียส หากเกินกว่านั้นก็จะถือว่ามีไข้ โดยเกณฑ์การวัดไข้ทั่วไปก็มีหลายระดับ ดังนี้
- อุณหภูมิ 37.6 - 38.3 องศาเซลเซียส = มีไข้ต่ำ
- อุณหภูมิ 38.4 - 39.4 องศาเซลเซียส = มีไข้ปานกลาง
- อุณหภูมิ 39.5 - 40.5 องศาเซลเซียส = มีไข้สูง
- อุณหภูมิ 40.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป = มีไข้สูงมาก
ทั้งนี้ การวัดไข้ก็จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่วัดอุณหภูมิด้วย เช่น หากวัดอุณหภูมิทางปาก รักแร้ หู ได้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือวัดอุณหภูมิทางทวารหนักแล้วเกิน 38 องศาเซลเซียส ภายใน 48 ชั่วโมง ร่วมกับมีอาการตัวร้อนที่สัมผัสได้ ซึม หน้าแดง ตัวแดง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ก็จัดว่ามีอาการไข้อย่างแน่นอน ควรต้องรีบลดไข้ด้วยการเช็ดตัว หรือไปพบแพทย์จะดีที่สุด
อุณหภูมิร่างกาย ปกติอยู่ที่เท่าไร วัดไข้แบบไหนให้คลาดเคลื่อนน้อยที่สุด
1. ปรอทวัดอุณหภูมิชนิดแก้ว
2. ปรอทวัดอุณหภูมิชนิดแก้ว ที่ใช้วัดไข้ทางก้น
3. ปรอทวัดอุณหภูมิชนิดดิจิทัล
4. แถบเทปวัดไข้
5. เครื่องวัดอุณหภูมิในช่องหู
6. เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด แบบไร้สัมผัส
7. เครื่องสแกนอุณหภูมิแบบเดินผ่าน วัดไข้จากคลื่นรังสีความร้อน
ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด
นับว่าเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดมีความเหมาะสมมากในสถานการณ์โควิด 19 เพราะสามารถวัดไข้โดยไม่สัมผัสร่างกาย ใช้งานง่าย แปลค่ารวดเร็ว มีค่าความผิดพลาดประมาณ 0.1-0.2% ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ
เครื่องวัดไข้แบบอินฟราเรด ทำงานด้วยการวัดรังสีความร้อนที่แผ่ออกมาจากผิวหนัง และแปลผลออกมาเป็นตัวเลขอุณหภูมิของร่างกาย โดยมีหลักการใช้งาน ดังนี้
- ตัวเครื่องวัดอุณหภูมิควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จะทำการวัดไข้ไม่น้อยกว่า 30 นาที
- เช็กเครื่องวัดอุณหภูมิให้พร้อมใช้งาน เช่น แบตเตอรี่ต่ำไหม โหมดการวัดอุณหภูมิเป็นโหมดวัดอุณหภูมิร่างกาย (Body temperature) หรือยัง
- ใช้วัดอุณหภูมิบริเวณหน้าผาก โดยไม่มีเสื้อผ้าหรือสิ่งกีดขวางปกคลุม และถือเครื่องวัดให้ตั้งฉากกับหน้าผาก มืออยู่นิ่ง ๆ และผู้ที่ถูกวัดก็ควรอยู่นิ่ง ไม่ขยับไป-มา
- ควรเว้นระยะห่างในการวัดอุณหภูมิอย่างเหมาะสม โดยดูตามคู่มือการใช้งานของเครื่องวัดอุณหภูมิแต่ละเครื่อง
- ก่อนวัดอุณหภูมิ ร่างกายควรอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และยืนหรือนั่งพักอย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้วัดค่าอุณหภูมิร่างกายใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
- ควรวัดซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้ได้ค่าที่แน่นอนที่สุด
- ผู้ทำการวัดและผู้ถูกวัดควรต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และสวมใส่ชุดป้องกันในกรณีที่ต้องคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูง
อย่างไรก็ตาม หากต้องการวัดไข้ที่ได้ผลแม่นยำจริง ๆ ควรวัดไข้ด้วยเครื่องมืออื่นซ้ำอีกครั้ง เช่น ปรอทชนิดแก้ว เครื่องวัดอุณหภูมิในช่องหู โดยวัดอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายจากบริเวณช่องปาก เยื่อแก้วหู (ในช่องหู) รักแร้ หรือทวารหนัก ซึ่งจะได้ค่าที่เที่ยงตรงกว่า
หากจำเป็นต้องคัดกรองคนอย่างเข้มข้น บวกกับจำนวนคนผ่านเข้า-ออกมีไม่มาก ควรเลือกใช้ครื่องวัดไข้อินฟราเรดแบบปืนยิงหน้าผาก วัดไข้คนต่อคนไปเลย
แต่หากเป็นสถานที่ค่อนข้างใหญ่ จำนวนคนผ่านเข้า-ออกค่อนข้างมาก อาจเลือกใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายอินฟราเรดแบบติดผนังหรือตั้งบนขาตั้งแทน เครื่องวัดไข้ชนิดนี้จะสะดวกกับเจ้าหน้าที่ เพราะไม่ต้องไล่วัดอุณหภูมิคนต่อคน เพียงแค่ยืนเช็กเฉย ๆ ว่าใครมีไข้หรือไม่มีแล้วคัดกรองเท่านั้น
ซื้อที่ไหน
ถ้าอยากซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดแบบยิงหน้าผากมาวัดไข้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา ร้านค้าชั้นนำทั่วไป เช่น ห้างสรรพสินค้า Home pro, Officemate, Watsons หรือเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, JD central หรือ 7online
แต่ถ้ายังไม่รู้จะซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดยี่ห้อไหนดี เรามีมาแนะนำ ในราคาไม่เกิน 2,000 บาท
ราคาไม่เกิน 2,000 บาท
1. SIMZO HW-F7
ภาพจาก simzo
เครื่องวัดอุณหภูมิยี่ห้อดังจากประเทศจีน เครื่องนี้มีใบรับรอง FDA จากอเมริกา ผลิตจากวัสดุคุณภาพดีจากเยอรมนี โดยใช้ชิปเดียวกับเครื่องวัดอุณหภูมิในโรงพยาบาล ตัวเครื่องกะทัดรัด ด้ามจับถนัดมือ นอกจากจะใช้วัดอุณหภูมิร่างกายแล้ว ยังสามารถใช้วัดค่าอุณหภูมิน้ำ, อุณหภูมิของนม หรืออุณหภูมิห้องก็ได้ ตัวเครื่องใช้เพียงถ่านอัลคาไลน์ AAA 2 ก้อนเท่านั้นเอง ส่วนความแม่นยำในการวัดไข้อยู่ที่ +- 0.2 หากมีอุณหภูมิถึง 38 องศาเซลเซียส จะมีเสียงเตือนและไฟสีแดง
- ราคา : ประมาณ 850-1,300 บาท
2. Anitech- JK-106
ภาพจาก anitechonline
เครื่องวัดไข้แบรนด์ญี่ปุ่น ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ตัวนี้มีหน่วยความจำ 32 ชุด ตัวอ่านคุณภาพดี แม่นยำ แสดงผลภายใน 1 วินาที สามารถวัดทั้งอุณหภูมิร่างกายและอุณหภูมิห้อง ตั้งให้แสดงผลเป็นองศาเซลเซียสหรือองศาฟาเรนไฮต์ก็ได้ ที่สำคัญก็มีใบรับรองจากการนำเข้าจาก อย. ด้วย
- ราคา : ประมาณ 1,390 บาท
3. CONTEC รุ่น TP500
ภาพจาก shopat24
เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผลเด่นชัด สามารถแสดงสีตามเกณฑ์วัดไข้ได้ โดยอุณหภูมิปกติหน้าจอจะเป็นสีน้ำเงิน มีไข้ต่ำ ๆ หน้าจอจะเป็นสีเหลือง มีไข้สูงหน้าจอจะเป็นสีแดง ตัวเครื่องมีโหมดประหยัดพลังงานหน้าจอจะดับหากไม่ใช้งานนาน 5 วินาที มีการวัดที่แม่นยำ +- 0.1 สามารถตั้งค่าแสดงอุณหภูมิเป็นองศาเซลเซียสหรือองศาฟาเรนไฮต์ก็ได้
- ราคา : ประมาณไม่เกิน 1,500 บาท
4. Hywell รุ่น UN-001
ภาพจาก prelamshop
เครื่องวัดอุณหภูมิที่วัดผลรวดเร็ว และมีเสียงแจ้งเตือนเมื่อตรวจจับอุณหภูมิสูง พร้อมกับหน้าจอเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่ออุณหภูมิเกิน 37.4 องศาเซลเซียส มีบันทึกเก็บข้อมูลย้อนหลังอัตโนมัติ ตัวเครื่องกะทัดรัด น้ำหนักเบา จับถนัดมือ และใช้งานง่าย สามารถแสดงอุณหภูมิได้ทั้งแบบองศาเซลเซียสและองศาฟาเรนไฮต์
- ราคา : ประมาณไม่เกิน 1,700 บาท
5. Yuwell รุ่น YT-1
ภาพจาก mdmeda
น่าจะเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดี เพราะเจ้านี้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่นิยมใช้กันในบ้านเราหลายชิ้น และกับเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดตัวนี้ก็มีคุณสมบัติน่าสนใจ ตั้งแต่ดีไซน์มินิมอล ทันสมัย มาพร้อมกับโหมดแจ้งเตือนเมื่อระยะห่างการวัดไม่ได้ตามกำหนด มีเสียงเตือน และระบบสั่นเตือนเมื่อวัดค่าเสร็จ ถ้าอุณหภูมิสูงหรือเท่ากับ 37.6 หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีส้มทันที มีโหมดแสดงอุณหภูมิทั้งแบบองศาเซลเซียสและองศาฟาเรนไฮต์ และหน้าจอจะดับอัตโนมัติหากไม่ใช้งานภายใน 30 วินาที
- ราคา : ประมาณ 1,500-2,000 บาท
6. Jumper JPD-FR408
ภาพจาก wish
เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด 2 ระบบ สามารถยิงวัดไข้บริเวณหน้าผาก หรือจิ้มวัดไข้ในช่องหูก็ได้ เรียกว่า 2 in 1 แบบเก๋ ๆ ตัวเครื่องมีระบบแจ้งเตือนเมื่อตรวจจับอุณหภูมิสูง มีโหมดบันทึกข้อมูลอุณหภูมิ 20 ค่า และแบรนด์นี้เป็นผู้ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐานจากยุโรปและอเมริกาด้วยนะคะ
- ราคา : ประมาณ 1,500-2,000 บาท
7. LEPU LFR30B
ภาพจาก lepumedical
เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดสัญชาติเยอรมนี วัดได้ทั้งหน้าผาก และอุณหภูมิวัตถุต่าง ๆ แสดงผลรวดเร็วใน 1 วินาที มีแสงสีฟ้าแสดงระยะห่างที่เหมาะสมในการวัดอุณหภูมิ ส่วนของหน้าจอสามารถแยกสีตามระดับอุณหภูมิได้ คือ สีเขียวปกติ สีเหลืองมีไข้ต่ำ (37.5-38.5 องศาเซลเซียส) และสีแดงมีไข้สูง (38.6 องศาเซลเซียสขึ้นไป) พร้อมเสียงแจ้งเตือน สามารถเก็บข้อมูลตรวจวัดได้สูงถึง 99 ดาต้า และมีโหมดประหยัดพลังงานเมื่อไม่ใช้งานภายใน 60 วินาที
- ราคา : ประมาณ 1,500-2,000 บาท
8. Microlife FR1DL1/FR1MF1
ภาพจาก microlife-thailand
เครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผากแบบอินฟราเรดที่รูปทรงคล้ายรีโมต ดีไซน์เรียบ ไม่เทอะทะ บันทึกหน่วยความจำได้ 30 ค่า มาพร้อมกับเทคโนโลยีแสงนำทาง (Guiding Light) ช่วยบอกตำแหน่งให้ผู้ใช้งานสามารถปรับตำแหน่งการวัดให้ถูกต้องได้ เมื่อวัดแล้วจะแสดงผลเป็น 2 สี คือ สีเขียวปกติ แต่หากอุณหภูมิสูงเกิน 37.4 องศาเซลเซียส หน้าจอจะเป็นสีแดง พร้อมเสียงแจ้งเตือน นอกจากนี้ยังแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่ต่ำ สามารถเปลี่ยนถ่านได้ โดยใช้ถ่าน AAA 1.5 V 2 ก้อน ตัวเครื่องมีระยะเวลารับประกันศูนย์ 2 ปี
- ราคา : ประมาณ 1,940 บาท
9. Beurer FT 65
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Beurer TH
เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด 6 in 1 คุณภาพเยอรมนี สามารถวัดอุณหภูมิหน้าผากและหู รวมทั้งอุณหภูมิของพื้นผิววัตถุต่าง ๆ ได้ โดยมีปุ่มให้กดเปลี่ยนโหมดตามการใช้งาน ส่วนหน้าจอแสดงผลเป็นตัวเลขดิจิทัล พร้อมสัญญาณไฟแสดงค่าปกติเป็นสีเขียว ผิดปกติเป็นสีแดง โดยเลือกให้แสดงค่าเป็นองศาเซลเซียสหรือฟาเรนไฮต์ก็ได้ สามารถเปลี่ยนถ่านได้ โดยใช้ถ่าน AAA 1.5 V 2 ก้อน ตัวเครื่องมีระยะเวลารับประกันศูนย์ 5 ปี
- ราคา : ประมาณ 1,950 บาท
10. Easy Thermo
ภาพจาก fascino
เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด 4 in 1 จุดเด่นคือ สามารถแยกโหมดวัดอุณหภูมิระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ได้ โดยแบ่งเป็นโหมดวัดอุณหภูมิหน้าผากเด็ก หน้าผากผู้ใหญ่ โหมดวัดอุณหภูมิทางหู และยังวัดอุณหภูมิวัตถุได้ ดีไซน์ตัวเครื่องเล็ก กะทัดรัด ใช้ง่าย แสดงผลได้แม่นยำด้วยการทดสอบทางคลินิกมากกว่า 1,000 ครั้ง หน้าจอแสดงผลใหญ่ อ่านง่าย มีไฟแจ้งเตือน 4 สี สีขาวพร้อมใช้งาน สีเขียวปกติ สีเหลืองมีไข้ต่ำ ๆ สีแดงมีไข้สูง (เกิน 38.1 องศาเซลเซียส) พร้อมเสียงแจ้งเตือนเมื่อวัดค่าเสร็จ
- ราคา : ประมาณ 1,600-2,100 บาท
11. OMRON MC-720
ภาพจาก omronhealthcare
อีกหนึ่งแบรนด์ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำ และเป็นที่นิยมในไทย เครื่องนี้วัดได้ 3 รูปแบบ คือ วัดอุณหภูมิร่างกายทางหน้าผาก วัดอุณหภูมิภายในห้อง และอุณหภูมิพื้นผิว สามารถแปลผลได้เร็วภายใน 1 วินาที เก็บข้อมูลย้อนหลังได้ 25 ดาต้า หน้าจอขนาดใหญ่ อ่านชัดเจน พร้อมมีเสียงแจ้งเตือนเมื่อวัดค่าเสร็จ และไฟ Blacklight ดูง่ายแม้อยู่ในที่มืด เครื่องนี้ใช้ถ่านกระดุมลิเธียม CR2023 ใช้งานได้ทนทานมากกว่า 2,500 ครั้ง
- ราคา : ประมาณ 1,900-2,200 บาท
อย่างไรก็ตาม เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดมีจำหน่ายหลายราคา หลากคุณภาพในปัจจุบัน ดังนั้นก่อนเลือกซื้อก็ควรเช็กให้ดีว่าผ่านการรับรองมาตรฐานไหม เพื่อการวัดอุณหภูมิร่างกายที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด หรือจะซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือก็ได้ค่ะ