ยาฝังคุมกำเนิด (Contraceptive Implant) เป็นวิธีคุมกำเนิดกึ่งถาวร ด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียวเหมือนกับยาฉีดคุมกำเนิด โดยตัวยาฝังจะมีลักษณะเป็นหลอดบรรจุฮอร์โมน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-2.5 มิลลิเมตร ความยาวหลอดประมาณ 4-4.3 เซนติเมตร ตัวหลอดมีลักษณะนิ่ม ยืดหยุ่นได้ และไม่สลายตัว
ส่วนวิธีฝังตัวยาคุมกำเนิดจะฝังหลอดยาไว้ใต้ผิวหนัง บริเวณต้นแขนด้านใน ซึ่งฮอร์โมนในหลอดยาคุมกำเนิดจะค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมาทีละน้อย และดูดซึมเข้าในกระแสเลือดเพื่อออกฤทธิ์คุมกำเนิด ช่วยยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือน และทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียวจนอสุจิผ่านเข้าโพรงมดลูกได้ยาก
ทั้งนี้ การฝังยาคุมกำเนิดจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ภายใน 24 ชั่วโมง หลังฝังตัวยา โดยระยะเวลาในการคุมกำเนิดของยาฝังคุมกำเนิดจะแยกออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ ยาฝังคุมกำเนิดชนิด 1 หลอด จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 3 ปี และยาฝังคุมกำเนิดชนิด 6 หลอด จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้นาน 5 ปี
สำหรับประเด็นยาคุมกำเนิดกับรอบเดือนของคุณสาว ๆ ต้องบอกว่า ในช่วง 3-6 เดือนแรกหลังฝังยาคุมกำเนิด มักจะมีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอจากผลของฮอร์โมนในยาคุมที่ฝังเข้าไป เช่น ประจำเดือนมาน้อยลง ประจำเดือนมาแบบกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด ประจำเดือนมาห่าง ๆ หรือบางคนพอฝังยาคุมกำเนิดแล้วประจำเดือนไม่มาเลยก็ได้ หรือในคนที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 70 กิโลกรัม ก็อาจมีโอกาสที่ประจำเดือนจะมามากกว่าปกติได้หลังฝังยาคุม
อย่างไรก็ดี หลังฝังยาคุมแล้วแม้ประจำเดือนจะไม่มาก็ไม่ได้ส่งผลให้สุขภาพของคุณสาว ๆ แย่ลงแต่อย่างใด ยกเว้นในกรณีที่หลังฝังยาคุมกำเนิดแล้วประจำเดือนมามากและมาไม่หยุด เคสแบบนี้ควรรีบพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาความผิดปกติต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้องกับยาคุมกำเนิด
◆ มารู้จัก ยาฝังคุมกำเนิด วิธีคุมกำเนิดที่วัยรุ่นฝังได้ฟรี หยุดปัญหาท้องไม่พร้อม !
◆ แผ่นแปะคุมกำเนิด ทางเลือกคุมกำเนิดที่สาว ๆ ควรรู้ไว้
◆ 15 วิธีคุมกำเนิด และข้อดี-ข้อเสีย ไม่พร้อมป่องก็ป้องกันได้ด้วยวิธีเหล่านี้
◆ กินยาคุมกำเนิดนาน ๆ เสี่ยงมะเร็งเต้านม-มะเร็งปากมดลูกจริงไหม