โพรไบโอติกช่วยอะไร
มีประโยชน์แค่ไหนต่อร่างกาย
โพรไบโอติกหรือที่บางคนเรียกว่าโปรไบโอติก (Probiotic) มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้านเลยทีเดียว เช่น
- ดีต่อระบบขับถ่าย เพิ่มความคล่องตัวในการขับถ่าย
- ช่วยลดอาการลำไส้แปรปรวน บรรเทาอาการท้องผูกและท้องเสีย
- ช่วยปรับสมดุลการย่อยอาหารให้มีการทำงานดีขึ้น แก้ปัญหาท้องอืด
- สร้างเกราะป้องกันบริเวณเยื่อบุลำไส้ ไม่ให้เชื้อโรคหลุดลอดออกจากทางเดินอาหารเข้าสู่ร่างกาย
- สร้างค่า pH ให้ลำไส้เป็นกรด เพื่อไม่ให้แบคทีเรียก่อเกิดโรคเข้ามาเจริญเติบโตในร่างกาย
- กระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ไม่ดีออกไปผ่านการขับถ่าย
- เติมจุลินทรีย์ชนิดดีเข้าสู่ร่างกาย ลดจำนวนจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้นได้
ดังนั้นถ้าขาดโพรไบโอติก ร่างกายจะอ่อนเพลียได้ง่าย ระบบย่อยอาหารแปรปรวน มีอาการท้องเสียหรือท้องผูกเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันต่ำลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมชอบรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกายมากเกินไป เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง แป้งที่ผ่านการขัดสี อาหารที่ตัดแต่งสารพันธุกรรม ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งพฤติกรรมสูบบุหรี่ นอนหลับไม่สนิท ไม่ออกกำลังกาย มีภาวะเครียด และกินยาปฏิชีวนะมากเกินไป ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้โพรไบโอติกในร่างกายลดลงได้นะคะ
โพรไบโอติก
ต่างกับพรีไบโอติกยังไง
โพรไบโอติกในรูปอาหารเสริม
มีกี่แบบ
-
แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส (Lactobacillus Acidophilus) จุลินทรีย์ที่มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร แก้ปัญหาท้องอืด จุกเสียด ลดอาการลำไส้แปรปรวน ดีต่อระบบขับถ่ายและระบบทางเดินปัสสาวะ
-
แล็กโทบาซิลลัส เคซิไอ (Lactobacillus Casei) จุลินทรีย์ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย รวมทั้งมีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร รักษาสมดุลลำไส้ รักษาอาการท้องร่วง และลดอาการท้องผูก
-
บิฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria) จุลินทรีย์ที่มีสรรพคุณช่วยควบคุมน้ำตาลและไขมันในเลือด กระตุ้นการดูดซึมอาหารและระบบขับถ่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาว รักษาอาการผิดปกติของทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้
-
บาซิลลัส (Bacillus) จุลินทรีย์ที่มีสรรพคุณช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ลดการติดเชื้อทางเดินอาหาร ช่วยให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพ ลดอาการลำไส้แปรปรวน
โพรไบโอติกกินตอนไหน
ควรกินปริมาณเท่าไรดี
เราควรกินโพรไบโอติกก่อนมื้ออาหาร หรือระหว่างมื้ออาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลายโดยน้ำย่อยหรือยาบางชนิด เนื่องจากช่วงก่อนอาหาร กระเพาะจะมีความเป็นกรดต่ำ โอกาสที่โพรไบโอติกจะถูกทำลายจากน้ำย่อยจึงลดลง และควรกินโพรไบโอติกกับน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็น เพื่อช่วยดึงประสิทธิภาพโพรไบโอติกได้มากขึ้น
นอกจากนี้ก็ควรรับประทานโพรไบโอติกในปริมาณที่เหมาะสม คือ ประมาณ 10-20 พันล้านตัวต่อวัน หรืออย่างต่ำควรได้รับ 10,000 ล้าน CFU ต่อวัน โดยสามารถเช็กจำนวนโพรไบโอติกได้จากฉลากสินค้า เช่น ฉลากนมเปรี้ยว ฉลากโยเกิร์ต หรือฉลากอาหารเสริมโพรไบโอติกเลยค่ะ
โพรไบโอติกมีผลข้างเคียงไหม
โพรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย การรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกหรืออาหารเสริมโพรไบโอติกจึงค่อนข้างปลอดภัย แต่หากเพิ่งเริ่มเสริมโพรไบโอติกให้ร่างกายในช่วงแรก ๆ อาจมีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว ท้องอืด ได้บ้าง แต่พอเริ่มปรับตัวได้อาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เอง
โพรไบโอติก
ไม่เหมาะกับคนกลุ่มไหนบ้าง
แม้ว่าร่างกายมนุษย์จะมีโพรไบโอติกกันอยู่แล้ว ทว่าในบางคนก็ไม่ควรรับโพรไบโอติกเสริมจากที่มีอยู่นะคะ โดยเฉพาะคนในกลุ่ม ดังนี้
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรับยาเคมีบำบัด เป็นต้น
- ผู้ที่อยู่ในภาวะเจ็บป่วยวิกฤต
- ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดใด ๆ มา
วิธีเลือกซื้อโพรไบโอติก
1. เลือกจากวิธีรับประทาน เช่น แบบผงแป้ง หรือแบบเม็ด
- แบบผงแป้ง จะต้องนำไปชงกับน้ำแล้วดื่ม บางยี่ห้ออาจจะมีกลิ่นหรือรสชาติบางอย่างที่ไม่ถูกใจนัก แต่ก็เหมาะกับคนที่กลืนยาเม็ดไม่สะดวก
- แบบผงแป้งชนิดกรอกปาก สามารถรับประทานเปล่า ๆ ได้เลย ไม่ต้องละลายน้ำก่อน ค่อนข้างสะดวก แต่มีแค่เฉพาะบางยี่ห้อเท่านั้น
- แบบเจลลี่ เคี้ยวง่าย เหมาะกับคนที่ชอบกินขนมหรือกินจุบจิบ แต่โพรไบโอติกชนิดเจลลี่อาจยังมีไม่มากในบ้านเรา
- แบบเม็ดหรือแคปซูล มีทั้งแบบเคี้ยวและแบบกลืน รับประทานได้สะดวกกว่าแบบผงแป้ง แต่ขนาดบรรจุจะน้อยกว่า จึงอาจได้รับจุลินทรีย์จำนวนน้อยกว่า
2. เลือกตัวเชื้อจุลินทรีย์ที่เราต้องการมาเป็นส่วนประกอบ เช่น แล็กโทบาซิลลัส เหมาะสำหรับกระตุ้นระบบขับถ่าย ส่วนบิฟิโดแบคทีเรีย เหมาะสำหรับกระตุ้นภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน เป็นต้น
3. เลือกจากปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ โดยปริมาณเชื้อแบคทีเรียต่อซองไม่ควรต่ำกว่า 1,000 ล้าน CFU (Colony Forming Unit) โดยเฉพาะเชื้อกลุ่มที่ไม่มีเกราะหุ้มที่จะตายจากกรดในกระเพาะอาหารก่อนถึงลำไส้ เช่น แล็กโทบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรีย จึงต้องรับประทานในปริมาณสูงต่อวัน แต่ถ้าเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีเกราะหุ้มพิเศษ เช่น บาซิลลัส โคแอกกูแลน มีความหนาแน่นของเชื้อแบคทีเรีย 1,000-2,000 ล้าน CFU ก็เพียงพอ
4. ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีการเสริมใยอาหาร พรีไบโอติกหรืออาหารของแบคทีเรียโพรไบโอติกรวมอยู่ด้วยเสมอ หรือเรียกว่าซินไบโอติก (Synbiotic) ซึ่งจะช่วยให้โพรไบโอติกทำงานได้ดีขึ้น
5. ตรวจสอบข้อมูลบนกล่องของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดังนี้
- อ่านฉลากหลังกล่องว่ามีเลข อย. หรือไม่เพื่อความปลอดภัย
- มีการระบุชื่อสายพันธุ์โพรไบโอติกหรือไม่ เพื่อกันการแอบอ้างหรือโดนหลอก
- ระบุวิธีการใช้และวิธีเก็บรักษา
- ตรวจสอบวันหมดอายุ และบรรจุภัณฑ์ไม่มีรอยฉีกขาดหรือรอยรั่วเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก
โพรไบโอติกยี่ห้อไหนดี
1. Lacto-Fit Probiotic
โพรไบโอติกเกาหลีตัวดังในโซเชียล เพราะมีทั้งโพรไบโอติกชนิดแล็กโทบาซิลลัส 5 สายพันธุ์ มีจุลินทรีย์กว่า 1,000 ล้านตัว พร้อมด้วยพรีไบโอติก ที่เคลมว่าเป็นสูตรเฉพาะของแล็กโตฟิตเท่านั้น ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล โดยโพรไบโอติกยี่ห้อนี้เน้นในเรื่องขับถ่ายคล่องตัว ดูแลลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมกับช่วยดูแลผิวพรรณ
- รูปแบบ : โพรไบโอติกชนิดผง รับประทานได้ทันที ไม่ต้องชงกับน้ำ
- ขนาด : 1 กล่อง บรรจุ 10 ซอง
- วิธีรับประทาน : ฉีกซองรับประทานได้ทันที วันละ 3-4 ซอง
- ราคาปกติ : กล่องละ 129 บาท (บรรจุ 10 ซอง)
2. Probalance Probiotic Jelly
โพรไบโอติกญี่ปุ่นที่ดังพอ ๆ กับโพรไบโอติกเกาหลีตัวข้างบน โดยยี่ห้อนี้จะมีจุลินทรีย์ 10,000 ล้าน CFU ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็นโพรไบโอติกสายพันธุ์ Super Probiotic จากประเทศญี่ปุ่นที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง เน้นประโยชน์ในด้านช่วยดูแลการขับถ่าย ช่วยย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก อาการลำไส้แปรปรวน สร้างเสริมภูมิคุ้มกัน อ้อ ! ยี่ห้อนี้ก็ไม่ผสมน้ำตาลนะคะ
- รูปแบบ : โพรไบโอติกชนิดเจลลี่
- ขนาด : 1 กล่อง บรรจุ 20 ซอง
- วิธีรับประทาน : รับประทาน 1 ซอง หลังตื่นนอน ตอนท้องว่าง โดยสามารถฉีกซองรับประทานได้เลย
- ราคาปกติ : 889 บาท
3. นิวทริไลท์ โพรไบโอติก
โพรไบโอติกแอมเวย์ ที่เป็นแบรนด์อาหารเสริมในยุคแรก ๆ ของไทย ตัวนี้มีจุลินทรีย์ชนิดดีหลากชนิด ได้แก่ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส, แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส และแล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ เน้นปรับสมดุลร่างกายให้ลำไส้ทำงานปกติ แก้ปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วยในการขับถ่าย
- รูปแบบ : โพรไบโอติกชนิดผง เทผสมน้ำ
- ขนาด : 1 กล่อง (บรรจุ 30 ซอง)
- วิธีรับประทาน : เทโพรไบโอติก 1 ซอง ลงในน้ำอุณหภูมิห้องปริมาณ 150 มิลลิลิตร ชงให้เข้ากันแล้วดื่มภายใน 5 นาที
- ราคาปกติ : 1,815 บาท
4. Blackmores Probiotics+Daily Balance
แบลคมอร์ส โพรไบโอติก + เดลี่ บาลานซ์ แบรนด์อาหารเสริมอีกยี่ห้อที่คนไทยคุ้นเคยกันดี โดยโพรไบโอติกยี่ห้อนี้เป็นชนิดบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส, แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส และแล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ และอินูลิน นอกจากนี้ยังมีพรีไบโอติก ทั้งหมด 71.85 พันล้าน CFU ต่อกรัม เน้นในเรื่องช่วยฟื้นฟูและปรับสมดุลของระบบย่อยอาหาร กระตุ้นระบบขับถ่าย
- รูปแบบ : โพรไบโอติกชนิดแคปซูล
- ขนาด : 1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล
- วิธีรับประทาน : รับประทานพร้อมอาหาร วันละ 1 แคปซูล
- ราคาปกติ : 1,650 บาท
5. MeridLife TOTAL : flora Probiotic Mango
โพรไบโอติกยี่ห้อเมอริดไลฟ์ รสชาติมะม่วงเม็กซิโก กล่องสีเหลืองสูตรมาตรฐาน กล่องนี้จะมีโพรไบโอติก 20 พันล้านเซลล์ และแลคติกแอซิดแบคทีเรีย 22 พันล้านเซลล์ เน้นช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน และยังมีรีวิวที่ช่วยเรื่องผิวพรรณ กินแล้วความสิวความหน้ามันก็ลดลง แถมยังดังมาก ๆ ในประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นต้นทางของแบรนด์นี้ด้วย
- รูปแบบ : โพรไบโอติกชนิดผง รับประทานได้ทันที ไม่ต้องชงกับน้ำ
- ขนาด : 1 กล่อง บรรจุ 15 ซอง
- วิธีรับประทาน : รับประทานได้ทันทีก่อนอาหารเช้า และควรดื่มน้ำตามมาก ๆ
- ราคาปกติ : 885 บาท
6. MEDIRA Probiotic+
โพรไบโอติกยี่ห้อเมดิร่า โพรไบโอติกพลัส เป็นอาหารเสริมที่รวมโพรไบโอติกและพรีไบโอติกไว้ในเม็ดเดียว เหมาะกับคนที่ต้องการโพรไบโอติกสายสตรอง เพราะประกอบด้วยโพรไบโอติกบาซิลลัส โคแอกกูแลน จุลินทรีย์ดีสายสตรอง 500 ล้านตัว/เม็ด และพรีไบโอติกอินนูลิน 556 มิลลิกรัม/เม็ด ซึ่งจัดเป็นโพรไบโอติกที่มีความแข็งแกร่งในตัวเอง ทนต่ออุณหภูมิ และทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร ใครที่ธาตุหนัก ขับถ่ายไม่คล่อง หรือมีอาการลำไส้แปรปรวนก็ลองเสริมโพรไบโอติกชนิดนี้เข้าไปได้
- รูปแบบ : โพรไบโอติกชนิดเม็ด สำหรับเคี้ยว (รสชาติโยเกิร์ต)
- ขนาด : 1 หลอด บรรจุ 15 เม็ด
- วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1-2 เม็ด โดยเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
- ราคาปกติ : 210 บาท
7. Bomi Probiotics
โพรไบโอติกเกาหลีอีกยี่ห้อที่กำลังมาแรงมาก ๆ มาในรูปแบบเทคโนโลยีเคลือบแบคทีเรีย 4 ชั้น เพื่อป้องกันแบคทีเรียถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะอาหาร โดยแบรนด์นี้เขามีโพรไบโอติก 16,000 ล้านตัว 8 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีพรีไบโอติก Zinc และวิตามินซีแถมมาด้วย เน้นช่วยทั้งเรื่องการขับถ่าย การปรับสมดุลลำไส้ ต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกันและดูแลผิวพรรณ
- รูปแบบ : โพรไบโอติกชนิดผง รับประทานได้ทันที ไม่ต้องชงกับน้ำ
- ขนาด : 1 กล่อง บรรจุ 14 ซอง
- วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1 ซอง หลังอาหาร
- ราคาปกติ : 790 บาท
8. California Gold Nutrition, LactoBif 30 Probiotics
โพรไบโอติกจากสหรัฐอเมริกาตัวนี้มีแล็กโทบาซิลลัส 5 สายพันธุ์และบิฟิโดแบคทีเรียม 3 สายพันธุ์ รวมโพรไบโอติก 30 พันล้านตัว บรรจุมาในแคปซูลผักที่ไม่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากนมวัว กลูเตน สิ่งมีชีวิตที่ดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) ถั่วเหลือง จึงเป็นโพรไบโอติกที่คนกินมังสวิรัติและวีแกนสามารถรับประทานได้
- รูปแบบ : โพรไบโอติกชนิดเม็ด
- ขนาด : 1 กล่อง บรรจุ 60 แคปซูล
- วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1 แคปซูล ก่อนหรือพร้อมอาหาร
- ราคาประมาณ : 459 บาท
บทความที่เกี่ยวข้องกับโพรไบโอติก
★ โพรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ปี 2022 เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยคนท้องผูกให้ถ่ายคล่องขึ้น
★ กินโพรไบโอติกดีไหม ไขข้อสงสัยในมุมแพทย์เฉพาะทางโรคทางเดินอาหารและตับ
★ 10 อาหารที่มีโพรไบโอติก ช่วยปรับสมดุลลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกัน กินอะไรดี