
แปรงสีฟันไฟฟ้า อีกหนึ่งไอเทมดูแลสุขภาพช่องปากและฟันที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะช่วยทำความสะอาดฟันได้อย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องออกแรงแปรงมากนัก แต่เนื่องจากในท้องตลาดมีแปรงสีฟันไฟฟ้าให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา แล้วเราควรจะเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้าแบบไหนดี วันนี้ชวนทุกคนมาอ่านรีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้า พร้อมคำแนะนำในการเลือกซื้อแปรงไฟฟ้ายี่ห้อไหนดีมาให้พิจารณากัน
แปรงสีฟันไฟฟ้า
ต่างกับแปรงสีฟันทั่วไปอย่างไร

แปรงสีฟันไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ทั้งแบบใส่ถ่านและชาร์จไฟ เพื่อให้เกิดแรงสั่นจากหัวแปรงไปขจัดคราบพลัค หินปูน และแบคทีเรีย ออกจากฟัน ผู้ใช้เพียงแค่ถือแปรงให้ได้องศาหรือหมุนข้อมือเพียงเล็กน้อยให้ตรงจุดที่ต้องการแปรง ทำให้ไม่เมื่อยหรือปวดข้อมือเหมือนแปรงสีฟันธรรมดา และยังสามารถซอกซอนในจุดที่เข้าไม่ถึง จึงทำความสะอาดได้ดีกว่า
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ เช่น ปรับโหมดการสั่นสะเทือนเพื่อกำจัดคราบพลัค คราบหินปูน โหมดฟันขาว โหมดอ่อนโยนที่เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน อีกทั้งบางรุ่นสามารถตั้งเวลาการแปรงฟันได้ 2 นาที และสั่นเตือนทุก 30 วินาที ช่วยให้แปรงฟันในระยะเวลาที่เหมาะสม
แปรงสีฟันไฟฟ้า ดียังไง

- ช่วยให้แปรงฟันได้ทั่วถึงทุกมุมของช่องปาก เพราะหัวแปรงมีขนาดเล็กและมีหลากหลายรูปทรง จึงเข้าถึงบริเวณที่แปรงสีฟันธรรมดาเข้าถึงยาก เช่น ซอกฟัน ฟันกรามด้านใน นอกจากนี้ บางรุ่นยังมีระบบแจ้งเตือนด้วยว่าทำความสะอาดบริเวณนั้นเพียงพอหรือยัง
- ช่วยทำความสะอาดฟันได้ตามเวลามาตรฐานที่ทันตแพทย์แนะนำคือ 2 นาที จากเวลาที่ตั้งไว้ และบางรุ่นมีระบบเตือนให้เปลี่ยนตำแหน่งการแปรงทุก ๆ 30 วินาที เพื่อให้แน่ใจว่าแปรงฟันได้ทั่วถึงทุกส่วนของช่องปากและเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม
- มีระบบการสั่นหรือหมุนด้วยความเร็วสูง จึงมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบพลัค หินปูน และแบคทีเรีย ตามซี่ฟันได้ดีกว่าการแปรงฟันด้วยมือเปล่า ลดความเสี่ยงโรคเหงือกและฟันผุ
- ไม่ต้องออกแรงข้อมือในการแปรงฟันเยอะเกินไป เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาการออกแรงแขนหรือข้อมือเพื่อขยับแปรงสีฟัน
- มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพเหงือก เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนของแปรงจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณเหงือก อีกทั้งอ่อนโยนต่อเหงือกเมื่อเทียบกับการใช้แปรงสีฟันทั่วไปที่ต้องออกแรงแปรงเอง ซึ่งมีโอกาสทำให้เหงือกบาดเจ็บได้มากกว่า
- มีหลายโหมดให้เลือกใช้ เช่น โหมดทำความสะอาดทั่วไป โหมดอ่อนโยนต่อเหงือก โหมดฟันขาว เป็นต้น เหมาะกับความต้องการใช้งานที่หลากหลาย
- สามารถเปลี่ยนหัวแปรงให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน หรือเปลี่ยนเมื่อหัวแปรงเสื่อมสภาพ ซึ่งโดยปกติควรเปลี่ยนทุก ๆ 3 เดือน ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ
- เหมาะกับคนจัดฟันที่ต้องการทำความสะอาดฟันอย่างทั่วถึง
แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ปี 2025
1. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B iO Series 3

ภาพจาก : P&G Official
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B iO Series 3 (ออรัล-บี ไอโอ ซีรีส์ 3) สีไอซ์บลู สวยแบบคูล ๆ เป็นแบรนด์แรกที่ต้องบอกต่อเลยค่ะ รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจาก Oral-B ด้วยหัวแปรงทรงกลม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oral-B ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทันตแพทย์ โดยหัวแปรงทำงานแบบ 3D ผสานกับเทคโนโลยี Micro Pulsations ซึ่งเป็นการสั่นด้วยความถี่ต่ำที่นุ่มนวลต่อช่องปาก ช่วยทำความสะอาดฟันและเหงือกได้ทั่วถึงอย่างอ่อนโยน สามารถขจัดคราบพลัคได้มากถึง 99.9% เมื่อเทียบกับการใช้แปรงสีฟันธรรมดา และช่วยขจัดแบคทีเรีย นอกจากนี้ ขนแปรงยังเป็นแบบ SOFT & SLIM อ่อนนุ่ม อัดแน่นมากถึง 4,000 เส้น เรียงโค้งตามแนวฟันให้เข้ากับรูปฟันในแต่ละซี่
มาดูฟีเจอร์เด่น ๆ กันบ้าง รุ่นนี้มี 3 โหมดการแปรงอัจฉริยะให้เลือกใช้ ทั้งเดลี่คลีน (Daily Clean) สำหรับการทำความสะอาดทั่วไป, อ่อนโยน (Sensitive) สำหรับเหงือกและฟันที่บอบบาง และไวท์เทนนิ่ง (Whitening) เหมาะกับการขัดคราบบนผิวฟัน ส่วนใครที่กังวลว่าจะเผลอกดแปรงแรงหรือเบาเกินไปจนแปรงไม่สะอาดก็หายห่วงได้เลย เพราะเขามีเซนเซอร์วัดแรงกดอัจฉริยะ ที่จะแสดงสถานะเป็นไฟสีต่าง ๆ คอยแนะนำให้ลงน้ำหนักการแปรงได้อย่างพอดี ช่วยปกป้องเหงือกได้ดีกว่าเดิม พร้อมกับมีระบบจับเวลาที่จะสั่นเตือนทุก ๆ 30 วินาที เพื่อแบ่งการทำความสะอาดช่องปากออกเป็น 4 ส่วน และเมื่อแปรงครบ 2 นาทีตามคำแนะนำของทันตแพทย์ วงแหวนไฟรอบด้ามแปรงจะแสดงไฟกะพริบสีต่าง ๆ แจ้งเตือนให้รู้ด้วย ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่า เราสามารถแปรงฟันได้สะอาดและถูกสุขลักษณะอย่างแน่นอน
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B iO Series 3 มาพร้อมกับหัวแปรง Clean & Gum Protect (คลีน แอนด์ กัมโปรเทค) และมีแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานเมื่อชาร์จเต็ม กันน้ำ ฟังก์ชันจำเป็นครบ พกพาออกไปใช้นอกบ้านได้สะดวก ทั้งนี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพช่องปาก แนะนำให้เปลี่ยนหัวแปรง Oral-B iO ทุก ๆ 3 เดือนนะคะ โดยระบบเตือนจะแสดงไฟ LED สีเหลือง บอกให้รู้เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนหัวแปรงแล้วนะ
2. แปรงสีฟันไฟฟ้า Sparkle Sonic Triple Active

ภาพจาก : sparklethailand.com
แปรงสีฟัน สปาร์คเคิล รุ่นทริปเปิล แอคทีฟ ใช้ระบบโซนิค สั่นด้วยคลื่นความถี่เสียง 40,000 รอบต่อนาที ปรับได้ 3 โหมดการทำงาน คือ โหมด White ดูแลฟันขาวเป็นเงา โหมด Sensitive ดูแลอย่างอ่อนโยน และโหมด Gum Care นวดดูแลเหงือก สามารถเปลี่ยนหัวแปรงได้ไม่ยาก
ส่วนขนแปรงก็ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้มีความนุ่มและซอกซอนร่องฟันได้อย่างทั่วถึง ด้ามจับกันน้ำได้ที่ระดับ IPX7 ทนทานต่อระดับน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที นอกจากนี้ ยังมีระบบแจ้งเตือนทุก 30 วินาที เพื่อเปลี่ยนบริเวณแปรงฟัน รุ่นนี้ต้องใช้คู่กับแท่นชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งมีอายุการใช้งาน 5 ปี รับประกันนาน 2 ปี
-
ราคาปกติ : 2,990 บาท
3. แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare 1100 Series

ภาพจาก : philips.co.th
ต่อกันที่แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีคลื่นโซนิค มีระดับการสั่น 31,000 ครั้งต่อนาที ช่วยให้ทำความสะอาดซอกฟันและร่องเหงือกได้อย่างทั่วถึง ด้ามจับรูปทรงเพรียวบาง น้ำหนักเบา ถือถนัดมือ มีโหมด Easy-Start เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มใช้งาน ซึ่งจะค่อย ๆ เพิ่มพลังในการใช้แปรงไปเรื่อย ๆ ใน 14 ครั้งแรก ตัวเครื่องสามารถกำหนดเวลา 2 นาทีได้ตามมาตรฐาน แบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มจะใช้งานได้ 14 วัน
-
ราคาปกติ : 1,590 บาท
4. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B BRAUN รุ่น Pro 500

ภาพจาก : P&G Official
แปรงสีฟันไฟฟ้า ออรัลบี อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจก็คือ Oral-B BRAUN รุ่น Pro 500 เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยี 3D หัวแปรงหมุนซ้าย-ขวาและขยับขึ้น-ลงได้ในเวลาเดียวกัน ความถี่หัวแปรง 20,000 ครั้งต่อนาที ส่วนขนแปรงเป็นแบบไขว้ทำมุม 16 องศา เพื่อการทำความสะอาดซอกฟันและร่องเหงือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนหัวแปรงได้และใช้หัวแปรงรุ่นใดของออรัลบีก็ได้ รุ่นนี้มีเพียงโหมดเดียว คือช่วยจับเวลาในการแปรงฟัน 2 นาที ทำให้แปรงฟันได้ตามเวลาที่ทันตแพทย์แนะนำ หลังจากชาร์จแบตเตอรี่เต็มจะใช้งานได้นาน 7 วัน
-
ราคาปกติ : 1,890 บาท
5. แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต 360 โซนิค อ๊อพติค ไวท์

ภาพจาก : colgate.com
สำหรับคนงบน้อย แต่อยากทดลองใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ลองพิจารณาแปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต ที่ราคาไม่สูงมาก รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีโซนิค ความถี่หัวแปรง 24,000 รอบต่อนาที ทำความสะอาดได้รอบทิศทาง 360 องศา และมีระบบจับเวลา 2 นาที เพื่อระยะเวลาการแปรงที่เหมาะสม ด้ามแปรงดีไซน์บางจับถนัดมือ หัวแปรงถอดเปลี่ยนได้ โดยสามารถใช้ได้กับหัวแปรงไฟฟ้าคอลเกต 360 โซนิคทุกรุ่นเลย ขนแปรงเป็นแบบตัดตรงพร้อมยางทรงกลมช่วยขจัดคราบบนผิวฟัน ส่วนแบตเตอรี่ใช้เป็นแบบถ่านอัลคาไลน์ AAA ที่หาซื้อได้ไม่ยาก
-
ราคาปกติ : 495 บาท
6. แปรงสีฟันไฟฟ้า SYSTEMA SONIC

ภาพจาก : lionshoponline.com
แปรงสีฟันไฟฟ้า ซิสเท็มมา โซนิค ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีราคาหลักร้อย รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีสั่นเงียบ หรือโซนิค เวฟ (Sonic Wave) จากญี่ปุ่น มีแรงสั่นสะเทือน 9,000 รอบต่อนาที เน้นการขจัดคราบพลัคอย่างอ่อนโยน ขนแปรงปลายเรียวแหลมและอ่อนนุ่ม (Soft Slim) ด้ามแปรงผลิตจากวัสดุโพลิอะซีทัล (Polyacetal) มีน้ำหนักเบา คอแปรงเรียวยาว ด้ามจับถนัดมือ สามารถถอดเปลี่ยนหัวแปรงได้ ตัวหัวแปรงเป็นแบบสั่น ส่วนแบตเตอรี่ใช้เป็นแบบถ่านอัลคาไลน์ AAA สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย
-
ราคาปกติ : 650 บาท
7. แปรงสีฟันไฟฟ้า Xiaomi Oscillation Electric Toothbrush

ภาพจาก : mi.com
มาที่แปรงสีฟันไฟฟ้าจากแบรนด์เสียวหมี่กันบ้าง จุดเด่นอยู่ที่การใช้เทคโนโลยีมอเตอร์โซนิคสำหรับการหมุน ช่วยให้หัวแปรงมีมุมการหมุนเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า จึงสามารถซอกซอนเข้าตามจุดบอดบนฟันกรามได้อย่างแม่นยำ และมีไฟเตือนคอยบอกสถานะการแปรงฟันว่าบริเวณนั้นสะอาดเพียงพอแล้วหรือยัง ทำให้ทำความสะอาดฟันได้อย่างทั่วถึง หัวแปรงออกแบบมาให้ดูดซับแรงกระแทกได้ดี แปรงสบาย ไม่กระแทกฟัน รุ่นนี้ปรับได้ 3 โหมด คือ โหมดมาตรฐาน โหมดอ่อนโยน และโหมดสั่นทำความสะอาดแบบล้ำลึก แบตเตอรี่ชาร์จ 1 ครั้ง ใช้ได้ยาว ๆ 100-180 วัน (ขึ้นอยู่กับโหมดที่ใช้)
-
ราคาปกติ : 659 บาท
วิธีเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า

- เลือกซื้อตามงบประมาณ เช่น ถ้างบประมาณจำกัดอาจเลือกราคาหลักร้อย แต่ฟังก์ชันที่ช่วยให้การแปรงฟันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นก็จะมีไม่มากเท่าแปรงสีฟันไฟฟ้าราคาหลักพันขึ้นไป
- เลือกหัวแปรงที่มีขนาดเหมาะกับช่องปาก เพื่อเข้าถึงซอกฟันและฟันกรามด้านในได้ง่ายกว่า และพิจารณาจากการทำงานของหัวแปรงซึ่งมีอยู่หลายแบบ คือ
- หัวแปรงแบบ 2D : หัวแปรงจะหมุนเป็นวงกลม ราคาไม่สูงมาก เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า
- หัวแปรงแบบ 3D : หัวแปรงจะปัดขึ้น-ลง หรือซ้าย-ขวา พร้อมกับหมุนไปด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขัดฟัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะอาดล้ำลึก หรือมีปัญหาคราบพลัคสะสมมาก
- หัวแปรงแบบโซนิค : เป็นหัวแปรงที่ใช้พลังคลื่นเสียงในการสั่นสะเทือน ทำให้เกิดการขยับ 20,000 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป จนเกิดฟองอากาศขนาดเล็กที่ซอกซอนเข้าไปทำความสะอาดได้ลึกถึงซอกฟันและแนวเหงือก เหมาะกับผู้ที่มีเหงือกบอบบางหรือมีปัญหาเหงือกร่น คนจัดฟัน หรือผู้ที่ต้องการการทำความสะอาดที่ครอบคลุมถึงบริเวณที่แปรงเข้าถึงยาก
- หัวแปรงแบบอัลตราโซนิค : ใช้พลังคลื่นเสียงความถี่สูงมากในการสั่นสะเทือนที่มากกว่าแบบโซนิค ช่วยให้การทำความสะอาดล้ำลึก แต่มีราคาสูงมาก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาโรคเหงือกและฟันขั้นรุนแรง
- เลือกขนแปรงนุ่มและอ่อนโยน โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเหงือกหรือมีอาการเสียวฟัน
- เลือกรุ่นที่ปรับโหมดได้เหมาะกับสุขภาพฟัน เช่น คนเหงือกร่น คนมีปัญหาเสียวฟัน ควรเลือกแปรงสีฟันที่มีโหมดดูแลเหงือก หรือคนฟันเหลืองมีคราบฟันเยอะก็ควรเลือกโหมดฟันขาว รวมทั้งปรับระดับการสั่นสะเทือนได้
- เลือกแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีระบบช่วยให้แปรงฟันอย่างถูกต้อง เช่น การตั้งเวลาแปรงฟัน 2 นาที มีระบบแจ้งเตือนทุก ๆ 30 วินาที หรือมีระบบตรวจจับเซ็นเซอร์หากกดแรงจนเกินไป
- เลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้าจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ได้รับรองตามมาตรฐาน
- เลือกซื้อตามความสะดวกต่อการใช้งาน เช่น เลือกรุ่นที่ใช้ถ่านถ้าต้องการพกพาไปนอกบ้าน หรือเลือกรุ่นที่ชาร์จไฟถ้าส่วนใหญ่ใช้ภายในบ้าน รวมทั้งพิจารณาอายุการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้งด้วย
- เลือกซื้อแปรงที่มีด้ามจับถนัดมือ ขนาดไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ทำจากวัสดุคุณภาพ ไม่เปราะหรือแตกง่าย มีวัสดุที่กันลื่น เพื่อให้จับได้มั่นคงขณะแปรงฟัน น้ำหนักไม่มากจนเกินไป
- พิจารณาค่าใช้จ่ายหัวแปรงสำรองด้วย เพราะเราต้องเปลี่ยนหัวแปรงทุก ๆ 3-6 เดือน
วิธีใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าที่ถูกต้อง

-
ควรถือแปรงทำมุม 45 องศาตามแนวฟัน และเริ่มแปรงจากฟันด้านนอกก่อน ขยับไปทีละซี่จนถึงฟันกราม และแปรงจากด้านหลังฟันกรามวนไปด้านใน ส่วนด้านในก็ขยับไปทีละซี่และแปรงจนถึงฟันกรามในสุด ปัดขนแปรงขึ้น-ลงสำหรับฟันด้านบน รวมถึงแปรงลิ้นด้วย
-
ไม่ควรออกแรงกดแปรงสีฟันมากไป เพียงแค่วางให้สัมผัสลงบนฟันและเหงือกเพื่อถนอมเหงือกและฟัน
-
ควรแปรงฟันให้ถูกหลักจนครบ 2 นาที ตามมาตรฐาน
-
ล้างทำความสะอาดหัวแปรงทุกครั้งหลังการใช้งาน
-
ทุกครั้งหลังการใช้งานให้ใช้ผ้าที่อ่อนนุ่มเช็ดด้ามจับแปรงสีฟันไฟฟ้าให้แห้ง
-
เก็บเครื่องชาร์จให้ห่างจากน้ำหรือของเหลวอื่น ๆ และไม่ควรจุ่มด้ามจับหรือแท่นชาร์จลงไปในน้ำ
-
ถ้าไม่ใช้เครื่องเป็นเวลานานให้ถอดปลั๊กและสายชาร์จออก และเก็บไว้ในที่แห้ง
ข้อเสียและข้อจำกัด
ของแปรงสีฟันไฟฟ้า
- อาจเกิดปัญหาเหงือกร่น เคลือบฟันสึกได้ ถ้าออกแรงกดมากเกินไปในขณะแปรงฟัน
- ราคาเริ่มต้นสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดามาก
- ต้องเปลี่ยนหัวแปรงทุก 3-6 เดือน และในบางยี่ห้อจำเป็นต้องซื้อรุ่นเดียวกัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหัวแปรงตลอดอายุการใช้งานของตัวเครื่อง
- มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากกว่าแปรงสีฟันธรรมดา
- การทำงานของเครื่องต้องใช้แบตเตอรี่หรือต้องคอยชาร์จไฟ ซึ่งอาจไม่สะดวกในบางสถานที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟหรือมีข้อจำกัดด้านไฟฟ้า
- ถ้าใช้เป็นรุ่นมีสายชาร์จหรือแท่นชาร์จอาจไม่สะดวกต่อการพกพา
- หากตัวเครื่องมีปัญหา หรือแบตเตอรี่เสื่อม อาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มเข้ามาด้วย
- ต้องระมัดระวังในการหยิบจับ เพราะหากตกหล่นอาจแตกหักเสียหายได้
บทความที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพปากและฟัน
- ยาสีฟันสำหรับคนจัดฟัน ยี่ห้อไหนดี ช่วยดับกลิ่นปาก ดูแลให้ฟันขาวสะอาดอย่างทั่วถึง
- จุ่มแปรงสีฟันในน้ำก่อนป้ายยาสีฟัน ใช่วิธีแปรงฟันที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า ?
- 7 วิธีแปรงฟันง่าย ๆ ให้ยังเหลือฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุอย่างเต็มที่ ในไม่กี่ขั้นตอน
- ส่องยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ 1,500 ppm ยี่ห้อไหนน่าใช้ ป้องกันฟันผุได้
- 5 เคล็ดลับดับกลิ่นปากแบบด่วนจี๋ ด้วยของดีจากธรรมชาติ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : P&G Official Shop (1), (2), lionshoponline.com, colgate.com, Sparkle Official Shop, mi.com, philips.co.th