มารู้จักยาคุมฉุกเฉินกันก่อน เดิมเรียกว่า "ยาคุมกำเนิดหลังเพศสัมพันธ์" แต่ต่อมาเพื่อความเข้าใจและการใช้ที่ถูกต้องจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน" ซึ่งจริง ๆ แล้ว หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า "ยาคุมฉุกเฉิน" แท้จริงแล้วไม่ใช่ยา แต่เป็นฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งสูงกว่ายาคุมกำเนิดโดยทั่วไปถึง 2 เท่า และมี 2 ชนิดคือ
1. ยาคุมฉุกเฉินที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว
มีชื่อทางการค้าว่า โพสตินอร์ จะมีส่วนประกอบหลักเพียงอย่างเดียว คือ ลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ขนาดเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม โดยลีโวนอร์เจสเตรลนี้จัดเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์กลุ่มเดียวกับฮอร์โมนโปรเจสโตเจน (Progestogen) มีฤทธิ์ในการยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาขึ้นและยากต่อการฝังตัวของไข่ นอกจากนี้ ยังทำให้บริเวณปากมดลูกมีสารคัดหลั่งที่มีลักษณะเหนียวข้นออกมา จึงทำให้ตัวอสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้บ่อยคือ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน คัดเต้านม และระดูมาผิดปกติ โดยอาจมาเร็วขึ้นหรือช้าก็ได้ บางครั้งอาจพบเลือดออกกะปริบกะปรอย ดังนั้น ถ้าขาดระดูหรือระดูมากะปริบกะปรอยหลังใช้ยานี้ จำเป็นจะต้องตรวจให้ทราบว่าเป็นการตั้งครรภ์หรือเป็นผลของยา ในกรณีที่ป้องกันไม่ได้ ยังมีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูกสูงกว่าปกติอีกด้วย
2. ยาคุมฉุกเฉินแบบฮอร์โมนรวม
หรือที่เรียกว่า Yuzpe regimen เป็นการใช้ฮอร์โมน Ethinyl estradiol 0.1 มิลลิกรัม และ Levonorgestrel ขนาด 0.5 มิลลิกรัม โดยยาจะไปขัดขวางการปฏิสนธิของสเปิร์มและไข่ ยับยั้งการตกไข่ หรืออาจมีผลต่อการทำงานของคอร์ปัสลูเทียมก็ได้ ทั้งนี้ วิธีนี้เป็นที่นิยมในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป แต่มีข้อเสียคือ มีผลข้างเคียงมากกว่าแบบแรก
กินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด หรือ 2 เม็ด กินตอนไหนถูกวิธี
ตามคำแนะนำบอกไว้ว่า การรับประทานยาคุมฉุกเฉินต้องกิน 2 ครั้ง โดยเม็ดแรกต้องกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นอีก 12 ชั่วโมงจึงรับประทานยาเม็ดที่ 2 แต่ถ้าหลังจากกินยาเข้าไปแล้วไม่ว่าครั้งแรกหรือครั้งหลังแล้วเกิดการอาเจียนภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง จะต้องกินยานั้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ วิธีการรับประทานยาข้างต้นก็เป็นวิธีการที่ถูกต้องค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว ทางกรมอนามัย ยังได้แนะนำวิธีการกินยาคุมฉุกเฉินอีกหนึ่งวิธีซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้กัน ก็คือ ให้รับประทานทั้ง 2 เม็ดพร้อมกันใน 5 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์ได้เลย ซึ่งวิธีดังกล่าวได้รับการยอมรับในหลายประเทศ รวมทั้งองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ว่าใช้ได้ผล และเป็นการป้องกันการลืมกินยาเม็ดที่ 2 ได้ดี แต่ในประเทศไทยยังรับรู้เรื่องนี้น้อยมาก
ยาคุมฉุกเฉิน มีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาคุมแบบปกติไหม
ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินย่อมไม่เทียบเท่ายาคุมกำเนิดปกติแน่นอน สำหรับยาคุมฉุกเฉินนั้นมีประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ราว 58-95% ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้ที่ถูกวิธีและระยะเวลาที่เริ่มใช้ด้วย แต่ยังไม่พบว่า การกินยามากกว่าขนาดที่กำหนดจะทำให้ประโยชน์มากขึ้นหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือจะมีผลข้างเคียงมากขึ้น
ทั้งนี้ หากคุณรับประทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์แล้วตามด้วยยาเม็ดที่สอง
จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ 75%
แต่หากรับประทานยาเม็ดแรกเข้าไปไม่เกิน 24 ชั่วโมง
ประสิทธิภาพในการป้องกันก็จะเพิ่มขึ้นอีกถึง 10%
ดังนั้นหากต้องการผลที่ชัดเจนและแน่นอนที่สุด
ก็ควรจะรีบทานยาเม็ดแรกให้เร็วที่สุดนั่นเอง
ยาคุมฉุกเฉิน ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง
แน่นอนว่า
การใช้ยาคุมฉุกเฉินย่อมสร้างปัญหาบางอย่างให้กับคุณผู้หญิงแน่นอน เบาะ ๆ
ก็คือ จะทำให้ประจำเดือนผิดปกติ มาช้า หรือมาแบบกะปริบกะปรอย
และอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน แต่หากใช้บ่อยและต่อเนื่อง
ก็มีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูกได้เลยทีเดียว
นอกจากนั้นแล้ว ข้อมูลจากแพทย์ระบุว่า ในชีวิตไม่ควรจะใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกิน 2 ครั้ง
เพราะจะมีผลกับร่างกายของผู้หญิง เช่น กระตุ้นเซลล์มะเร็ง
หรือกระทบต่อรังไข่ มดลูก และร่างกายทั่วไป ซึ่งจะส่งผลทั้งในระยะสั้น
และระยะยาว
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
สำหรับในประเทศไทย การใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากมีความสะดวกในการซื้อการพกพา
วิธีการกินไม่ยุ่งยากเหมือนยาคุมกำเนิดทั่วไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
แพทย์ก็ได้เตือนสาว ๆ ที่มักนิยมใช้ยาคุมฉุกเฉินว่า
ยาดังกล่าวจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันโรคเอดส์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไวรัสตับอักเสบบี ฯลฯ ได้อย่างที่เข้าใจกัน
สำหรับคนที่เข้าใจว่ายาคุมฉุกเฉินทำให้แท้งได้
ข้อนี้ก็เป็นความเชื่อที่ผิดเช่นกัน เพราะจริง ๆ
แล้วยาคุมฉุกเฉินเพียงแค่ป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น
แต่จะต้องรับยาเข้าไปก่อนที่ไข่จะฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก
ดังนั้นความเข้าใจที่ว่ายาคุมฉุกเฉินเป็นยาทำแท้งนั้นเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
นอกจากนั้นแล้ว ที่น่าเป็นห่วงก็คือ
มีข้อมูลที่ระบุว่า ในประเทศไทยมีคนใช้ยาคุมฉุกเฉินราว ๆ ปีละ 8 ล้านแผง
ขณะที่บางคนรับประทานยาคุมฉุกเฉินถึง 20 แผงต่อเดือน โดยคิดว่า
ยาคุมฉุกเฉินสามารถรับประทานได้เรื่อย ๆ เหมือนกับยาคุมกำเนิดแบบปกติ
แต่หากกินมากขนาดนั้น อันตรายถามหาแน่นอน
ก็ฝากเตือนไปยังคุณสาว ๆ ทั้งหลาย
โดยเฉพาะวัยรุ่นสมัยนี้ที่มักมีค่านิยมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ
หากคิดจะป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
แนะนำให้ใช้การป้องกันด้วยวิธีอื่นน่าจะดีกว่าค่ะ
หรือหากจำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน ก็ไม่ควรรับประทานมากเกินไป
และต้องเข้าใจถึงเรื่องผลข้างเคียงที่อาจจะตามมาด้วยค่ะ
หรือถ้าใครยังมีคำถามที่สงสัย ลองเข้าไปอ่านเรื่องตามด้านล่างนี้ เพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
- ยาคุมฉุกเฉิน ก่อนคิดจะกิน รู้ 11 เรื่องนี้ครบหรือยัง ?!
- ยาคุมฉุกเฉินกินพร้อมกัน 2 เม็ด ป้องกันท้องไม่พร้อมได้ !