วิธีกินคอลลาเจนผงให้ได้ผลดี ต้องรู้ทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ร่างกายได้คอลลาเจนไปเติมเต็ม รีบมาเช็กเลยว่าเรากินคอลลาเจนตามวิธีนี้อยู่หรือเปล่า
คอลลาเจนแบบผง เป็นอาหารเสริมรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นฟอร์มที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้เร็ว และก็เชื่อกันว่าประโยชน์ของคอลลาเจนนั้นมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอวัย และช่วยเสริมสารน้ำในข้อต่อให้อาการปวดเข่าทุเลาลง รวมไปถึงชะลอความเสื่อมของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย แต่หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วจะกินคอลลาเจนแบบผงยังไงให้ได้ผลดีที่สุด ว่าแล้วก็มาเช็กให้ชัวร์ พร้อมทวนประโยชน์ของคอลลาเจนกันอีกที
คอลลาเจน ช่วยเรื่องอะไร
ประโยชน์ดียังไงบ้าง
ประโยชน์ของคอลลาเจน ช่วยได้ทั้งเรื่องผิวพรรณและสุขภาพด้านอื่น ๆ ของร่างกาย ดังนี้
- คอลลาเจนช่วยให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน
- ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก ผิวดูกระชับและเต่งตึง
- ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- บำรุงเส้นผมและเล็บ ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เล็บไม่เปราะ
- กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ สร้างเนื้อเยื่อมาปกป้องอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยในการสมานแผล
- ดีต่อข้อต่อ ช่วยลดอาการปวดข้อและข้อเสื่อม
- มีส่วนช่วยเสริมความหนาแน่นของมวลกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน
- มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด ลดความเสี่ยงหลอดเลือดเปราะ-แตกง่ายจากการขาดคอลลาเจน
วิธีกินคอลลาเจนแบบผงให้ได้ผลดี
ถ้าอยากให้คอลลาเจนแบบผงที่เรากินเข้าไปเกิดประสิทธิภาพต่อร่างกายได้อย่างเต็มที่ ก็ลองกินคอลลาเจนผงตามวิธีต่อไปนี้ได้เลย
1. เลือกคอลลาเจนชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ดี
คอลลาเจนแบบผงมีหลายชนิดในท้องตลาด เช่น คอลลาเจนเปปไทด์ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ และคอลลาเจนไดเปปไทด์ ซึ่งหากเลือกรับประทานคอลลาเจนไดเปปไทด์ที่มีอนุภาคเล็กกว่า ร่างกายจะดูดซึมได้ง่ายกว่าตัวอื่น ไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในกระเพาะอาหารก่อนจะดูดซึม แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย
2. เลือกประเภทคอลลาเจนให้ตรงกับความต้องการ
เราต้องการให้คอลลาเจนช่วยดูแลเรื่องไหนเป็นพิเศษก็ควรเลือกชนิดที่ตรงกับวัตถุประสงค์ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า เช่น
- เน้นดูแลผิวพรรณ เลือกได้ทั้งคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง และอาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ดีต่อผิวพรรณ เช่น วิตามินซี วิตามินอี เซราไมด์ เสริมมาด้วย
- เน้นดูแลข้อเข่า กระดูก ควรเลือกอาหารเสริมที่ระบุว่า เป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 หรือที่เรียกว่า คอลลาเจนไทป์ทู หรือ ยูซี-ทู (UC-II) เพราะเป็นชนิดที่พบมากในกระดูกอ่อน มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและชะลอการเสื่อมของข้อเข่า
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดูดซึมคอลลาเจนจำเป็นต้องอาศัยสารละลายอย่างน้ำเปล่า ดังนั้น หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอก็จะดูดซึมคอลลาเจนได้ไม่เต็มที่ รับประโยชน์ของคอลลาเจนได้ไม่สุด
4. กินคอลลาเจนพร้อมวิตามินซี
วิตามินซีจะช่วยสังเคราะห์คอลลาเจนให้ถูกดูดซึมได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของคอลลาเจนได้อีกทาง เพราะวิตามินซีช่วยป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลายคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนอยู่ได้นานขึ้น ดังนั้น ควรกินคอลลาเจนพร้อมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้ ผักใบเขียว หรือเลือกคอลลาเจนที่มีวิตามินซีผสมอยู่ในตัวเลยก็ได้
5. กินคอลลาเจนตอนท้องว่าง
เพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด เราควรกินคอลลาเจนตอนที่ท้องว่าง อาจจะเป็นช่วงเช้าหลังตื่นนอน หรือก่อนอาหารเช้า 30 นาที เพื่อป้องกันกรดในกระเพาะทำลายคอลลาเจนก่อนถูกดูดซึมเข้าร่างกาย
6. ผสมคอลลาเจนในอาหารและเครื่องดื่ม
ข้อดีของคอลลาเจนแบบผง คือ สามารถนำไปผสมในอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการได้ โดยแนะนำให้ผสมคอลลาเจนลงในน้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำผักชนิดต่าง ๆ หรือจะโรยเป็นท็อปปิ้งในสลัดผัก โยเกิร์ตไขมันต่ำก็ดี
7. มีความต่อเนื่องในการรับประทานคอลลาเจน
จากการศึกษาในต่างประเทศ พบว่า การรับประทานคอลลาเจนต่อเนื่อง 3 เดือน ที่ปริมาณ 5 กรัม ช่วยลดการอักเสบและอาการเจ็บปวดจากการเคลื่อนไหวในผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมได้
ในขณะที่การศึกษาจากประเทศญี่ปุ่น พบว่า เมื่อให้อาสาสมัครเพศหญิงอายุ 35-55 ปี รับประทานคอลลาเจนแบบเครื่องดื่มวันละ 10 กรัม เป็นเวลา 3 เดือน พบว่าอาสาสมัครมีความยืดหยุ่นของผิวหนังมากขึ้น ริ้วรอยลดลง แผลเป็นดูจางลงและมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
ดังนั้น การรับประทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีต้องใช้ความต่อเนื่องในการรับประทานด้วย โดยปริมาณและระยะเวลาในการกินคอลลาเจนให้ได้ผลก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน ซึ่งควรปรึกษาเภสัชกรหรือนักกำหนดอาหารให้ช่วยแนะนำปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัยกับร่างกายของเรา
ข้อควรระวังในการกินคอลลาเจน
- เลือกคอลลาเจนที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย.
- อ่านฉลากผลิตภัณฑ์ให้ถี่ถ้วน ตรวจสอบส่วนผสมก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ โดยเฉพาะคนที่แพ้อาหารทะเล เห็ด หรือถั่ว
- รับประทานตามปริมาณที่ระบุบนฉลาก ไม่ควรกินคอลลาเจนเกินขนาดที่กำหนดไว้ เพราะร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้จำกัด หากได้รับเกิน 10 กรัม หรือ 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ท้องผูก หรือท้องเสียได้
- ไม่ควรรับประทานคอลลาเจนพร้อมกับกาแฟ เครื่องดื่มคาเฟอีน หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้น้อยลง
- หลีกเลี่ยงการกินคอลลาเจนกับอาหารและเครื่องดื่มร้อน เพราะอุณหภูมิที่สูงอาจทำลายอนุภาคคอลลาเจนได้
- ผลข้างเคียงของคอลลาเจน เช่น อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาจเกิดขึ้นได้กับบางคน โดยเฉพาะหากเพิ่งเริ่มกินคอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริม
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต หรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานคอลลาเจน
- หากรับประทานอาหารเสริม สมุนไพร หรือยาบางตัวเป็นประจำ ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนกินคอลลาเจน
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคอลลาเจน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยเพียงพอ
คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว รวมไปถึงยังพบได้ในอาหาร เช่น ปลาทะเล เนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะในส่วนเอ็นและกระดูกอ่อนของสัตว์ และยังพบในถั่ว เห็ด ผักใบเขียว และผัก-ผลไม้ที่มีสีแดง สีส้ม ซึ่งเราสามารถรับประทานได้ทุกวัน แต่หากใครอยากได้คอลลาเจนในปริมาณและความเข้มข้นที่กำหนดได้ อาจเลือกกินอาหารเสริมคอลลาเจนตามวิธีที่เราแนะนำได้เลย และจะดีมาก ๆ หากได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรควบคู่ไปด้วยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับคอลลาเจน
- คอลลาเจนกับวิตามินซีกินพร้อมกันได้ไหม แล้วคอลลาเจนควรกินตอนไหนดี ?
- รวมผัก-ผลไม้ที่มีคอลลาเจน เติมความเต่งตึงให้ผิวเด้ง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติ
- 18 อาหารที่มีคอลลาเจน กินแล้วผิวเด้งไม่ต้องโบ๊ะไม่ต้องฉีด
- 27 เมนูอาหารเสริมคอลลาเจน แหล่งความงามบำรุงผิวสุขภาพดี
- คอลลาเจน ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 ช่วยเรื่องกระดูกและข้อเข่า เหมาะกับวัย 40+