x close

ชีวิตนี้ อย่าให้ขาด...น้ำ


ดื่มน้ำ


ชีวิตนี้อย่าให้ขาดน้ำ (e-magazine)

          "70 เปอร์เซ็นต์ ของร่างกายคนเราประกอบด้วยน้ำ"      

          จากข้อความข้างต้น น่าจะทำให้เราเห็นความสำคัญของน้ำเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ทุกหนแห่ง

          น้ำในร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ น้ำที่ประกอบอยู่ในเซลล์ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่อยู่นอกเซลล์ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และที่อยู่ในเนื้อเยื่อ หรือเลือดอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้มนุษย์ต้องการน้ำตกวันละประมาณ 2–3 ลิตร โดยจะมีการขับน้ำออกจากร่างกายในลักษณะของปัสสาวะ เหงื่อ อุจจาระ และลมหายใจ ซึ่งจะขับออกทางปัสสาวะวันละประมาณครึ่งลิตร ถึง 2.3 ลิตร

น้ำทำหน้าที่อะไร?        

          หน้าที่ของน้ำในร่างกายนั้นมีมากมาย ทั้งช่วยย่อยอาหาร ละลายสารอาหารและออกซิเจน เพื่อขนส่งให้เซลล์ต่าง ๆ นับล้าน ๆ เซลล์ทั่วร่างกาย ช่วยให้หัวใจทำงานได้ปกติ ใบหน้าชุ่มชื้นดูมีเลือดฝาด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกาย ละลายสารพิษเพื่อขับออกจากร่างกาย ทำให้ผิวพรรณสดใสไม่แห้งกร้าน ทำให้ข้อเคลื่อนไหวได้สะดวก

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าขาดน้ำ

          ถ้าร่างกายขาดน้ำ หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เพราะร่างกายต้องดึงน้ำจากส่วนต่าง ๆ มาใช้โดยที่เราไม่รู้ตัว ส่งผลให้เลือดข้น ระบบไหลเวียนของเหลวในร่างกายผิดปกติ ผิวพรรณหยาบกร้าน ไตทำงานหนัก ส่งผลให้ปวดศีรษะ เป็นตะคริว ความดันสูง เกิดอาการบวมน้ำ ฯลฯ

          การดื่มน้ำอย่างเพียงพอในแต่ละวันจะช่วยให้ไตทำงานได้ดี และช่วยให้ตับกำจัดไขมันได้อย่างเต็มที่ โดยไต คืออวัยวะที่หลายคนไม่ค่อยนึกถึง แต่มันกลับต้องทำหน้าที่สำคัญในการกำจัดสารพิษต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเกิดจากกระบวนการทำงานภายในเซลล์ เช่น ยูเรีย และกรดยูริก ดูดสารอาหารที่มีประโยชน์กลับคืนเข้าสู่ร่างกาย เช่น กลูโคส กรดอะมิโน ฯลฯ

          นอกจากนี้ ไตยังช่วยควบคุมระดับความเป็นกรด ด่าง ของของเหลวในร่างกาย สามารถกำจัดส่วนเกินของแร่ธาตุบางตัว เช่น โพแทสเซียมไอออน, โซเดียมไอออน, รวมทั้งสังเคราะห์กลูโคสจากกรดอะมิโนหรือจากสารชนิดอื่น ๆ โดยกำจัดของเสียเหล่านี้ออกทางปัสสาวะ และยังทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอีรีโทรโปรอีติน (กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง) และวิตามินดีที่มีหน้าที่รับแคลเซียมในเลือดเพื่อช่วงป้องกันโรคกระดูกเสื่อม

          ดังนั้น ถ้าไตไม่สามารถทำงานได้ดีถ้าร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ อาจส่งผลทำให้ตับต้องทำงานหนักขึ้น และเผาผลาญไขมันได้น้อยลง ทำให้ร่างกายมีการสะสมไขมันมากขึ้นอีกด้วย (หน้าที่หลักของตับ คือช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เกิดเป็นพลังงาน)


ดื่มน้ำ


ประโยชน์จากน้ำ

          น้ำสามารถให้ผิวพรรณดูอ่อนนุ่ม สดใส ชุ่มชื้น ไม่เหี่ยวย่น ดวงตาดูสดใส เส้นผมดูเงางามมีประกาย ช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยลดปัญหาท้องผูก และที่สำคัณน้ำยังช่วยชะลอความแก่ เนื่องจากถ้าเซลล์ในร่างกายขาดน้ำเรื้อรัง และมีอนุมูลอิสระจะทำให้เซลล์เสื่อมสภาพลงทำให้ดูแก่ขึ้น น้ำช่วยลดอาการปวดตามข้อ ปวดหลัง ช่วยลดความดันโลหิต เร่งการขับสารพิษ และของเสียออกจากร่างกาย

          นอกจากนี้ น้ำยังช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น เพราะ 85 เปอร์เซ็นต์ ของสมองมีองค์ประกอบเป็นน้ำ การดื่มน้ำทีให้เพียงพอจะช่วยให้สมองทำงานได้ดี และเฉียบแหลม

น้ำแต่ละชนิด

          ในโลกของเรามีน้ำอยู่มากมาย ซึ่งน้ำแต่ละชนิดก็มีประโยชน์และที่มาแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนจะต้องดื่มหรือใช้น้ำ คุณก็ควรทำความรู้จักกับน้ำแต่ละชนิดเสียซะก่อน

          น้ำประปา ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ฯลฯ การดื่มน้ำประปาถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนน้ำประปาในประเทศไทยก็สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน เพราะผ่านการผลิตและควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก 

          หากต้องการดื่มน้ำประปา ท่อน้ำในบ้านควรจะเป็นท่อเหล็กที่อายุการใช้งานไม่นานเกิน 5 ปี หรือท่อพลาสติก เนื่องจากท่อเหล่านี้จะยังไม่เป็นสนิม แต่ถ้าต้องการลดกลิ่นคลอรีนก็สามารถนำมาต้ม การต้มนอกจากจะลดกลิ่นดังกล่าวแล้วยังช่วยฆ่าเชื้อโรค และลดความกระด้างของน้ำลง

          น้ำดื่มบรรจุขวดที่ขายอยู่ตามท้องตลาด มักมาจากแหล่งน้ำบาดาล และน้ำประปา โดยผ่านการกรองเพื่อดูดกลิ่น และผ่านเรซิน เพื่อลดความกระด้างของน้ำ โดยมีขั้นตอนสุดท้ายคือการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ด้วยการผ่านรังสีอุลต้าไวโอเลต 

          สำหรับน้ำธรรมชาติ ก็มีจากหลากหลายแหล่งที่มา เช่น น้ำใต้ดิน น้ำพุ น้ำแร่ ฯลฯ ซึ่งน้ำธรรมชาติที่นำมาดื่มกันนั้นมี

          1.น้ำแร่ชนิดเติมคาร์บอเนต คือ น้ำแร่ที่มีการเติมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไป

          2.น้ำแร่ชนิดไม่มีคาร์บอเนต คือ น้ำแร่ที่ไม่มีก๊าซคาร์บอนไดมากจนทำให้เกลือไฮโดรเจนคาร์บอเนตที่อยู่ในน้ำละละลาย

          3.น้ำแร่ชนิดขจัดคาร์บอเนต คือ น้ำแร่ที่มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า ที่มีอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติหลังจากการบรรจุขวด

          4. น้ำแร่ชนิดเติมคาร์บอนไดออกไซต์จากแหล่งกำเนิด คือ น้ำแร่ที่มีการเติมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีปริมาณก๊าซมากกว่าแหล่งธรรมชาติ 

          น้ำแร่ที่ถูกต้องตามมาตรฐานอุตสาหกรรมจะต้องใส ไม่มีตะกอน ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค มีแร่ธาตุไม่เกินที่กำหนดไว้ในมาตรฐาน มอก.2208 – 2547 ซึ่งการจะดื่มน้ำแร่ก็ควรพิจารณาสภาพความเป็นกรด ด่าง มีแร่ธาตุที่เหมาะสมกับร่างกายเราหรือไม่ เช่น เด็กเล็กไม่ควรดื่มน้ำแร่ที่มีปริมาณธาตุเหล็กสูงเกิน 5 มิลลิกรัม / 1 ลูกบาศก์เดซิเมตร

          การดื่มน้ำที่มีความเป็นกรด ด่างมากเกินไปเป็นประจำอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุล ปริมาณโซเดียมคลอไรด์ที่สูงเกิน 1,000 มิลลิกรัม / 1 ลูกบาศก์เดซิเมตร ไม่เหมาะกับผู้มีความดันเลือดสูง หรือผู้ป่วยโรคไต สตรีมีครรภ์ และเด็กไม่ควรดื่มน้ำที่มีปริมาณซัลเฟตสูงเกิน 600 มิลลิกรัม / 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร เนื่องจากอาจทำให้ถ่ายท้อง


น้ำดื่ม


มาดื่มน้ำกันเถอะ

          การดื่มน้ำ ควรดื่มวันละประมาณ 2–3 ลิตร โดยตอนเช้าควรดื่มน้ำอุ่นทันที 2 แก้ว เพื่อช่วยให้ถ่ายอุจจาระได้ดี ในระหว่างวันควรดื่มน้ำทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกคอแห้ง และไม่ควรดื่มน้ำเกินครึ่งแก้วก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที และภายใน 40 นาทีหลังมื้ออาหาร เนื่องจากทำให้น้ำย่อยเจือจางลง ส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร

          ทั้งนี้ ควรดื่มน้ำทีละนิดระหว่างวัน จิบครั้งละ 2–3 อึก แต่จิบบ่อยครั้งไปตลอดทั้งวัน การดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ ทำให้ร่างกายดูดซึมไม่ทัน และขับออกมาเป็นปัสสาวะ ดังนั้นถึงจะดื่มน้ำเป็นปริมาณมากก็ยังรู้สึกหิวน้ำ

          นอกจากน้ำจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใสแล้ว เสียงของน้ำ เช่น เสียงฝน หรือเสียงที่มีการเคลื่อนไหวของน้ำและตกกระทบของแข็งช่วยรู้สึกผ่อนคลาย สงบ และมีสมาธิ ในเมื่อน้ำมีประโยชน์ต่าง ๆ มากมาก หลังจบบทความนี้ ลองถามตัวเองสิว่า วันนี้คุณดื่มน้ำแล้วหรือยัง???



  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย





ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตนี้ อย่าให้ขาด...น้ำ อัปเดตล่าสุด 21 มิถุนายน 2564 เวลา 14:41:25 43,506 อ่าน
TOP