กะหล่ำปลีม่วง ประโยชน์ต่างจากกะหล่ำปลีเขียวไหม สีไหนดีกว่ากัน

          กะหล่ำปลีเขียวและกะหล่ำปลีม่วง แม้จะมีต้นกำเนิดมาจากพืชตระกูลกะหล่ำเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่น่าสนใจทั้งในด้านคุณค่าทางโภชนาการ รสชาติ สารสำคัญ และการนำไปประกอบอาหาร
กะหล่ำปลีม่วง กะหล่ำปลีเขียว

          กะหล่ำปลี เป็นผักที่หลายคนคุ้นเคย แถมเจอได้ในหลายเมนูอาหารไทย แต่เคยสังเกตไหมว่ามีกะหล่ำปลีอยู่สองสีหลัก ๆ ที่มักวางอยู่คู่กันในตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งก็คือกะหล่ำปลีม่วง และกะหล่ำปลีเขียว แล้วทั้งสองแบบต่างกันอย่างไร แบบไหนมีประโยชน์มากกว่า มาดูคำตอบกัน

กะหล่ำปลีม่วง
คุณค่าทางโภชนาการมีอะไรบ้าง

กะหล่ำปลีม่วง

กะหล่ำปลีม่วง คุณค่าทางโภชนาการที่มากับสีจัดจ้าน

          คุณค่าทางโภชนาการของกะหล่ำปลีม่วงในปริมาณ 100 กรัม ให้สารอาหาร ดังนี้

  • พลังงาน 24 กิโลแคลอรี

  • น้ำ 93 กรัม

  • โปรตีน 1.61 กรัม

  • ไขมัน 0.11 กรัม

  • คาร์โบไฮเดรต 3.06 กรัม

  • ไฟเบอร์ 2.3 กรัม

  • เถ้า 0.74 กรัม

  • แคลเซียม 30 มิลลิกรัม

  • ฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม

  • แมกนีเซียม 13 มิลลิกรัม

  • โซเดียม 6 มิลลิกรัม

  • โพแทสเซียม 293 มิลลิกรัม

  • ธาตุเหล็ก 0.30 มิลลิกรัม

  • สังกะสี 0.23 มิลลิกรัม

  • เบต้าแคโรทีน 7 ไมโครกรัม

  • วิตามินเอ 1 ไมโครกรัม

  • วิตามินบี1 0.07 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี2 0.05 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี3 0.25 มิลลิกรัม

  • วิตามินซี 68 มิลลิกรัม

  • วิตามินอี 0.01 มิลลิกรัม

  • วิตามินเค 38.2 ไมโครกรัม

  • โฟเลต 18 ไมโครกรัม

          นอกจากนี้ในกะหล่ำปลีม่วงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารที่มักจะพบได้ในผัก-ผลไม้ที่มีสีม่วง

กะหล่ำปลีเขียว
มีคุณค่าทางโภชนาการอะไรบ้าง

กะหล่ำปลีเขียว

กะหล่ำปลีเขียว กับคุณค่าทางโภชนาการที่น่าสนใจ

          คุณค่าทางโภชนาการของกะหล่ำปลีเขียวในปริมาณ 100 กรัม ให้สารอาหาร ดังนี้

  • พลังงาน 14 กิโลแคลอรี

  • น้ำ 95.3 กรัม

  • โปรตีน 1.60 กรัม

  • ไขมัน 0.10 กรัม

  • คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม

  • ไฟเบอร์ 1.2 กรัม

  • เถ้า 0.80 กรัม

  • แคลเซียม 5 มิลลิกรัม

  • ฟอสฟอรัส 76 มิลลิกรัม

  • ธาตุเหล็ก 0.10 มิลลิกรัม

  • เบต้าแคโรทีน 42 ไมโครกรัม

  • วิตามินเอ 4 ไมโครกรัม

  • วิตามินบี1 0.04 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี2 0.22 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี3 2.80 มิลลิกรัม

  • วิตามินซี 23 มิลลิกรัม

  • วิตามินเค 43 ไมโครกรัม

  • โฟเลต 43 ไมโครกรัม

          แม้กะหล่ำปลีสีเขียวจะไม่มีสารอาหารบางชนิดอย่างที่กะหล่ำปลีสีม่วงมี แต่ในส่วนปริมาณเบต้าแคโรทีนของกะหล่ำปลีสีเขียวก็จัดได้ว่าสูงกว่ากะหล่ำม่วงหลายเท่า อีกทั้งยังมีวิตามินเคสูงกว่ากะหล่ำปลีสีม่วงอีกต่างหาก

กะหล่ำปลีต่างสี
ก็มีสิ่งที่ต่างกันในหลาย ๆ ด้าน

          นอกจากสีที่แตกต่างกันแล้ว ระหว่างกะหล่ำปลีสีม่วงกับกะหล่ำปลีสีเขียวก็มีข้อแตกต่างในด้านอื่น ๆ เช่น

  • รสชาติ

    • กะหล่ำปลีม่วงมักจะมีรสชาติที่ขมกว่าและเนื้อสัมผัสที่กรอบกว่ากะหล่ำปลีเขียวเล็กน้อย ส่วนกะหล่ำปลีเขียวจะมีรสชาติที่อ่อนกว่าและมีความหวานเล็กน้อย

  • สารสำคัญ

    • กะหล่ำปลีม่วง : โดดเด่นที่สารแอนโธไซยานินในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และปกป้องสมอง นอกจากนี้ยังมีซิงก์ และธาตุเหล็กเล็กน้อย อีกทั้งพบวิตามิน C สูงกว่ากะหล่ำปลีเขียวอีกด้วย

    • กะหล่ำปลีเขียว : มีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดเบต้าแคโรทีนสูงกว่ากะหล่ำปลีม่วงเกือบหลายเท่า และมีวิตามินเค มีโฟเลตสูงกว่า 

  • พลังงาน

    • กะหล่ำปลีเขียวมีคาร์บน้อยกว่าและยังให้พลังงานโดยรวมต่ำกว่ากะหล่ำปลีสีม่วง เมื่อเทียบในปริมาณเท่ากัน

  • การประกอบอาหาร

    • กะหล่ำปลีม่วง : นิยมนำมารับประทานสดในสลัดเพื่อรักษาสีสันและสารอาหาร อย่างไรก็ตาม การปรุงกะหล่ำปลีม่วงอาจทำให้สีของอาหารเปลี่ยนไปได้ เช่น หากนำไปลวกกับผักอื่น ๆ ผักเหล่านั้นอาจเปลี่ยนเป็นสีม่วงได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการนำไปประกอบอาหารที่ต้องการคงสีเดิมของส่วนผสมบางชนิดไว้

    • กะหล่ำปลีเขียว : เรามักจะพบเจอกะหล่ำปลีสีเขียวในเมนูอาหารมากกว่าสีม่วง เพราะนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะรับประทานสด ๆ เป็นผักเคียงในเมนูส้มตำ ยำ ลาบ ไส้กรอกอีสาน หรือเจอในรูปแบบซอยใส่ในสลัด ในชาบู หรือผัดน้ำปลาก็อร่อย ไม่ก็นำไปต้ม หรือนึ่งเป็นสุกี้โรลก็อร่อยได้รสชาติหวาน ๆ และสีไม่เปลี่ยนมากนักเมื่อผ่านความร้อน

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กะหล่ำปลีสีม่วงและสีเขียวมีไม่ต่างกัน คือสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ซึ่งเป็นสารสำคัญในพืชตระกูลกะหล่ำ และมีสรรพคุณช่วยปกป้อง DNA ลดความเสียหายของเซลล์ จัดเป็นสารต้านมะเร็งที่มีคุณภาพสูงพอสมควร

กะหล่ำปลีสีม่วง VS กะหล่ำปลีเขียว 
สีไหนดีกว่ากัน

กะหล่ำปลีม่วง ประโยชน์และสรรพคุณ

          ทั้งกะหล่ำปลีม่วงและกะหล่ำปลีเขียวต่างก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ขึ้นอยู่กับความต้องการสารอาหารของแต่ละบุคคล เช่น หากต้องการสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะแอนโทไซยานิน หรือต้องการกินผักที่มีวิตามินซีและวิตามินเอสูงกว่า แถมสีสันจัดจ้านของเมนูอาหาร กะหล่ำปลีม่วงก็อาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าสีเขียว

          แต่สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าสีม่วงเข้มของกะหล่ำปลีม่วงนั้นไม่ชวนให้รับประทานเท่าไร การกินกะหล่ำปลีเขียวก็น่าจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่า อีกทั้งยังกินได้บ่อยตามเมนูอาหารอันหลากหลายอีกด้วย

          อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย แนะนำให้กินทั้งกะหล่ำปลีเขียวและกะหล่ำปลีม่วงสลับกัน แต่ควรระมัดระวังการบริโภคกะหล่ำปลีดิบในปริมาณมาก เนื่องจากมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ที่อาจขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ในบางราย ทว่าการปรุงกะหล่ำปลีให้สุกจะช่วยลดปริมาณสารนี้ได้พอสมควร

บทความที่เกี่ยวข้องกับพืชตระกูลกะหล่ำ

ขอบคุณข้อมูลจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัยWebMDfoodstruct.com 
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กะหล่ำปลีม่วง ประโยชน์ต่างจากกะหล่ำปลีเขียวไหม สีไหนดีกว่ากัน โพสต์เมื่อ 17 กรกฎาคม 2568 เวลา 14:00:24
TOP
x close