
กะหล่ำปลีม่วง
คุณค่าทางโภชนาการมีอะไรบ้าง

กะหล่ำปลีม่วง คุณค่าทางโภชนาการที่มากับสีจัดจ้าน
คุณค่าทางโภชนาการของกะหล่ำปลีม่วงในปริมาณ 100 กรัม ให้สารอาหาร ดังนี้
-
พลังงาน 24 กิโลแคลอรี
-
น้ำ 93 กรัม
-
โปรตีน 1.61 กรัม
-
ไขมัน 0.11 กรัม
-
คาร์โบไฮเดรต 3.06 กรัม
-
ไฟเบอร์ 2.3 กรัม
-
เถ้า 0.74 กรัม
-
แคลเซียม 30 มิลลิกรัม
-
ฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม
-
แมกนีเซียม 13 มิลลิกรัม
-
โซเดียม 6 มิลลิกรัม
-
โพแทสเซียม 293 มิลลิกรัม
-
ธาตุเหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
-
สังกะสี 0.23 มิลลิกรัม
-
เบต้าแคโรทีน 7 ไมโครกรัม
-
วิตามินเอ 1 ไมโครกรัม
-
วิตามินบี1 0.07 มิลลิกรัม
-
วิตามินบี2 0.05 มิลลิกรัม
-
วิตามินบี3 0.25 มิลลิกรัม
-
วิตามินซี 68 มิลลิกรัม
-
วิตามินอี 0.01 มิลลิกรัม
-
วิตามินเค 38.2 ไมโครกรัม
-
โฟเลต 18 ไมโครกรัม
นอกจากนี้ในกะหล่ำปลีม่วงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารที่มักจะพบได้ในผัก-ผลไม้ที่มีสีม่วง
กะหล่ำปลีเขียว
มีคุณค่าทางโภชนาการอะไรบ้าง

กะหล่ำปลีเขียว กับคุณค่าทางโภชนาการที่น่าสนใจ
คุณค่าทางโภชนาการของกะหล่ำปลีเขียวในปริมาณ 100 กรัม ให้สารอาหาร ดังนี้
-
พลังงาน 14 กิโลแคลอรี
-
น้ำ 95.3 กรัม
-
โปรตีน 1.60 กรัม
-
ไขมัน 0.10 กรัม
-
คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม
-
ไฟเบอร์ 1.2 กรัม
-
เถ้า 0.80 กรัม
-
แคลเซียม 5 มิลลิกรัม
-
ฟอสฟอรัส 76 มิลลิกรัม
-
ธาตุเหล็ก 0.10 มิลลิกรัม
-
เบต้าแคโรทีน 42 ไมโครกรัม
-
วิตามินเอ 4 ไมโครกรัม
-
วิตามินบี1 0.04 มิลลิกรัม
-
วิตามินบี2 0.22 มิลลิกรัม
-
วิตามินบี3 2.80 มิลลิกรัม
-
วิตามินซี 23 มิลลิกรัม
-
วิตามินเค 43 ไมโครกรัม
-
โฟเลต 43 ไมโครกรัม
แม้กะหล่ำปลีสีเขียวจะไม่มีสารอาหารบางชนิดอย่างที่กะหล่ำปลีสีม่วงมี แต่ในส่วนปริมาณเบต้าแคโรทีนของกะหล่ำปลีสีเขียวก็จัดได้ว่าสูงกว่ากะหล่ำม่วงหลายเท่า อีกทั้งยังมีวิตามินเคสูงกว่ากะหล่ำปลีสีม่วงอีกต่างหาก
กะหล่ำปลีต่างสี
ก็มีสิ่งที่ต่างกันในหลาย ๆ ด้าน
นอกจากสีที่แตกต่างกันแล้ว ระหว่างกะหล่ำปลีสีม่วงกับกะหล่ำปลีสีเขียวก็มีข้อแตกต่างในด้านอื่น ๆ เช่น
-
รสชาติ
-
กะหล่ำปลีม่วงมักจะมีรสชาติที่ขมกว่าและเนื้อสัมผัสที่กรอบกว่ากะหล่ำปลีเขียวเล็กน้อย ส่วนกะหล่ำปลีเขียวจะมีรสชาติที่อ่อนกว่าและมีความหวานเล็กน้อย
-
-
สารสำคัญ
-
กะหล่ำปลีม่วง : โดดเด่นที่สารแอนโธไซยานินในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และปกป้องสมอง นอกจากนี้ยังมีซิงก์ และธาตุเหล็กเล็กน้อย อีกทั้งพบวิตามิน C สูงกว่ากะหล่ำปลีเขียวอีกด้วย
-
กะหล่ำปลีเขียว : มีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดเบต้าแคโรทีนสูงกว่ากะหล่ำปลีม่วงเกือบหลายเท่า และมีวิตามินเค มีโฟเลตสูงกว่า
-
-
พลังงาน
-
กะหล่ำปลีเขียวมีคาร์บน้อยกว่าและยังให้พลังงานโดยรวมต่ำกว่ากะหล่ำปลีสีม่วง เมื่อเทียบในปริมาณเท่ากัน
-
-
การประกอบอาหาร
-
กะหล่ำปลีม่วง : นิยมนำมารับประทานสดในสลัดเพื่อรักษาสีสันและสารอาหาร อย่างไรก็ตาม การปรุงกะหล่ำปลีม่วงอาจทำให้สีของอาหารเปลี่ยนไปได้ เช่น หากนำไปลวกกับผักอื่น ๆ ผักเหล่านั้นอาจเปลี่ยนเป็นสีม่วงได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการนำไปประกอบอาหารที่ต้องการคงสีเดิมของส่วนผสมบางชนิดไว้
-
กะหล่ำปลีเขียว : เรามักจะพบเจอกะหล่ำปลีสีเขียวในเมนูอาหารมากกว่าสีม่วง เพราะนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะรับประทานสด ๆ เป็นผักเคียงในเมนูส้มตำ ยำ ลาบ ไส้กรอกอีสาน หรือเจอในรูปแบบซอยใส่ในสลัด ในชาบู หรือผัดน้ำปลาก็อร่อย ไม่ก็นำไปต้ม หรือนึ่งเป็นสุกี้โรลก็อร่อยได้รสชาติหวาน ๆ และสีไม่เปลี่ยนมากนักเมื่อผ่านความร้อน
-
กะหล่ำปลีสีม่วง VS กะหล่ำปลีเขียว
สีไหนดีกว่ากัน

ทั้งกะหล่ำปลีม่วงและกะหล่ำปลีเขียวต่างก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ขึ้นอยู่กับความต้องการสารอาหารของแต่ละบุคคล เช่น หากต้องการสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะแอนโทไซยานิน หรือต้องการกินผักที่มีวิตามินซีและวิตามินเอสูงกว่า แถมสีสันจัดจ้านของเมนูอาหาร กะหล่ำปลีม่วงก็อาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าสีเขียว
แต่สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าสีม่วงเข้มของกะหล่ำปลีม่วงนั้นไม่ชวนให้รับประทานเท่าไร การกินกะหล่ำปลีเขียวก็น่าจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่า อีกทั้งยังกินได้บ่อยตามเมนูอาหารอันหลากหลายอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้องกับพืชตระกูลกะหล่ำ
- ประโยชน์กะหล่ำปลี ผักดีต้องกิน กับคุณค่าทางโภชนาการอันยอดเยี่ยม
- 7 วิธีกินบรอกโคลีให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เราอาจกินผิดวิธีมาตลอด !
- 12 เมนูกะหล่ำปลี เปลี่ยนอาหารจานผักให้ไม่น่าเบื่อ
- 8 ผักตระกูลกะหล่ำน่าปลูก พร้อมวิธีแยกความต่างแม้หน้าตาจะคล้ายกัน
- 6 เมนูดอกกะหล่ำ อาหารสุขภาพไอเดียสร้างสรรค์ อร่อยมีประโยชน์