
จัดการอารมณ์โกรธสู่ปัญหารุนแรง คุณหมอแนะต้องอภัยและเข้าใจผู้อื่น (ไทยโพสต์)
จากกรณีที่ชาวบ้านย่านสมุทรปราการทะเลาะกันเรื่องสุนัขกัดกัน จนเป็นเหตุให้เพื่อนบ้านอีกฝ่ายโดนยิงเสียชีวิต หรือแม้แต่ภาพของชาวบ้านที่ไม่พอใจกับปัญหาน้ำท่วม จนเป็นเหตุให้มีการยกพวกทำลายทรัพย์สินและคันกั้นน้ำ นับเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่า คนในยุคปัจจุบันมักตกอยู่ในห้วงของอารมณ์โกรธได้ง่ายขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่มีความเครียดมากขึ้น เนื่องจากทุกคนต่างมุ่งแข่งขันกันในการดำเนินชีวิต ประกอบความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในสังคมไทยนั้นลดน้อยลง หรือคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
พญ.เรขา กลลดาเรืองไกร จิตแพทย์แผนกประกันสังคม รพ.กล้วยน้ำไท 1 ได้ออกมาแนะนำถึงวิธีรับมือกับความโกรธที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง เพื่อช่วยป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งกับตนเองและผู้อื่น ว่า






อย่างไรก็ตาม หากปล่อยอารมณ์โกรธไว้นั้น คุณหมอกล่าวว่า อาจส่งผลทั้งตนเองและผู้อื่น เช่น ทำให้เป็นผู้ที่มีจิตใจรุ่มร้อน นอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่ได้ ไม่มีสมาธิ ไม่สบายใจ อีกทั้งยังเป็นต้นเหตุของโรควิตกกังวล และโรคซึมเศร้า โรคเครียด หรือเป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ได้ ส่วนอารมณ์โกรธที่นำไปสู่ความรุนแรงนั้น คุณหมอเผยว่าสามารถพบได้แต่อายุ 15 ไปจนอายุ 50 ปี หรือช่วงก่อนเข้าสู่วัยชรา
ส่วนแนวโน้มของกลุ่มคนที่ไม่สามารถระงับความโกรธ จนนำไปสู่การใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นนั้นมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมที่เคร่งเครียด เพราะทุกคนต้องแข่งขันกันดำรงชีวิต รวมถึงสังคมไทยเป็นสังคมที่ซับซ้อน เพราะมีการแบ่งแยกทางความคิดกันอย่างเห็นได้ชัด ตลอดจนความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือความเอื้ออาทรของคนในสังคมลดน้อยลง จึงเป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดอารมณ์โกรธที่นำไปสู่ความรุนแรงนั่นเอง
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
