x close

ดูแลเล็บอย่างไร ให้สวย เนียนนุ่ม และมีเสน่ห์


 

ดูแล "เล็บ" อย่างไร ให้สวย เนียนนุ่ม และมี เสน่ห์ (สสส.)
โดย : อณัศยา สุภัคพานิชย์กุล

          สาวๆ ในยุคนี้นอกจากผิวสวย หน้าใส รูปร่างผอมเพรียวอย่างมีสุขภาพดีแล้ว อวัยวะในร่างกายอีกส่วนที่มีความสำคัญของคุณสาวในยุคนี้สมัยนี้ก็คือ "เล็บ" นอกจากนั้นแล้ว สำหรับคุณสาวที่ชอบเพ้นท์ หรือทำสี การดูแลรักษาเล็บให้ยาว สวย และอยู่กับเรานานเป็นเรื่องที่เราปรารถนาค่ะ แต่เล็บมิใช่มีความสำคัญเฉพาะเรื่องของความสวยความงามเท่านั้น

          แท้จริงแล้ว เล็บยังแฝงความลับเกี่ยวกับสุขภาพเอาไว้ด้วย เช่น เล็บที่มีลักษณะผิดปกติ แสดงว่าเจ้าของเล็บมีการติดเชื้อ หรือมีความผิดปกติของระบบอวัยวะที่สำคัญ เช่น หัวใจ ปอด ลักษณะผิดปกติได้แก่ เล็บ และปลายนิ้วที่กลมจนมีลักษณะคล้ายกระบอง เล็บที่มีลักษณะผิดปกติยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีก เช่น จากการอักเสบเรื้อรังของเนื้อเยื่อข้างเล็บ จากโรคสะเก็ดเงิน หรือเป็นผลจากอุบัติเหตุที่โดนเนื้อใต้เล็บ หรือเป็นการเสื่อมสภาพจากความชราก็ได้

          เล็บ เริ่มสร้างตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา เป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้แก่ร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายและเคอราติน แต่สามารถเพิ่มความยาวได้ตลอดเวลา อัตราการงอกของเล็บจะมีประมาณ 0.1-0.2 มม. ต่อวันอาจจะงอกได้ช้าหรือเร็วกว่านี้ได้บ้าง โดยพบว่าอายุประมาณ 15-30 ปี จะเป็นช่วงที่เล็บยาวเร็วที่สุด โดยจะพบว่าอัตราการงอกของเล็บมือจะยาวเร็วกว่าเล็บเท้าประมาณ 2 เท่า เราจึงต้องตัดเล็บมือบ่อยกว่าเล็บเท้า และปกติคนเราจะนิยมตัดเล็บกัน 1-2 อาทิตย์ต่อครั้ง ลักษณะเล็บปกติ จะมีสีชมพูอ่อนๆ เรียบเสมอกัน ไม่มีรอยหยัก หรือโค้งงอ


          หน้าที่และความสำคัญของเล็บ

          1. ไว้หยิบจับสิ่งของที่มีขนาดเล็ก ชิ้นเล็กๆ
          2. ไว้เกา เวลาคัน เพราะถ้าไม่มีเล็บ คุณก็จะเกาได้ไม่สะดวก คงหงุดหงิดพอสมควร
          3. ไว้ฉีกอาหาร หรือสิ่งของบางอย่างให้เป็นชิ้นเล็กๆ
          4. ไว้ป้องกันตัว เช่น ขูด ขีด ข่วน ใบหน้า (ใช้กรณีจำเป็นจริงๆ นะครับ)
          5. ไว้เกาศีรษะ เวลาสระผม
          6. ช่วยในการเดินหรือวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ บางท่านที่เคยโดนถอดเล็บเท้า จะพบว่าเดินไม่ถนัด
          7. เพื่อความสวยงาม บ่งบอกลักษณะ สุขภาพ รสนิยม บุคลิก ของผู้ที่เป็นเจ้าของเล็บที่สวยงามนั้นได้
          8. ใช้บอกโรคบางชนิดของอวัยวะภายในต่างๆ ได้
          9. ใช้แคะขี้มูก ขี้หู และ ขี้ต่างๆ ในร่างกายได้


ปัญหาความผิดปกติของเล็บที่พบบ่อย

          1. จมูกเล็บอักเสบ (Paronychiae) มักพบได้บ่อยที่สุด โดยพบในกลุ่มผู้หญิงแม่บ้านที่มือเปียกน้ำบ่อยๆ  และกลุ่มที่ชอบทำเล็บตามร้านเสริมสวย มีการตัดเล็มจมูกเล็บ ทำให้เกิดช่องว่างในซอกเล็บ แล้วน้ำเข้าไปเซาะขังอยู่ ทำให้เกิดการอักเสบภายหลัง โดยจะมีลักษณะของเล็บจะบวมแดงนูนออกมา มีอาการเจ็บปวดอักเสบบางครั้งร่วมกับอาการคัน เล็บมักจะปกติดี จมูกเล็บอักเสบเมื่อเกิดแล้ว ไม่ค่อยหายขาด เนื่องจากช่องว่างระหว่างขอบเล็บไม่ปิดสนิทแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าตนเองเป็นเชื้อราที่เล็บ
 
          2. เล็บเป็นเชื้อรา (Tinea Unguium) พบไม่บ่อยนัก และมักพบในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำเชื้อราที่เล็บเท้าพบบ่อยกว่าเล็บนิ้วมือ ทั้งนี้เพราะเชื้อราชอบความอับชื้น และที่อับชื้นที่เชื้อราชอบอยู่มากที่สุดก็คือ ภายในรองเท้าคู่เก่งของคุณนั่นเอง จึงไม่แปลกเลยที่เชื้อราขึ้นที่เล็บเท้าได้ง่ายและเมื่อการติดเชื้อดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เล็บของคุณก็จะหนาตัวขึ้น เปราะหักง่าย แข็งกระด้าง บิดเบี้ยว และเปลี่ยนสีไป จนอาจถึงกับหลุดออกไปในที่สุดเชื้อราที่เล็บนี้จะเป็นในผู้ที่เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ได้ง่ายกว่าผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง

          ตัวอย่างของผู้ที่มีโอกาสเป็นเชื้อราที่เล็บได้ง่ายได้แก่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ผู้ที่มีการไหลเวียนโลหิตไม่ดี ผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บ หรือมีภูมิต้านทานโรคต่ำถ้าเชื้อรากินลึกไปถึงตัวนิ้ว จะทำให้มีอาการปวดร่วมด้วย แน่นอนว่าเจ้าของเท้าคงจะยืนหรือเดินนานๆ ไม่ค่อยไหว ทำให้ไม่สามารถเล่นกีฬาที่ชอบได้ตามปกติ ถ้าเป็นเชื้อราที่เล็บมือ จะทำให้เคลื่อนไหวนิ้วได้ไม่คล่อง อาจทำให้คุณพิมพ์ดีด เล่นเครื่องดนตรี หรือหยิบจับของเล็กๆ ได้ไม่ถนัดเพราะความเจ็บปวดนั่นเอง เช่น โรคเบาหวาน โรคเอดส์ ฯลฯ ลักษณะเล็บจะเปลี่ยนสีไปอาจจะดำคล้ำขึ้น สีเขียวหรือเหลือง ลักษณะเล็บเปลี่ยนรูปร่าง บิดเบี้ยว โค้งงอ แตกเปราะ หรือเป็นขุย

          3. เล็บกร่อน (Onycholysis) ลักษณะเล็บจะผุ กร่อน แตกหัก เปราะง่าย เล็บขยุกขยุย เสียรูปทรงเป็นลูกคลื่นบ้าง บุ๋มบ้าง โค้งงอ หนาขึ้นบ้าง ฯลฯ สีเล็บจะต่างจากเดิมไปบ้างเล็กน้อย ภาวะนี้เกิดขึ้นเองไม่ทราบสาเหตุชัดเจน รักษาแก้ไขได้ยาก การทานวิตามินบำรุงเล็บ เช่น ไบโอติน จะช่วยได้บ้าง

          4. สะเก็ดเงินที่เล็บ (Psoviasis) โรคสะเก็ดเงิน นอกจากจะมีผื่นสะเก็ดหนาที่ศีรษะ ตัวศอก หัวเข่าแล้ว ยังเกิดความผิดปกติที่เล็บได้ด้วย ลักษณะเล็บหนาขึ้นที่ปลายเล็บมองเห็นได้ (Subungual hyperkeratosis) เล็บบุ๋ม (Pitting) เล็บเป็นลูกคลื่น (Ridging) รักษาค่อนข้างยาก ไม่หายขาด

นอกจากนั้นอาการของเล็บ บ่งบอกลักษณะโรคบางโรคได้ เช่น

           1. โรคหัวใจและโรคปอดเรื้อรัง อาจจะพบลักษณะของเล็บปุ้ม เล็บงุ้มมากผิดปกติ (clubbing finger) เล็บซีดเขียว

          2. โรคไต อาจจะพบลักษณะของเล็บมีสีแตกต่างกัน (half and half nail) คือ ส่วนที่อยู่ชิดโพรงจมูกเล็บจะมีสีขาวส่วนอีกครึ่งหนึ่งส่วนปลายเล็บเป็นสีปกติ เกิดจากบริเวณใต้ฐานเล็บมีการบวม

          3. โรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (melanoma) อาจจะทำให้ เล็บเปลี่ยนสี มีจุด สีดำ หรือแถบสีดำเกิดขึ้นได้ที่บริเวณเล็บ เป็นต้น ฯลฯ

  วิธีดูแลปกป้องรักษาทะนุถนอมเล็บ

          ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการดูแลเล็บ ก็คือหลังอาบน้ำ หรือหลังล้างจาน เพราะเป็นช่วงที่เล็บของคุณสะอาดและอ่อนนุ่มที่สุดนั่นเอง

          น้ำยาเติมยาทาเล็บ ซึ่งใช้เพื่อช่วยให้ยาทาเล็บไม่ข้นเกินไปนั้น ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นจะช่วยให้เก็บได้นานขึ้น  ไม่ควรใช้น้ำยาล้างยาทาเล็บเกินกว่าอาทิตย์ละครั้ง เนื่องจากจะทำให้เล็บแห้ง และแตกง่าย  sealer หรือ top coat ยาเคลือบเงาเล็บเป็นน้ำยาที่ใช้ทาทับยาทาเล็บอีกทีหนึ่ง ซึ่งคุณสามารถ  ใช้ยาทาเล็บแบบสีใส ชนิดใดก็ได้มาทาเพื่อการนี้ ซึ่งจะช่วยลดการกร่อน และแตกของเล็บได้ คุณสามารถใช้ยาทาเล็บใสนี้ได้ทุกวัน เพื่อช่วยปกป้องและคงความชุ่มชื้นให้เล็บ

          สำหรับเล็บที่แต่งด้วยยาทาเล็บเป็นประจำ จะทำให้เล็บมีสีเหลือง ดังนั้นลองแช่นิ้วมือ และเท้าในน้ำ ควรใช้น้ำมะขามที่ผสมน้ำทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก หรือจะใช้มะนาวฝานมาถูเล็บบ่อยๆ

          หลังล้างมือ คุณควรทาครีมหรือโลชั่นเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เล็บและมือของคุณ ที่เสียไปเพราะฤทธิ์ของสบู่และน้ำยาล้างมือ การใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น วาสลีน จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากหลังล้างมือแล้ว การทาก่อนนอนก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสุขภาพเล็บที่ดีนะค่ะ

          บางครั้งยาทาเล็บ คราบสกปรก หรือแม้แต่เชื้อแบคทีเรีย อาจฝังอยู่บนเล็บเป็นรอยเลอะๆ ได้โดยใช้ สำลีชุบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (น้ำยาล้างแผล) บีบลงตามซอกเล็บทิ้งไว้สักครู่ สิ่งสกปรกจะลอยออกมา แล้วใช้ไม่พันสำลีเล็กๆ เช็ดออก คุณก็ไม่ต้องแคะซอกเล็บให้เจ็บนิ้ว หรือจะใช้น้ำสบู่และแปรงสีฟันแปรงขัดออกขณะอาบน้ำก็ได้ แล้วหลังจากนั้นอย่าลืมทาครีมบำรุงเล็บด้วย



  โดยสรุปแล้ววิธีดูแลปกป้องรักษาทะนุถนอมเล็บมี 7 ข้อมาให้คุณๆ ที่รักเล็บมาปฏิบัติกันนะค่ะ

            1. อย่าล้างมือบ่อยเกินไป หลังล้างมือแล้ว เช็ดให้แห้ง เป่าลมร้อนช่วยด้วยจะยิ่งทำให้เล็บแห้งได้สนิท ทาโลชั่นที่บำรุงมือและเล็บโดยเฉพาะ (Hand and nail) อย่างสม่ำเสมอ

           2. เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บ ถ้าจำเป็นต้องล้างจาน ซักผ้า ถูบ้าน เพราะเล็บจะมีความอ่อนนุ่ม ทำให้ง่ายต่อการตัดแต่ง แต่ถ้าหากไม่รอหลังอาบน้ำให้แช่เล็บในน้ำอุ่น สัก 5 นาทีก่อนตัดเล็บ

          3. พยายามทาสีเล็บให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เล็บได้พักผ่อน หลีกเลี่ยงการเพ้นท์สีเล็บที่อาจจะมีสารเคมีทำลายเนื้อเล็บได้  แต่ถ้าอยากจะทำควรเลือกเป็นสีทาเล็บที่มีคุณภาพ และช่วยถนอมเล็บด้วย ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทาเล็บชนิดแห้งเร็วที่มีส่วนผสมของ อะซิโตน (acetone) เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากเล็บของเรา ทำให้เล็บแห้งและลอกหลุดได้ง่าย และก่อนการทาเล็บทุกครั้ง ควรใช้น้ำยาเคลือบเล็บชนิดใสทาก่อนที่จะลงสี จะช่วยไม่ให้เล็บเสียความชุ่มชื่น และลดการสัมผัสกับสีทาเล็บโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เล็บเหลืองได้ง่าย หลังจากนั้นเคลือบทับด้วยน้ำยาชนิดใสอีกครั้ง ก็จะช่วยให้สีทาเล็บติดทนนานยิ่งขึ้น

          4. ควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บบ่อยๆ ที่ร้านเสริมสวย เพราะช่างมักจะแคะเล็ม ตัดจมูกเล็บให้เสียหาย  และการขูดผิวเล็บเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวทำให้เล็บเงางามขึ้น ผิวเล็บเรียบ และดูมีสุขภาพดีขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ขูดลอกหน้าเล็บ ดันจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ หลังจากนั้น ใช้แผ่นขัดเล็บ ซึ่งคล้ายกระดาษทราย ขัดหน้าเล็บเบา เพื่อให้ผิวหน้าเล็บเรียบสม่ำเสมอ แล้วใช้แผ่นขัดทำความสะอาดเล็บ ถูเบาๆ เพื่อให้ฝุ่นและเศษเล็บที่มองไม่เห็นหลุดออกไป จากนั้นใช้แผ่นขัดเงาซึ่งมีเจลาตินเคลือบอยู่ ขัดถูบนหน้าเล็บเบาๆ ก็จะได้เล็บที่เงางามดูมีสุขภาพดี การขัดเงาเล็บแต่ละครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์

          5. ตัดเล็บให้มีขนาดสั้นพอประมาณ เพราะการไว้เล็บยาวเกินไปอาจทำให้เล็บเกิดฉีกขาดได้ง่ายควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้านั้น พยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุดเพื่อลดการสะสมของความสกปรกตามซอกเล็บและโอกาสเกิดเล็บขบ ไม่ควรตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ งัดแงะขอบเล็บ จมูกเล็บ เพราะอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบได้  และอีกสิ่งที่มาควบคู่กับการตัดเล็บก็คือการตะไบ การตะไบเล็บให้สวย ถ้าหากใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเหล็ก ควรตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีก แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซรามิคสามารถตะไบสวนทางกันได้ นอกจากนี้ การตะไบเล็บควรตะไบจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอ

          6. การเปลี่ยนสีเล็บบ่อยๆ มากกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ทำให้เราต้องล้างเล็บมากขึ้น และน้ำยาล้างทำความสะอาดเล็บนี่เองจะเป็นตัวกัดหน้าเล็บของเราให้กร่อน เป็นหลุมเป็นขุยได้เหมือนกัน นอกจากนี้ควรมีเวลาให้เล็บได้ว่างเว้นจากการทาสี เพราะนอกจากเล็บจะได้พักหรือฟื้นสภาพที่เสียไปแล้ว ยังเป็นโอกาสให้เราได้สังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเล็บอีกด้วย การต่อเล็บ หรือการตกแต่งประดับเล็บนั้น ควรทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และต้องใช้อุปกรณ์ที่สะอาด และมีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการแพ้หรือการสะสมของเชื้อโรค หากชื่นชอบการต่อเล็บและตกแต่งเล็บด้วยเครื่องประดับ ต้องหมั่นสังเกตดูว่า เล็บเกิดมีจุดดำ หรือเปลี่ยนสี หรือผิดรูปหรือเปล่า

          7. การล้างทำความสะอาดเล็บ ควรล้างมือและเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ ใช้แปรงนุ่มๆ ขัดตามซอกเล็บเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด ชโลมด้วยครีมบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับมือและเล็บ

  ปัญหากวนใจเรื่องเล็บ

          หนังกำพร้ารอบๆ เล็บ หนังรอบๆ เล็บที่ฉีก หรือด้าน แช่มือในน้ำอุ่นสักครู่แล้วชโลมด้วยวาสลีนหรือโลชั่น ใช้เครื่องมือสำหรับดันหนังที่มีลักษณะป้าน หรือใช้ขอบผ้าเช็ดตัวนุ่มๆ ดันหนังส่วนเกินออกไปรอบๆ หลังจากนั้นใช้กรรไกรสำหรับตัดหนังตัดเล็มหนังส่วนเกินออกระวังการตัดลึกจนเกินไป เพราะอาจเป็นทางเปิดให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและเกิดการอักเสบได้

          เมื่อเกิดเล็บขบไม่ควรนำของแหลมคมไปแงะบริเวณที่เกิดอาการ หมั่นรักษาความสะอาด อาจใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ เช็ดรอบๆ และอาจใช้สำลีสะอาดชิ้นเล็กๆ ไปดันไว้ระหว่างเล็บกับผิวหนังเพื่อไม่ให้เล็บนั้นทิ่มเข้าไปในเนื้อจนเกิดแผล แต่ถ้าหากเกิดการบวมและมีหนองมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการเจาะระบายหนองออก เมื่อหายจากเล็บขบแล้ว หันมาเลือกรองเท้าที่สวมใส่สบายและตัดเล็บให้ถูกวิธีด้วยนะคะ

          ถ้าเล็บเหลืองจากการทาสีเล็บ รักษาได้โดยลูกมะนาวผ่าครึ่งมาถูบนเล็บที่เหลืองบ่อยๆ แล้วชโลมด้วยครีมบำรุง อีกวิธีหนึ่งให้นำน้ำอุ่นผสมน้ำมะขามเปียกพอประมาณ มาแช่เล็บมือเล็บเท้าสักสิบนาทีแล้วล้างออก วิธีสุดท้าย ใช้สำลีชุบน้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิ้ล มาวางแปะไว้บนผิวเล็บ สักหนึ่งนาที ก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องเล็บเหลืองได้

  การเลือกใช้อุปกรณ์ในการทำเล็บให้เป็นก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ

          กรรไกรตัดเล็บ หรือมีดตัดเล็บ แบ่งเป็นสามประเภทใหญ่ๆ คือ

          แบบคลิปเปอร์ คืออุปกรณ์ตัดเล็บที่เราคุ้นเคยกันดีที่สุด และใช้บ่อยที่สุด ความโค้งของปากตัดมีน้อย เหมาะสำหรับการตัดเล็บให้สั้น ไม่เหมาะสำหรับการแต่งเล็บที่มีความยาว หลังการตัดจะก่อให้เกิดความคมของเล็บทำให้ต้องตะไบซ้ำ

          แบบคีม เหมาะหรับการตัดเล็บที่มีความแข็งมาก และปลายแหลมของคีมช่วยให้การตัดเข้าซอกเข้ามุมทำได้ง่าย และต้องตะไบตามเช่นกัน อายุการใช้งานจะนานกว่า และเมื่อหมดคมก็สามารถนำไปลับคมกลับมาใช้อีกได้

          แบบกรรไกร ปลายกรรไกรจะโค้งเล็กน้อย เหมาะสำหรับการตัดแต่งเล็บให้เป็นรูปทรงต่างๆ เพื่อความงามมากที่สุด เพราะไม่ก่อให้เกิดเสี้ยนเล็บไม่ต้องตะไบตาม ไม่เหมาะสำหรับการตัดเล็บแข็ง และสามารถลับคมได้เมื่อคมหมดไป

          อุปกรณ์สำหรับตัดหนัง มีสองประเภท คือ

          แบบคีม เหมาะกับการตัดหนังตามซอกเล็บมากกว่า เพราะจะง่ายต่อการใช้งาน

          แบบกรรไกร ใช้เล็มหนังที่ไม่อยู่ตามซอกเล็บ และการใช้งานกรรไกรตัดหนังนั้น ต้องให้ปลายกรรไกรด้านโค้งหันออกจากหนังที่ตัดเสมอ

           ตะไบเล็บ มีให้เลือก 2 แบบคือ

          แบบโลหะ ข้อดีคือราคาถูกกว่าแต่อายุการใช้งานสั้น หาซื้อง่ายและใช้กันทั่วไป การตะไบด้วยตะไบโลหะนั้นต้องตะไบไปในทิศทางเดียว ไม่เช่นนั้นเล็บจะเกิดเสี้ยนคม

          แบบเซรามิค มีราคาแพงกว่า อายุการใช้งานยาวกว่า และสามารถตะไบเล็บสวนทางกลับไปมาได้ แต่ต้องใช้อย่างระวังไม่ให้หล่นบ่อยๆ เพราะจะแตกเสียหาย

          อุปกรณ์แคะเล็บ (nail cleaner) มีลักษณะปลายแหลมแต่ไม่คม และมีความโค้งเป็นหลังเต่าใช้สำหรับแคะสิ่งสกปรกออกจากใต้เล็บ หรือซอกเล็บ นอกจากนี้ยังใช้ดันหนังรอบเล็บได้ด้วย

          อุปกรณ์สำหรับขูดผิวเล็บ (nail scraper)

          มีลักษณะแบน และปลายมน ไว้สำหรับขูดเบาๆ บนหน้าเล็บ เพื่อทำความสะอาด กำจัดขี้ไคลเล็บ และช่วยให้ผิวเล็บเรียบขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการผลัดเซลล์ผิวหน้าเล็บอีกด้วย

          nail knife เป็นอุปกรณ์ที่มีปลายเหมือนมีดขนาดเล็กมีสองแบบ

          แบบมีดทั่วไป ไว้สำหรับกรีดตัดหนังส่วนเกินที่อยู่ติดกับเนื้อเล็บ แต่ความคมของมีดนี้ไม่สามารถก่อให้เกิดบาดแผลในระหว่างการใช้งานได้

          แบบที่สอง เป็นรูปตัววีคว่ำ ความคมจะอยู่ขอบด้านในของตัววี ไว้สำหรับตัดขูดหนังข้างเล็บ โดยให้มุมของตัววีแนบไปกับขอบเล็บดันจากโคนเล็บออกไปหาปลายเล็บเบา ห้ามสวนทางเป็นอันขาดเพราะจะทำให้เกิดแผลปากฉลามขึ้นได้

          แผ่นขัดเงาเล็บ ในหนึ่งแผ่นจะมีสามส่วน คือ ส่วนขัดหยาบ ทำให้ผิวหน้าเล็บเรียบสม่ำเสมอ ส่วนที่สองใช้ขัดเพื่อปัดเศษสิ่งสกปรกออกจากเล็บ ส่วนที่สามคือส่วนที่ใช้ขัดเงาเล็บ ส่วนนี้จะมีเจลาตินเคลือบอยู่ เมื่อถูเบาๆ บนเล็บจะทำให้เจลาตินนั้นเคลือบผิวหน้าเล็บให้เงางาม

          และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อหลังใช้งานอุปกรณ์เกี่ยวกับเล็บแล้วอย่าลืมทำความสะอาดทุกครั้งนะคะ อุปกรณ์ที่เป็นโลหะ ก็ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ เช็ดและผึ่งให้แห้ง ถ้ามีข้อต่อก็หยอดน้ำมันเสียหน่อย กันฝืดและกันสนิม

ข้อควรรู้ก่อนการสีเล็บ

           การที่จะทำเล็บแบบนี้ให้สวยนั้น คือ คุณต้องมีเล็บที่ยาวพอประมาณและตะไบเล็บให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมโดยเริ่มตะไบที่ด้านข้างของเล็บให้เฉียงเข้าไปในเล็บนิดหน่อย จากนั้นตะไบตรงปลายเล็บให้ตรง พอเล็บได้รูปแล้ว

          ใช้น้ำยาทาเล็บสีขาวด้านมาทาที่บริเวณปลายเล็บ โดยใช้ด้านข้างของแปรงทาเล็บเริ่มทาจากขอบเล็บด้านนึงไปอีกด้านนึง รอให้แห้งแล้วจึงทาทับอีกรอบให้เรียบ แล้วทิ้งให้แห้ง เมื่อแห้งแล้ว ให้ทาเล็บด้วยน้ำยาเคลือบเล็บแบบใส แล้วทาซ้ำอีกรอบด้วยน้ำยาเคลือบเงา เพื่อให้เล็บดูมันวาวมากยิ่งขึ้น

          ข้อสำคัญของการทาเล็บให้สวยคือ น้ำยาทาเล็บที่ใช้จะต้องไม่ข้นจนเกินไป เพราะจะทำให้ทายากและทาได้ไม่สวย และระหว่างทา ควรจะวางมือทั้งสองข้างไว้บนโต๊ะ จะทำให้ทาเส้นขอบเล็บได้ตรงขึ้นเพียงเท่านี้ คุณก็จะได้มีเล็บ French ที่สวยงามทันสมัย และยังช่วยป้องกันไม่ให้เล็บฉีกง่าย อีกด้วย

          ก่อนจะทาเล็บให้แช่มือในอ่างน้ำที่บีบมะนาวหรือน้ำส้มไว้นิดหน่อย แช่ไว้สักพักหนึ่งจะช่วยให้เล็บนิ่ม และมือนุ่ม เป็นการเตรียมพร้อมก่อนทาเล็บ

          การใช้น้ำยารองพื้นเล็บทาเป็นชั้นแรก หรือ Base Coat ก็เป็นการดูแลเล็บที่ดีนะคะ เพราะเวลาทาเล็บที่ดีนะคะ เพราะเวลาทาเล็บสีเข้มๆ เช่น แดงสด เล็บมักจะเหลือง ถ้ารองพื้นไว้จะช่วยได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีน้ำยารองพื้น ใช้ยาทาเล็บสีใสพอแทนกันได้ค่ะ

            เวลาป้ายสีทาเล็บ ไม่ควรจะป้ายเกิน 3 ครั้ง จะเริ่มจากตรงกลาง-ซ้าย-ขวา หรือจะ ขวา-กลาง-ซ้ายก็ได้ค่ะ

            อย่าลงสีเล็บเกิน 2 ชั้นนะคะ เพราะว่าจะหนาไปดูไม่สวย

            น้ำยาทาทับชั้นบน หรือ Top Coat ก็ดีนะคะ เพราะจะช่วยสีไว้ให้สวยงาม และป้องกันสีจางจากแสงแดดด้วย

            ถ้ายาทาเล็บระเหยจนข้นเหนียว เติมทินเนอร์หยดลงหน่อย ก็ใช้ทาต่อได้แล้วค่ะ

            ควรเก็บยาทาเล็บไว้ในที่เย็น พ้นแสงแดดปิดฝาให้สนิทกันระเหย หรือจะเก็บในตู้เย็นก็ได้นะคะ

            เลือกยาทาเล็บ ควรดูส่วนผสมด้วย ยาล้างเล็บที่ดีควรไม่มี Acetone หรือที่เขียนว่า Acetone Free เจ้าอาซีโทนนี้ก็คือ แอลกอฮอล์นั่นแหละค่ะ ตัวที่จะทำให้ผิวเล็บแห้งและหักง่าย

          ยาล้างเล็บที่มีส่วนผสมของ Lemon หรือน้ำมะนาวก็ดีนะคะ จะช่วยบำรุงพื้นผิวเล็บค่ะ

          อาหารบำรุงเล็บ เพื่อเล็บที่แข็งแรง ไม่เปราะและหักง่ายควรเลือกกินอาหารจำพวกปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาหิมะ ปลาเฮอริง หรือปลากระป๋องที่เป็นปลาแมคเคอเรลก็ดีนะคะ อาหารที่มี Zinc สูงก็เหมาะค่ะ เช่น ธัญพืช ไข่แดง เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล





เล็บแบบไหน ทาสีอะไรดี

          เล็บกว้าง ปลายบาน....ควรหลีกเลี่ยงสีเข้มๆ ประเภทแดงอมดำ หรือน้ำตาลช็อกโกแลต สีเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เล็บของคุณดูเรียวขึ้น แต่จะทำให้ดูกว้างขึ้นด้วยซ้ำ ทาสีหวานๆ สดใสดีกว่า

          เล็บเรียวและเว้าลึก...ถึงแม้จะเป็นเล็บที่สวยตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีโทนสีที่สามารถทำให้เล็บของคุณสวยน้อยลง เช่น สีแวววาว เมทัลลิค เล็บของคุณจะดูสวยกว่าและน่ามองเมื่อทาสีออกด้านๆ แดงเลือดหมูก็ดูดีนะคะ

         เล็บสั้นและตื้น...ถ้าไม่อยากให้เล็บของคุณดูสั้นลงล่ะก็ ไม่ควรทาสีซีดๆ ประเภทโทนส้มหรือแดงนั่นแหละค่ะ ทาสีใสๆ ให้ดูใกล้เคียงธรรมชาติจะดูเล็บสวยและสะอาดตาน่ามอง



            เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย

                         คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ดูแลเล็บอย่างไร ให้สวย เนียนนุ่ม และมีเสน่ห์ อัปเดตล่าสุด 6 พฤษภาคม 2558 เวลา 13:14:16 60,780 อ่าน
TOP