x close

50 ไอเดียง่าย ๆ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น


happy

 
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
 
          เคยมีคนบอกว่าร่างกายและจิตใจของเราเชื่อมถึงกัน ต่อให้เราป่วยหนัก ถ้ากำลังใจดี อาการของเราก็จะดีขึ้นได้ ในทางกลับกัน ถ้าเราเครียดมาก ๆ จากที่สุขภาพแข็งแรงดีก็จะกลายเป็นล้มป่วยได้ เพราะฉะนั้นขอแค่เพียงทั้งสุขภาพและอารมณ์ของเราดีแล้ว เราก็จะมีความสุข และเพื่อให้ทุกคนมีร่างกายที่แข็งแรงอารมณ์ดีตลอดเวลา วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำเอาไอเดียดี ๆ เพื่อเปลี่ยนมุมมองและรูปแบบการใช้ชีวิตมาให้ลองอ่านกันดู
 
1. ใส่เสื้อผ้าสีสด ๆ
 
          แม้ว่าสีขาวดำจะใช้ได้ดีในทุกโอกาสก็ลองเปลี่ยนมาใส่สีสันสดใสอย่างสีชมพูหรือสีเหลืองดูบ้าง จะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมั่นใจขึ้นด้วย ผิดกับการใส่แต่สีขาวดำทุกวันที่ทำให้คุณดูเป็นคนไม่สนุกสนานและน่าเบื่อ
 
2. วิ่งวันละ 20 นาที
 
          ไม่จำเป็นต้องออกไปวิ่งข้างนอก คุณก็สามารถวิ่งด้วยเครื่องวิ่งที่บ้านได้ แค่วันละ 20 นาทีก็สามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้หลายกิโลแคลอรี่แล้ว ที่สำคัญเวลาวิ่งก็ไม่ต้องไปจับราว ปล่อยมือไปตามสบายเลย จะทำให้คุณได้วิ่งเต็มที่มากขึ้น
 
3. วอร์มร่างกาย
 
         ควรวอร์มร่างกายทุกครั้งก่อนออกกำลังกาย ร่างกายจะได้ไม่ต้องรับภาระหนักจนเกินไป เพียงแค่วิธีง่าย ๆ อย่างการเหวี่ยงแขนไปมาก็พอแล้ว
 
4. ยืนเล่นคอมพิวเตอร์
 
          วิธีแก้อาการปวดหลังปวดไหล่ที่เกิดจากการนั่งเล่นคอมพิวเตอร์นาน ๆ นั้นแก้ได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณวางคอมพิวเตอร์ให้สูงขึ้น แล้วเปลี่ยนจากนั่งเป็นยืนบ้างก็เพียงพอแล้ว หรือถ้าหากไม่สามารถยืนได้ เวลาที่รู้สึกเมื่อยก็ควรพัก ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วลุกไปทำอย่างอื่นบ้าง แต่ถ้าผละจากหน้าจอไม่ได้จริง ๆ วิธีสุดท้ายคือเลือกนั่งบนสวิสบอลซึ่งช่วยในการออกกำลังกายไปในตัวแทนการนั่งเก้าอี้ทำงาน
 
5. ปั่นจักรยานไปเที่ยว
 
          นอกจากจะได้ช่วยโลกลดมลภาวะแล้ว คุณยังได้ช่วยแก้ปัญหารถติด แถมยังได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย
 
6. เดินขึ้นบันได
 
          ถ้าวันไหนไม่รีบมาก เดินขึ้นบันไดดูบ้างก็ได้ จะได้ไม่ต้องไปต่อคิวรอขึ้นลิฟท์กับคนอื่น แล้วก็จะได้เป็นการฝึกตัวเองให้ออกกำลังกายวันละเล็กน้อย
 
7. จอดรถไกล ๆ บ้างก็ได้
 
          ไม่จำเป็นต้องวนหาที่จอดรถหลายรอบเพื่อให้ได้ที่ใกล้ ๆ ยอมขับไปจอดไกล ๆ บ้างก็ได้ จะได้ไม่ต้องคอยแย่งที่กับคนอื่นจนเสียสุขภาพจิต แล้วยังได้เดินออกกำลังกายไปในตัวด้วย
 
8. เดินสบาย ๆ ดูบ้าง
 
          แทนที่จะรีบร้อนวิ่งตลอดเวลา ลองเดินสบาย ๆ ดูบ้าง สำรวจบรรยากาศรอบข้าง สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ตลอดเวลาที่คุณลืมสนใจสิ่งรอบข้าง คุณพลาดอะไรไปบ้าง
 
9. หาเพื่อนออกกำลังกาย
 
          คุณจะได้ไม่เหงาและรู้สึกสนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้คุณกับเพื่อนสนิทกันมากกว่าเดิมอีกด้วย ดีไม่ดี พอน้ำหนักลดด้วยกันทั้งคู่ จะได้มีเพื่อนไปช้อปปิ้งต่อ
 
10. ดื่มน้ำเชอร์รี่สด
 
          เวลาที่ปวดเมื่อยไม่จำเป็นต้องพึ่งยาจากร้านเสมอไป ลองรักษาด้วยวิธีธรรมชาติอย่างการดื่มน้ำเชอร์รี่ดูบ้างก็ได้ เพราะนอกจากจะหวานอร่อยแล้ว สารแอนตี้ออกซิแดนท์ในน้ำเชอร์รี่ยังสามารถช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยได้อีกด้วย
 
ทำอาหาร

11. ทำอาหารกินเองที่บ้าน
 
          จะได้เป็นการพัฒนาฝีมือของตัวเองและประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย นอกจากนี้การทำอาหารกินเองยังช่วยให้คุณไดเอทได้มากขึ้น เพราะจะใส่แต่ส่วนผสมที่ไขมันน้อยอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ ในขณะที่ร้านอาหารบางร้านไม่สามารถทำให้คุณได้
 
12. ลดของทอดซะ
 
          ของทอดอมน้ำมันเป็นตัวการที่ทำให้อ้วน แถมบางร้านที่ใช้น้ำมันเก่ามาทอดใหม่เรื่อย ๆ ยังทำให้คุณเสียสุขภาพอีกด้วย ทางที่ดี หากอยากทานอะไรกรอบ ๆ ร้อน ๆ ก็ควรเลือกทานแบบที่ย่างหรืออบกรอบแทน
 
13. ทานผักปลอดสารพิษ
 
          ยาฆ่าแมลงที่ใช้กันเป็นอันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่คิด ทางที่ดีควรเลือกทานผักปลอดสารพิษไปเสียเลยดีกว่า หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ควรล้างน้ำหลาย ๆ รอบ จนกว่าจะมั่นใจว่าสะอาดแล้วจริง ๆ
 
14. ทานผลไม้สด
 
          เลือกทานผลไม้สด ๆ แทนน้ำผลไม้ แล้วคุณจะได้สารอาหารมากกว่าแน่นอน เพราะน้ำผลไม้ที่คั้นแล้ววางทิ้งไว้จะทำให้วิตามินบางตัวเสียไปได้ และได้กากใยไม่เท่ากินสด ๆ นอกจากนี้ผลไม้สดยังทานแล้วอิ่มกว่าด้วยนะ

15. หันมาทานป๊อปคอร์น
 
          ถ้าเปรี้ยวปากอยากทานขนมเค็ม ๆ กรอบ ๆ ก็หันมาเลือกทานป๊อปคอร์นแทนมันฝรั่งทอด จะช่วยให้คุณลดปริมาณแคลอรี่ที่กินเข้าไปได้เป็นเท่าตัว
 
16. ซอสมะเขือเทศก็อร่อยดี
 
          ถ้าอดใจกินมันฝรั่งทอดไม่ได้จริง ๆ ก็กินคู่กับซอสมะเขือเทศแทนที่จะจุ่มชีสกิน อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณทานไขมันน้อยลง
 
17. องุ่นแช่แข็งอร่อยไม่แพ้ไอติม
 
          ลองเปลี่ยนจากไอติมน้ำตาลเยอะ ๆ ที่ทำให้คุณอ้วนขึ้น มากินองุ่นแช่แข็งดู เพียงแค่เอาองุ่นแช่ทิ้งไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นสัก 1 ชั่วโมง เท่านี้คุณก็จะได้ของหวานอร่อย ๆ ที่อ้วนน้อยกว่าไอติมทานแล้ว
 
18. ลดน้ำเชื่อม
 
          แทนที่จะทานแพนเค้กราดน้ำเชื่อมเยิ้ม ๆ วางผลไม้สดรสหวานหน่อยอย่างเชอร์รี่ลงบนแพนเค้กแล้วค่อยทานจะดีกว่า นอกจากเชอร์รี่จะให้รสหวานไม่ต่างไปจากน้ำเชื่อม ยังช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกเยอะ
 
19. ทานข้าวซ้อมมือ
 
          นำข้าวซ้อมมือมาหุงกินแทนข้าวขาว จะช่วยป้องกันคุณจากโรคเหน็บชาได้ นอกจากนี้ข้าวซ้อมมือก็ยังอร่อยไม่แพ้ข้าวขาวอีกด้วย
 
20. เลือกขนมปังโฮลวีท
 
          เพราะขนมปังโฮลวีทมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์และกากใยอาหารที่ช่วยให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้น ทำให้เราดูดซับพลังงานส่วนเกินน้อยลง จึงดีกับสุขภาพร่างกายมากกว่า เราจึงควรหันมาทานขนมปังโฮลวีทกันให้มากขึ้น และนอกจากขนมปังแล้ว เส้นพาสต้าที่ทานก็ควรเลือกเป็นแบบโฮลวีทด้วย จะได้เป็นการช่วยในการลดน้ำหนักของคุณมากขึ้น


happy

21. พกข้าวกล่องไปทำงาน
 
          การพกอาหารกลางวันไปทานเองจะช่วยให้คุณประหยัดเงินไปได้อีก และยังช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ดีขึ้นจากส่วนผสมที่คุณเลือกทานอีกด้วย
 
22. อย่าอดอาหาร
 
          การลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารเป็นวิธีผิด ๆ เพราะคุณไม่มีทางอดไปได้ตลอดชีวิต สุดท้ายก็ต้องกลับมาอ้วนอีกอยู่ดี นอกจากนี้การอดอาหารยังทำให้คุณเหนื่อยเพลียไปทั้งวันอีกด้วย ทานเท่าที่ควรทานอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า
 
23. มายองเนสไม่ได้อร่อยที่สุดเสมอไป
 
          ไม่จำเป็นต้องซื้อมายองเนสมาเก็บไว้ที่บ้านอีก เวลาอยากทานมายองเนสให้ใช้มัสตาร์ดแทน เพราะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ดีกว่า แถมยังไม่เลี่ยนอีกด้วย
 
24. อย่าทานเนื้อติดมัน
 
          เบคอนถือเป็นของต้องห้ามสำหรับคนที่กำลังไดเอท แทนที่จะทานเนื้อติดมันที่มีไขมันสูงอย่างเนื้อหมูและเนื้อวัว ควรเปลี่ยนมาทานปลาและไก่แทน
 
25. กินช้า ๆ
 
          ทานช้า ๆ ให้ได้รับรู้รสอาหารเต็มที่ จะเป็นการช่วยให้คุณอร่อยกับมื้อนั้นมากขึ้น แถมยังทำให้คุณอิ่มเร็วขึ้น จะได้ทานน้อยลงด้วย

26. ไข่ต้มแทนไข่ดาว
 
          ถ้าปกติชอบทานข้าวกะเพราไก่กับไข่ดาวก็เปลี่ยนมาทานกับไข่ต้มดูบ้าง จะได้ไม่ต้องทานอาหารอมน้ำมันโดยไม่จำเป็น
 
27. เวลากินข้าวอย่าดูทีวี
 
          เลือกทำทีละอย่าง ถ้ารายการโปรดของคุณกำลังฉายอยู่ก็รอให้มันจบแล้วค่อยไปกินที่โต๊ะอาหารเป็นเรื่องเป็นราว เพราะการทานอาหารหน้าจอทีวีจะทำให้คุณเพลินจนทานเยอะขึ้นโดยไม่รู้ตัว
 
28. ทานข้าวเช้าก่อนออกจากบ้าน
 
          แทนที่จะกดเลื่อนเวลานาฬิกาปลุกออกไปเรื่อย ๆ ลุกออกจากเตียงทันทีแล้วไปหาอาหารเช้าง่าย ๆ ทานดีกว่า จะได้ช่วยให้คุณสดชื่นตื่นเต็มตามากขึ้น
 
29. ดื่มกาแฟดำ
 
          หันมาดื่มกาแฟดำเข้ม ๆ แทนลาเต้หวาน ๆ จะช่วยให้คุณได้รสชาติความหอมของกาแฟมากขึ้น และยังทำให้คุณทานน้ำตาลน้อยลงอีกด้วย
 
30. เลือกใช้จานใบเล็ก ๆ
 
          การใช้จานใบใหญ่จะทำให้เราทานมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เปลี่ยนมาใช้จานใบเล็กขนาดสัก 8 - 10 นิ้วก็พอ 
 
อาหารเพื่อสุขภาพ

31. เทขนมใส่ชาม
 
          ไม่ว่าจะทานขนมขบเคี้ยวหรือซีเรียลก็อย่าทานในห่อหรือกล่องขนมเลย เทใส่ชามเพียงเล็กน้อยแล้วปิดปากถุงไว้ก่อน จะได้ทานเพียงวันละเล็กน้อย ไม่ใช่ทานจนหมด
 
32. ใช้ตะเกียบทาน
 
          การใช้ตะเกียบคีบแทนการใช้ส้อมจิ้มจะทำให้คุณทานช้าลงและอิ่มเร็วขึ้น แถมยังได้บรรยากาศแบบเอเชียแท้ ๆ ดีด้วย
 
33. จ่ายตลาดตอนท้องอิ่ม
 
          เวลาที่เราอิ่มท้องเห็นอะไรก็ไม่รู้สึกอยากทานเท่าเวลาปกติ ฉะนั้นควรออกไปซื้ออาหารมาเก็บในเวลานั้นจะได้ไม่ซื้อเยอะจนเกินตัว คุณจะได้มีแต่อาหารที่สดใหม่และทานน้อยลงด้วย
 
34. จำไว้ว่าความเสียดายเป็นบ่อเกิดของความอ้วน
 
          เวลาที่รู้สึกอิ่มแล้วก็ควรเลิกกินทันที ไม่ควรนั่งกินต่อแล้วอ้างว่าเสียดายของ เพราะการทำแบบนั้นมีแต่จะทำให้คุณอ้วนขึ้นเปล่า ๆ ทางที่ดีควรทำอาหารเพียงมื้อเล็ก ๆ แต่แรก เพื่อไม่ให้ทานเยอะเกินไป
 
35. งดเครื่องดื่มชูกำลัง
 
          เครื่องดื่มชูกำลังขวดหนึ่งมีน้ำตาลมากพอ ๆ กับโดนัทหกชิ้น ลองคิดดูสิว่าการดื่มเป็นประจำจะทำให้คุณอ้วนขึ้นแค่ไหน ดังนั้น เวลาที่รู้สึกเหนื่อยควรงีบหลักสัก 10 นาทีก็เพียงพอแล้ว
 
36. ขอบคุณทุกบทเรียนที่เข้ามา
 
          ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย จงขอบคุณที่มันเข้ามาในชีวิต เพื่อเปลี่ยนให้คุณเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งมากขึ้น
 
37. หัดนั่งสมาธิ
 
          เวลาเจอปัญหาหรือรู้สึกเครียด ไม่จำเป็นต้องหาช็อกโกแลตมาทานปลอบใจ ลองนั่งสมาธิดู ปล่อยวางความเครียดทิ้งไปซะ จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเยอะ
 
38. เล่นโยคะวันละนิด
 
          สละเวลาเล่นเฟซบุ๊กของคุณมาเล่นโยคะอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง เพื่อให้รูปร่างดีขึ้น และช่วยให้กับคุณไม่ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์มากเกินไปด้วย
 
39. มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ
 
          แทนที่จะเก็บความโกรธไว้เรื่อย ๆ จนกว่ามันจะระเบิดแล้วพูดทีเดียว สู้พูดออกมาตามที่คิดแต่แรกดีกว่า คุณจะได้เข้าใจกันมากขึ้น และไม่ต้องเก็บเรื่องต่าง ๆ มาเครียดอยู่ฝ่ายเดียว

40. เขียนบันทึก
 
          การเขียนบันทึกก็เป็นวิธีระบายความเครียดที่ดี แถมยังช่วยให้คุณมีความทรงจำเก่า ๆ ได้เก็บไว้อ่านในอนาคตอีกด้วย

สุขภาพดี
 
41. ตั้งเสียงนาฬิกาปลุกสนุก ๆ
 
          เลือกเพลงตลก ๆ หรือเพลงสนุก ๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกดีมาใช้ จะได้รู้สึกว่าการตื่นเช้าไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อนัก จะลองเอาเพลงประกอบการ์ตูนตลก ๆ มาใช้ก็ไม่เลว
 
42. ทางเดียวกันไปด้วยกัน
 
          เพื่อนร่วมทางจะช่วยให้การเดินทางน่าเบื่อน้อยลง แถมยังช่วยลดมลพิษกับปัญหารถติดอีกด้วย เพราะฉะนั้นลองหาเพื่อนสักคนนั่งรถไปด้วยกันน่าจะดี
 
43. เลิกถอนหายใจ
 
          การถอนหายใจนอกจากจะไม่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นแล้ว ยังพาลให้คนรอบข้างพาลรู้สึกแย่ไปด้วยเปล่า ๆ ฉะนั้นเวลาที่รู้สึกเครียด สูดหายใจเข้าปอดช้า ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกจะดีกว่า จะเป็นการช่วยให้คุณรู้สึกใจเย็นขึ้นด้วย
 
44. อ่านหนังสือก่อนนอน
 
          การอ่านเป็นการช่วยฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง และช่วยทำให้คุณเป็นคนมีจินตนาการมากขึ้นด้วย ฝึกตัวเองให้อ่านหนังสืออย่างน้อยแค่วันละบทก่อนเข้านอน จะช่วยฝึกให้คุณเป็นคนรักการอ่านมากขึ้น
 
45. นอนให้เป็นเวลา
 
          ตั้งนาฬิกาเตือนตัวเองให้เข้านอนเวลาเดิมทุกวัน การนอนเป็นเวลาจะช่วยให้คุณพักผ่อนได้เต็มที่มากขึ้น และยังช่วยแก้ปัญหานอนไม่หลับอีกด้วย
 
46. มีอะไรก็ปรึกษาเพื่อน
 
          อย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ระบายให้เพื่อนที่ไว้ใจได้สักคนฟัง คุณจะได้สบายใจมากขึ้น และไม่รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว แถมยังอาจได้คำแนะนำดี ๆ จากเพื่อนด้วย
 
47. ยิ้มบ่อย ๆ
 
          การยิ้มแม้ในเวลาที่ไม่สบายใจจะช่วยให้คุณเป็นคนเข้มแข็งขึ้น เพราะเวลาที่คุณยิ้มและมองโลกในแง่ดี จะช่วยให้สิ่งดี ๆ เข้ามาหาคุณในที่สุด
 
48. รักตัวเองให้มาก
 
          แทนที่จะโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา ด้วยการต่อว่าตัวเองกับความผิดที่ผ่านมาแล้ว ลองชื่นชมข้อดีของตัวคุณบ้าง คุณจะได้รู้ว่า คุณก็มีค่าไม่แพ้ใคร ๆ บนโลกนี้
 
49. เลิกหาข้ออ้างให้กับตัวเอง
 
          อย่าอ้างว่าทำไม่ได้ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ ไม่มีความล้มเหลวอะไรน่ากลัวเท่าการปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย
 
50. โทรหาเพื่อน ๆ บ้าง
 
          คุณกดโทรศัพท์หาเพื่อนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ส่งข้อความให้น้อยลง แล้วโทรหาเพื่อนให้บ่อยขึ้น เพราะการโทรหากันนั้นทำให้รู้สึกอบอุ่นมีกำลังใจมากกว่าการส่งข้อความหลายเท่าตัว
 
          ลองทำตามนี้ดู แล้วคุณจะได้รู้ว่า เพียงแค่ลองเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันและมุมมองความคิดเล็กน้อยเท่านี้ คุณก็สามารถมีความสุขในทุก ๆ วันได้แล้ว ^___^


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย 

 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
50 ไอเดียง่าย ๆ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น อัปเดตล่าสุด 29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 10:33:11 2,817 อ่าน
TOP