มะเร็งกระเพาะอาหาร อาการเริ่มต้นจากท้องอืด รู้ตัวช้าอาจระยะสุดท้ายแล้ว

          มะเร็งกระเพาะอาหาร นับเป็นโรคมะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่พบได้ไม่บ่อยนัก และถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว เพราะหลายคนกว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งก็ลามถึงขั้นระยะสุดท้ายเสียแล้ว ดังนั้น เราควรจะไปรู้จักสาเหตุและอาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร เพื่อเช็กตัวเองกันค่ะ



          มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือ Cancer of stomach, Gastric cancer เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุภายในโพรงกระเพาะอาหาร ทั้งนี้มักพบผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะสุดท้ายแล้ว เนื่องจากผู้ป่วยจะมาหาหมอเมื่อปรากฏอาการชัดเจน

สาเหตุของมะเร็งกระเพาะอาหาร

          สาเหตุของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น

          - พันธุกรรม ผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มากกว่าผู้ที่ไม่มีพันธุกรรมของโรคนี้

          - เกิดจากการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) ในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องเป็น ๆ หาย ๆ แบบโรคกระเพาะ เมื่อติดเชื้อนี้จะมีอาการอักเสบและเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหารจึงเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร

          - ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคกระเพาะอักเสบเรื้อรังบางชนิด หรือเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร

          - การสูบบุหรี่จัด ดื่มสุรามาก

          - การรับประทานอาหารรสเค็มจัด หรือมีสารผสมบางอย่างในเนื้อสัตว์หมัก อาหารหมักดอง รมควัน หรืออาหารใส่ดินประสิว เช่น ไส้กรอก แหนม กุนเชียง

          - รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีน้อย เช่น ผัก ผลไม้ สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้เช่นกัน

มะเร็งกระเพาะอาหาร

กลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

          - อายุ โดยปกติจะพบมะเร็งกระเพาะอาหาร ในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป

          - เพศ มักพบโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 2 เท่า

          - เชื้อชาติ มักพบชาวเอเชียเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มากกว่าชนชาติอื่น ๆ

          - ผู้ที่มีประวัติเคยผ่าตัดกระเพาะอาหาร มานานกว่า 20 ปี

          - พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติป่วยโรคนี้ ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

          - กรุ๊ปเลือด คนกรุ๊ปเอจะมีความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่น ๆ

          - ผู้เป็นโรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง (Pernicious Anemia) ซึ่งเกิดจากการขาดวิตามินบี 12 จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่าคนทั่วไป

อาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร

          ในระยะเริ่มแรกของมะเร็งกระเพาะอาหาร จะยังไม่มีอาการผิดปกติแสดงออกมา ต่อมาถ้าก้อนมะเร็งโตขึ้น ผู้ป่วยจะปวดท้อง รู้สึกหิวง่าย อาหารไม่ย่อย ท้องอืด แสบร้อนบริเวณหน้าอก แน่นตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือเหนือสะดือแบบเดียวกับโรคกระเพาะ ทำให้ผู้ป่วยคิดว่าเป็นโรคกระเพาะธรรมดา กินยารักษาโรคกระเพาะอาการก็ทุเลาได้ แต่ต่อมายารักษาโรคกระเพาะรับประทานไม่ได้ผล จะมีอาการรุนแรงอื่น ๆ ตามมา เช่น

          - คลื่นไส้ อาเจียน

          - อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ (เป็นสีเลือดเก่าที่ตกค้าง)

          - คลำพบก้อนแข็งในท้อง ตรงบริเวณเหนือสะดือ แต่กดแล้วไม่เจ็บ
         
          - เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

          - กลืนอาหารลำบาก

          - คลำพบก้อนต่อมน้ำเหลืองที่แอ่งไหปลาร้าข้างซ้าย

          หากพบอาการเหล่านี้ แล้วไม่ไปรักษา ปล่อยให้มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะต่าง ๆ จะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนตามมา เช่น

          * มะเร็งลามไปตับ จะมีอาการดีซ่าน หรือตาเหลือง ท้องบวมน้ำ

          * มะเร็งลามไปปอด จะมีอาการหายใจ หอบ เหนื่อย หายใจลำบาก

          * มะเร็งอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ จะมีอาการปัสสาวะไม่ออก หรือออกน้อย ไตวาย

          * มะเร็งอุดตันกระเพาะลำไส้ จะเกิดอาการปวดท้อง อาเจียน กินอาหารไม่ได้

          * ภาวะตกเลือด ทำให้อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ หน้าตาซีดเซียวเพราะเสียเลือด เป็นต้น

มะเร็งกระเพาะอาหาร


อาการมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะต่าง ๆ

          มะเร็งกระเพาะอาหาร แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คล้าย ๆ กับโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ คือ

          มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 1 : จะเป็นมะเร็งที่ผิวด้านในของผนังกระเพาะอาหาร และอาจลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองไม่เกิน 6 ต่อม หรือลุกลามไปถึงขั้นกล้ามเนื้อของผนังกระเพาะอาหาร แต่ยังไม่เข้าต่อมน้ำเหลือง

          มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 2 : จะเป็นมะเร็งที่ผิวด้านในของกระเพาะอาหาร และเข้าต่อมน้ำเหลืองไม่เกิน 15 ต่อม หรือลุกลามเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อของผนังกระเพาะอาหาร  และเข้าต่อมน้ำเหลืองไม่เกิน 6 ต่อม หรือมะเร็งกระเพาะอาหารลุกลามถึงผิวนอกของผนังกระเพาะอาหาร แต่ยังไม่เข้าต่อมน้ำเหลือง

          มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 3 : ระยะนี้มะเร็งกระเพาะอาหารอยู่ที่ชั้นกล้ามเนื้อ  และเข้าต่อมน้ำเหลืองไม่เกิน 15 ต่อม หรือมะเร็งลุกลามถึงผิวนอกของกระเพาะอาหาร และเข้าต่อมน้ำเหลืองไม่เกิน 15 ต่อม หรือลุกลามไปถึงอวัยวะใกล้เคียง แต่ยังไม่เข้าต่อมน้ำเหลือง

          มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 4 : มะเร็งแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น ๆ แล้ว หรือเข้าต่อมน้ำเหลือง มากกว่า 15 ต่อม รวมทั้งเข้าต่อมน้ำเหลือง


การวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

          การวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร แพทย์จะใช้การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งเป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูงสุด และผู้ป่วยไม่เจ็บปวด เพียงแต่อาจรู้สึกพะอืดพะอมบ้าง

          บางครั้งแพทย์อาจจะให้ผู้ป่วยกลืนแป้งแบเรียม แล้วถ่ายภาพเอกซเรย์ของกระเพาะ และลำไส้ ทั้งนี้เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารแล้ว แพทย์อาจจะอัลตราซาวด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อประเมินว่า มะเร็งกระจายตัวไปแค่ไหน อยู่ในระยะไหนแล้ว

การรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

          โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร สามารถรักษาได้โดย

          - การผ่าตัด เป็นวิธีหลักในการรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร อาจเป็นการผ่าตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วน หรือทั้งหมด

          - เคมีบำบัด หรือ ทำคีโม โดยการให้ยาทางหลอดเลือด เพื่อไปทำลายเซลล์มะเร็ง จึงอาจมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เม็ดเลือดขาวลดลง จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น ทำให้เม็ดเลือดแดงลดลงจนมีอาการอ่อนเพลีย เลือดออกง่ายขึ้น อีกทั้งยังเกิดผมร่วงมากขึ้น และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนอีกด้วย

          - รังสีบำบัด หรือการฉายแสง โดยการให้รังสีที่มีพลังงานสูงไปทำลายเซลล์มะเร็ง ในผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร จะให้รังสีบริเวณช่องท้องส่วนบน อาจมีผลข้างเคียงทำให้คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ถ่ายเหลว และมีอาการแดงบริเวณผิวหนังที่ได้รับรังสีได้ แต่อาการเหล่านี้สามารถรักษาได้

          ทั้งนี้ในผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 1-2 แพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหาร และให้เคมีบำบัดต่อเนื่องระยะหนึ่ง เพื่อควบคุมไม่ให้มะเร็งกระจายตัว การรักษาในขั้นนี้เป็นไปเพื่อให้โรคทุเลาลง หายขาด และมีอายุยืนยาว

          แต่สำหรับรายที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมาก ๆ จะต้องให้เคมีบำบัดเป็นหลัก ร่วมกับการฉายแสง การผ่าตัดอาจทำได้เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เช่น มีก้อนมะเร็งไปอุดกั้นทางเดินอาหาร การรักษาขั้นนี้ เป็นไปเพื่อบรรเทาภาวะแทรกซ้อน ไม่ได้มุ่งหวังให้โรคมะเร็งกระเพาะอาหารหายไป

          อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารระยะแรก ๆ ก็สามารถรักษาให้หายได้ แต่หากเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย ก็จะทำได้เพียงแค่ประคับประคอง เพื่อไม่ให้ทุกข์ทรมาน และมักจะเสียชีวิต โดยทั่วไปผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 4 จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แต่หากดูแลรักษาร่างกายให้ดี อาจมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้

มะเร็งกระเพาะอาหาร

วิธีปฏิบัติตัวหากตรวจพบเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร

         ผู้ที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ควรปฏิบัติตัวดังนี้

          - ติดตามรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

          - ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

          - สร้างกำลังใจให้แก่ตนเอง ทำใจยอมรับให้ได้ อาจใช้วิธีการนั่งสมาธิ เจริญสติ สวดมนต์ ภาวนา

          - กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พยายามกินผัก ผลไม้ ถั่วเหลืองให้มาก ๆ

          - หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เท่าที่ร่างกายจะรับได้

การป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร

          ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหารอย่างชัดเจน แต่สามารถป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารได้จากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ คือ

          - รักษาการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori)

          - หลีกเลี่ยงการรับประทานของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด ของปิ้งย่าง

          - รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผัก ผลไม้

          - งดสูบบุหรี่ ดื่มสุราในปริมาณมาก

          - ออกกำลังกายเป็นประจำ

          เห็นได้ว่า มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นเรื่องใกล้ตัวทีเดียว ดังนั้นหากใครมีอาการของโรคกระเพาะอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนนานเกินกว่า 4 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม และหากมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ตัวเหลือง ตาเหลือง น้ำหนักลด เพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว


***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 09.44 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560


ขอบคุณข้อมูลจาก
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- โรงพยาบาลสงขลานครินทร์


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มะเร็งกระเพาะอาหาร อาการเริ่มต้นจากท้องอืด รู้ตัวช้าอาจระยะสุดท้ายแล้ว อัปเดตล่าสุด 8 ธันวาคม 2564 เวลา 09:12:30 208,307 อ่าน
TOP
x close