โรคคาโรชิ หรืออาการบ้างานมาก ๆ จนตัวตาย โรคนี้มีจริง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
โรคคาโรชิ หรือ Karochi syndrome ฟังดูแล้วก็คงไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่ แต่ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษจะหมายถึง Death from Overwork หรือ การเสียชีวิตจากการทำงานหนัก พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำงานหนักจนตาย หรือบ้างานจนตายนั่นเอง
แค่ฟังชื่อ "คาโรชิ" ก็พอเดาได้ว่า โรคนี้มีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น เราคงเคยได้ยินข่าวว่า พนักงานชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุบ่อยมาก บางคนนั่งรถไฟกลับบ้านอยู่ดี ๆ ก็เสียชีวิตเอาดื้อ ๆ ทางการแพทย์จึงฟันธงว่า สาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากโรคคาโรชินี่แหละ ที่เกิดจากการทำงานหนักมาก ๆ จนร่างกายทนต่อไปไม่ได้
โรคนี้มีประวัติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 หลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศญี่ปุ่นถูกกองทัพสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิด ทำให้บ้านเมืองเสียหายยับเยิน หลังจากนั้น คนญี่ปุ่นจึงต้องทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่าเพื่อฟื้นฟูประเทศ ซึ่งภายหลัง ประเทศญี่ปุ่นก็กลายเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจจะบอกได้ว่า อดีตที่แสนเจ็บปวดได้ปลูกฝังให้คนญี่ปุ่นเป็นคนขยันขันแข็ง อดทน และผูกพันกับองค์กรมาก อีกทั้งการทำธุรกิจมีการแข่งขันกันสูงมาก ทำให้ชาวญี่ปุ่นทำงานหามรุ่งหามค่ำ พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่กลับบ้านกลับช่อง สุดท้ายเกิดความเครียด โรคต่าง ๆ ก็ถามหา ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง แม้กระทั่งอัมพาต
หลายคนไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้แล้ว จึงยังคงทำพฤติกรรมเดิม ๆ ทำงานหนักจนเครียด พอเครียดแล้วก็ไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือกินอาหารคลายเครียด ทีนี้กินมาก ๆ เข้า ไขมันในเลือดสูงขึ้น โรคอื่น ๆ ก็ตามมาอีก สะสมไปเรื่อย ๆ นานวันเข้าร่างกายก็น็อก นี่แหละภัยเงียบของการบ้างาน
ฟัง ๆ ดูแล้วมีใครทำพฤติกรรมแบบนี้บ้างเอ่ย ลองมาเช็กอาการกันหน่อยซิ เราเริ่มมีสัญญาณอันตรายหรือยังนะ
อาการทั่ว ๆ ไปของคนที่ทำงานหนัก ก็คือ มักจะปวดเมื่อยตามตัว ปวดหลัง ปวดท้ายทอย ปวดไหล่ ปวดสายตา คล้ายกับโรคออฟฟิศซินโดรม แต่คนที่ทำงานหนักมาก ๆ จนถึงขั้นเรียกว่า "บ้างาน" ได้นั้น อาจมีภาวะผิดปกติทางอารมณ์เกิดขึ้นด้วย เช่น โมโหเพื่อนร่วมงาน ชอบชักสีหน้า ฉุนเฉียว มองอะไรขวางหูขวางตาไปหมด และให้ความสนใจแต่เรื่องงาน งาน งาน เท่านั้น ไม่ค่อยสนใจคนอื่น ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้นอกจากจะกระทบความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานแล้ว ยังอาจจะมีปัญหากับคนในครอบครัวด้วย
ลองสังเกตดูซิว่า รอบตัวเรามีคนลักษณะแบบนี้อยู่หรือไม่
อย่างที่บอกไปแล้วว่า โรคคาโรชิอาจทำให้เกิดโรคร้ายหลาย ๆ โรคตามมา สืบเนื่องจากความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อยังไม่เลิกพฤติกรรมเดิม ๆ ห่วงแต่งาน เครียดแต่งานซ้ำ ๆ ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย ไม่มีเวลาผ่อนคลาย ไม่มีเวลากินข้าว เครียดมาก ๆ ก็ไปสูบบุหรี่ กินเหล้า
เมื่อยังเป็นเช่นนี้ สารพัดโรคมาเยือนโดยมิได้นัดหมายแน่นอนไม่ว่าจะเป็น ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระเพาะอาหาร โรคเก๊าท์ ไตวาย อัมพาต ถุงลมโป่งพอง มะเร็ง อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ โรคประสาท ฯลฯ เอิ่ม...แค่ฟังชื่อแต่ละโรคที่อาจเป็นได้ ก็อันตรายแล้วใช่ไหม แล้วอย่างนี้จะบอกว่าไม่น่ากลัวได้อย่างไรล่ะ
จริง ๆ เราสามารถป้องกันโรคนี้ได้ง่าย ๆ แค่คุณรู้จักจัดสรรเวลาในการทำงานให้ถูกต้อง ต้องรู้ว่าเวลาไหนที่ควรจะพักผ่อนได้แล้ว ไม่ควรตรากตรำทำงานหนักมากเกินไป ต้องรู้จักปรับเวลาการทำงาน และการพักผ่อนให้สมดุลกัน ตระหนักไว้ก่อนเลยว่า สุขภาพเราสำคัญที่สุด ถ้าเป็นอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มกันเลยนะ
อย่างเช่น แต่ละวันที่คุณนั่งทำงานอยู่ ก็ควรจะพักผ่อนบ้าง ทุก ๆ ชั่วโมง สองชั่วโมง ควรหาวิธีผ่อนคลายให้ตัวเอง เช่น เดินออกไปสูดอากาศข้างนอก หรือหลับตา นั่งนิ่ง ๆ สักพัก เพื่อผ่อนคลายความเครียดก็น่าจะดี และถ้าเลิกจากงาน วันหยุดสุดสัปดาห์ มีเวลาว่างเมื่อไหร่ ลองหากิจกรรมอื่น ๆ ทำ เช่น เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง ก็จะช่วยได้มากเลย แต่ถ้าใครเริ่มมีอาการเครียดมาก ๆ ไม่รู้ว่าจะผ่อนคลายความเครียดได้อย่างไร และหาทางออกไม่ได้ ลองปรึกษาแพทย์ หรือขอคำปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิต 1667 ก็ได้ค่ะ
บทความเกี่ยวกับการทำงานหนัก
หลายคนอาจจะพูดว่า
ตอนนี้ยังหนุ่มยังสาวอยู่ ยังมีแรงพอที่จะทำงานมาก ๆ เก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ
พอแก่ตัวแล้วจะได้สบาย...ก็ไม่ผิดหรอกนะคะที่จะคิดเช่นนั้น
แต่ต้องระวังไว้หน่อยเพราะถ้าโหมงานหนักเกินไปล่ะ
เงินที่เก็บไว้แทนที่จะเอาไปใช้ซื้อของ หรือท่องเที่ยว
ก็อาจจะต้องควักออกมาใช้รักษาตัวแทน เมื่อป่วยด้วยโรคคาโรชิ โรคแปลก ๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งความร้ายกาจของมันก็ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย...
โรคคาโรชิ หรือ Karochi syndrome ฟังดูแล้วก็คงไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่ แต่ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษจะหมายถึง Death from Overwork หรือ การเสียชีวิตจากการทำงานหนัก พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำงานหนักจนตาย หรือบ้างานจนตายนั่นเอง
นั่นหมายความว่า
โรคคาโรชิ คือโรคที่เกิดกับคนขยัน ใครที่บ้างาน โหมทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ
จนร่างกายรับไม่ไหว ในที่สุดก็ถึงแก่ชีวิต
โอ้ว...ฟังดูชักน่ากลัวขึ้นมาแล้ว อย่าเพิ่งวิตกไป
มารู้จักเจ้าโรคนี้กันหน่อยดีไหม
โรคคาโรชิ คืออะไรนะ ?
แค่ฟังชื่อ "คาโรชิ" ก็พอเดาได้ว่า โรคนี้มีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น เราคงเคยได้ยินข่าวว่า พนักงานชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุบ่อยมาก บางคนนั่งรถไฟกลับบ้านอยู่ดี ๆ ก็เสียชีวิตเอาดื้อ ๆ ทางการแพทย์จึงฟันธงว่า สาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากโรคคาโรชินี่แหละ ที่เกิดจากการทำงานหนักมาก ๆ จนร่างกายทนต่อไปไม่ได้
โรคนี้มีประวัติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 หลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศญี่ปุ่นถูกกองทัพสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิด ทำให้บ้านเมืองเสียหายยับเยิน หลังจากนั้น คนญี่ปุ่นจึงต้องทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่าเพื่อฟื้นฟูประเทศ ซึ่งภายหลัง ประเทศญี่ปุ่นก็กลายเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจจะบอกได้ว่า อดีตที่แสนเจ็บปวดได้ปลูกฝังให้คนญี่ปุ่นเป็นคนขยันขันแข็ง อดทน และผูกพันกับองค์กรมาก อีกทั้งการทำธุรกิจมีการแข่งขันกันสูงมาก ทำให้ชาวญี่ปุ่นทำงานหามรุ่งหามค่ำ พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่กลับบ้านกลับช่อง สุดท้ายเกิดความเครียด โรคต่าง ๆ ก็ถามหา ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง แม้กระทั่งอัมพาต
หลายคนไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้แล้ว จึงยังคงทำพฤติกรรมเดิม ๆ ทำงานหนักจนเครียด พอเครียดแล้วก็ไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือกินอาหารคลายเครียด ทีนี้กินมาก ๆ เข้า ไขมันในเลือดสูงขึ้น โรคอื่น ๆ ก็ตามมาอีก สะสมไปเรื่อย ๆ นานวันเข้าร่างกายก็น็อก นี่แหละภัยเงียบของการบ้างาน
ฟัง ๆ ดูแล้วมีใครทำพฤติกรรมแบบนี้บ้างเอ่ย ลองมาเช็กอาการกันหน่อยซิ เราเริ่มมีสัญญาณอันตรายหรือยังนะ
สัญญาณเตือนโรคคาโรชิ
อาการทั่ว ๆ ไปของคนที่ทำงานหนัก ก็คือ มักจะปวดเมื่อยตามตัว ปวดหลัง ปวดท้ายทอย ปวดไหล่ ปวดสายตา คล้ายกับโรคออฟฟิศซินโดรม แต่คนที่ทำงานหนักมาก ๆ จนถึงขั้นเรียกว่า "บ้างาน" ได้นั้น อาจมีภาวะผิดปกติทางอารมณ์เกิดขึ้นด้วย เช่น โมโหเพื่อนร่วมงาน ชอบชักสีหน้า ฉุนเฉียว มองอะไรขวางหูขวางตาไปหมด และให้ความสนใจแต่เรื่องงาน งาน งาน เท่านั้น ไม่ค่อยสนใจคนอื่น ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้นอกจากจะกระทบความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานแล้ว ยังอาจจะมีปัญหากับคนในครอบครัวด้วย
ลองสังเกตดูซิว่า รอบตัวเรามีคนลักษณะแบบนี้อยู่หรือไม่
โรคคาโรชิ อันตรายไหม ?
อย่างที่บอกไปแล้วว่า โรคคาโรชิอาจทำให้เกิดโรคร้ายหลาย ๆ โรคตามมา สืบเนื่องจากความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อยังไม่เลิกพฤติกรรมเดิม ๆ ห่วงแต่งาน เครียดแต่งานซ้ำ ๆ ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย ไม่มีเวลาผ่อนคลาย ไม่มีเวลากินข้าว เครียดมาก ๆ ก็ไปสูบบุหรี่ กินเหล้า
เมื่อยังเป็นเช่นนี้ สารพัดโรคมาเยือนโดยมิได้นัดหมายแน่นอนไม่ว่าจะเป็น ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระเพาะอาหาร โรคเก๊าท์ ไตวาย อัมพาต ถุงลมโป่งพอง มะเร็ง อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ โรคประสาท ฯลฯ เอิ่ม...แค่ฟังชื่อแต่ละโรคที่อาจเป็นได้ ก็อันตรายแล้วใช่ไหม แล้วอย่างนี้จะบอกว่าไม่น่ากลัวได้อย่างไรล่ะ
มาป้องกันโรคคาโรชิกันดีกว่า
จริง ๆ เราสามารถป้องกันโรคนี้ได้ง่าย ๆ แค่คุณรู้จักจัดสรรเวลาในการทำงานให้ถูกต้อง ต้องรู้ว่าเวลาไหนที่ควรจะพักผ่อนได้แล้ว ไม่ควรตรากตรำทำงานหนักมากเกินไป ต้องรู้จักปรับเวลาการทำงาน และการพักผ่อนให้สมดุลกัน ตระหนักไว้ก่อนเลยว่า สุขภาพเราสำคัญที่สุด ถ้าเป็นอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มกันเลยนะ
อย่างเช่น แต่ละวันที่คุณนั่งทำงานอยู่ ก็ควรจะพักผ่อนบ้าง ทุก ๆ ชั่วโมง สองชั่วโมง ควรหาวิธีผ่อนคลายให้ตัวเอง เช่น เดินออกไปสูดอากาศข้างนอก หรือหลับตา นั่งนิ่ง ๆ สักพัก เพื่อผ่อนคลายความเครียดก็น่าจะดี และถ้าเลิกจากงาน วันหยุดสุดสัปดาห์ มีเวลาว่างเมื่อไหร่ ลองหากิจกรรมอื่น ๆ ทำ เช่น เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง ก็จะช่วยได้มากเลย แต่ถ้าใครเริ่มมีอาการเครียดมาก ๆ ไม่รู้ว่าจะผ่อนคลายความเครียดได้อย่างไร และหาทางออกไม่ได้ ลองปรึกษาแพทย์ หรือขอคำปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิต 1667 ก็ได้ค่ะ
ขี้เกียจไปก็ไม่ได้
ขยันมากเกินกำลังก็ใช่ว่าจะดี เพราะฉะนั้นเลือกทางสายกลางดีกว่านะคะ
อย่าให้การทำงานมาเป็นภัยคุกคามสุขภาพ และชีวิตของคุณเลยนะ
บทความเกี่ยวกับการทำงานหนัก
- ผู้หญิงควรรู้..ทำงานหนักอาจเป็นเบาหวาน ไม่อยากเสี่ยงต้องรีบเลิกงาน !
- อย่าทำงานเก็บเงินไปใช้ในห้อง ICU มนุษย์เงินเดือนควรรู้ก่อนจะป่วย
- อย่าทำงานเก็บเงินไปใช้ในห้อง ICU มนุษย์เงินเดือนควรรู้ก่อนจะป่วย