
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนสู้โรค โพสต์โดยคุณ LadyBimbettes สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
รู้กันดีว่า สมุนไพรไทยหลายชนิดมีสรรพคุณเป็นเลิศในการป้องกัน และรักษาโรคมะเร็ง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ระยะหลังมานี้ จะมีผู้ป่วยมะเร็งหลายรายหันมาพึ่งสมุนไพรไทยเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการรักษาโรคร้าย
แต่ทว่า...หลายคนกลับใช้สมุนไพรรักษามะเร็งไม่ถูกต้อง สมุนไพรอันเป็นยาวิเศษจึงไม่สามารถช่วยรักษามะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น รายการคนสู้โรค ทางช่องไทยพีบีเอส จึงได้เข้าไปพูดคุยกับ อาจารย์อุดม ลดหวั่น แพทย์แผนไทย จากสวนสมุนไพรพรอุดม ในจังหวัดชลบุรี เพื่อขอคำแนะนำในการใช้สมุนไพรรักษามะเร็งอย่างถูกวิธี
ทั้งนี้ อาจารย์อุดม พูดถึงแนวทางการรักษาตามแบบฉบับแพทย์แผนไทย ว่า แพทย์แผนไทยจะไม่มีอุปกรณ์ในการวิจัย หรือหาว่าเป็นมะเร็งจุดไหน โดยจะฟังจากอาการของผู้ป่วย แล้ววิเคราะห์ว่า เขาน่าจะเป็นมะเร็งที่จุดไหน จากนั้นก็เริ่มรักษาด้วยการปรับธาตุของผู้ป่วยให้สมดุลก่อน เพราะในวิชาเภสัชกรรมแผนไทยระบุไว้ว่า ธาตุเป็นที่ตั้งแรกเกิดของโรค หากเป็นมะเร็งก็ต้องไปแก้ที่ธาตุให้สมดุลขึ้น
สำหรับวิธีการปรับธาตุนั้น อาจารย์อุดม ระบุว่า แพทย์แผนไทยมีหลายตำรับ สำหรับอาจารย์นั้นจะใช้ตำรับเบญจกุล คือ ใช้สมุนไพรที่มีรสร้อน 5 ตัว คือ ดอกดีปลี รากช้าพลู เถาสะค้าน รากเจตมูลเพลิง และขิงแห้ง นำมาต้มแล้วบดใส่แคปซูลรับประทาน จะช่วยปรับธาตุรวมของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับธาตุเรียบร้อยแล้ว หากผู้ป่วยมีอาการอื่น ๆ ก็จะใช้สมุนไพรรักษาตามอาการ เช่น ปวดกระดูก ก็จะใช้สมุนไพรบำรุงกระดูก ช่วยคลายเส้นให้ ถ้าเป็นมะเร็งก็จะมีตำรับน้ำเหลืองเสีย หรือถ้าเลือดออกก็จะมีตำรับไปช่วยห้ามเลือดให้เช่นกัน
สำหรับสมุนไพรที่สวนสมุนไพรปลูกไว้รักษามะเร็ง ก็อย่างเช่น








ทั้งนี้ ในการรักษามะเร็งของที่สวนสมุนไพรแห่งนี้ จะเป็นการรักษามะเร็งโดยรวม ไม่ได้แยกว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน ซึ่งอาจารย์อุดม บอกว่า ถ้าเราปรับธาตุของผู้ป่วยให้สมดุลแล้ว เขาจะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยรักษาโรคให้ตัวเองได้ กล่าวคือ หากน้ำเหลืองสะอาดแล้ว จะช่วยให้ม้าม และต่อมน้ำเหลืองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ม้ามที่เป็นตัวขจัดเชื้อโรคให้ร่างกายก็จะไปเพิ่มภูมิคุ้มกันในตัวให้มากขึ้น ส่วนต่อมน้ำเหลืองก็จะช่วยขจัดแบคทีเรีย ไวรัส จุลินทรีย์แปลกปลอมที่เข้าไปในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื้อโรคก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ
อาจารย์อุดม ยังบอกด้วยว่า ผู้ป่วยที่มายังสวนสมุนไพรแห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการหนัก คือ แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้แล้ว จึงเลือกมาใช้วิธีแพทย์ทางเลือก ซึ่งทางอาจารย์ก็จะรักษาให้ แต่บางรายทานยาได้ไม่กี่วันก็เสียชีวิตไปก่อน เพราะเขามาเมื่อมีอาการหนักมากแล้ว แต่หากผู้ป่วยที่อาการไม่หนักมาก สามารถอยู่ทานยาไปได้ถึง 35 วัน ส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องทานต่อไปเรื่อย ๆ แต่อาจลดปริมาณลง เพื่อไม่ให้ภูมิต้านทานลดลง

เมื่อถามว่าผู้ป่วยจะมีอาการแพ้จากการใช้ยาสมุนไพรหรือไม่ อาจารย์อุดม ยอมรับว่า หากผู้ป่วยไม่รู้ถึงปริมาณการใช้ก็มีโอกาสแพ้ได้ เพราะยาแต่ละตัวจะมีปริมาณกำหนดว่าควรใช้แค่ไหนในแต่ละครั้งที่ร่างกายจะรับได้ ซึ่งหากแพ้สมุนไพรไม่รุนแรง อาจมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ถ้าอาการรุนแรงขึ้นจะมีอาการใจสั่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งถ้าไปหาแพทย์แผนไทย เขาจะใช้รางจืดช่วยถอนพิษให้
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยหลายคนอยากใช้สมุนไพรร่วมกับการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะคิดว่าน่าจะได้ผลมากกว่า แต่อาจารย์อุดม บอกว่า ไม่ควรรับประทานยาสมุนไพร และยาแผนปัจจุบันพร้อมกัน ควรจะจัดเวลาให้ห่างกัน เช่น ยาแผนปัจจุบันให้ทานก่อนอาหาร เราก็มาทานสมุนไพรหลังอาหารแทน โดยให้ห่างกันสัก 30 นาที เพื่อที่ยาจะได้ไม่ตีกัน

นอกจากนี้ อาจารย์ได้แนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งเน้นทานอาหารชีวจิต คือ พวกผัก ผลไม้ ธัญพืช ไม่สนับสนุนให้ทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพราะโปรตีนยิ่งเข้าไปมากก็ยิ่งกระตุ้นเซลล์มะเร็งมากขึ้น จึงแนะนำให้น้ำผักผลไม้แบบปั่นรวมทุกวัน เพราะมีกากใยที่จะช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ไม่ให้ของเสียตกค้างในร่างกาย ผู้ป่วยจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งก็ควรจะดูแลตัวเองเช่นกัน ซึ่งอาจารย์ก็แนะนำว่า เราต้องรู้ว่า ระบบขับถ่ายเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์ หากถ่าย 3 วันครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้งก็มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ง่าย ๆ ดังนั้น ควรเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยรับประทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ทานผักผลไม้ที่มีกากใยให้มาก ๆ เพื่อช่วยเรื่องการขับถ่าย อย่างน้อยถ่ายวันละครั้งก็จะช่วยให้ของเสียถูกขับออกไป ไม่ถูกดูดซึมกลับเข้าไปในกระแสเลือดอีก
และนี่ก็คือคำแนะนำดี ๆ จากอาจารย์อุดม ลดหวั่น แพทย์แผนไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้สมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง แต่ถ้าไม่อยากป่วยเป็นโรคมะเร็ง ก็อย่าลืมดูแลร่างกายให้แข็งแรง และเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ