
สะโพกเสื่อมก่อนวัย ยืดอายุใช้งานนานที่สุดอย่างไร (ไทยรัฐ)
ข้อมูลจากโรงพยาบาลเวชธานี
เมื่อพูดถึงความเสื่อมของข้อสะโพก หลายคนเชื่อว่าจะเกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ความจริงคือ คนในวัยหนุ่มสาวก็มีโอกาสเกิดภาวะข้อสะโพกเสื่อมได้เช่นกัน
ปัจจุบันคนไทยได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคข้อสะโพกเสื่อม และโรคหัวสะโพกขาดเลือดเป็นจำนวนมาก ผู้ป่วยจะรู้สึกติดขัดบริเวณสะโพก จนเกิดการอักเสบเจ็บปวดทรมาน ซึ่งการรักษาที่ได้ผลแน่นอนที่สุดคือ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม
สาเหตุอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น ความผิดปกติของข้อสะโพกแต่กำเนิน การรับประทานยาบางชนิด โดยเฉพาะยาแก้ปวด อุบัติเหตุ โรคติดเชื้อบางอย่าง น้ำหนักตัวมาก มีพฤติกรรมการใช้ข้อหนัก ๆ รวมถึงความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นต้น
นพ.วิโรจน์ ลาภไพบูลย์พงศ์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ศูนย์ฟื้นฟูข้อเสื่อมเวชธานี ยืนยันว่าการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งหลังจากผ่าตัดแล้วผู้ป่วยห้ามใช้งานข้อสะโพกหนักมาก แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนหนุ่มสาวแตกต่างจากคนสูงอายุอย่างสิ้นเชิง รวมถึงช่วงอายุที่ต้องใช้งานข้อสะโพกก็ยาวนานกว่ามาก หากทำการผ่าตัดนี้ในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย จะมีปัญหาเรื่องอายุการใช้งานสั้นลง เหลือเพียง 5 - 10 ปี และอาจต้องเปลี่ยนข้อสะโพกใหม่ ซึ่งผลการรักษาจะแย่ลงเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่มีการผ่าตัดแก้ไขข้อสะโพกใหม่ รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงขึ้น
ดังนั้น แพทย์ด้านกระดูกและข้อจึงได้พยายามชะลอการเปลี่ยนข้อสะโพกครั้งแรกให้ได้นานที่สุด หรือจนกว่าผู้ป่วยจะมีอายุมากกว่า 60 ปี เพื่อเป็นทางออกของคนในวัยทำงาน และคนหนุ่มสาวที่มีปัญหาข้อสะโพกเสื่อม จนเมื่อประมาณปี 1989 ได้มีการพัฒนาการเปลี่ยนข้อสะโพกที่ เหมาะสำหรับคนที่มีอายุน้อยกว่า 65 ปี ปัจจุบันได้รับความนิยมมากทั่วโลก ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัตินวัตกรรมการออกแบบการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเลยทีเดียว การผ่าตัดชนิดนี้คือ การครอบข้อสะโพกเบอร์มิงแฮม ซึ่งเป็นข้อสะโพกแบบโลหะชนกับโลหะ วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกใหม่ แต่ใช้งานได้ดีดังเดิม และช่วยยืดอายุการใช้งาน
การผ่าตัดครอบข้อสะโพกเบอร์มิงแฮม (Birmingham Hip Resurfacing : BHR) เป็นการผ่าตัดแบบใหม่รักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมของข้อสะโพก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 65 ปี โดยข้อสะโพกเทียมเบอร์มิงแฮมมีจุดเด่นหลายประการ คือ





ความเป็นมาของเทคนิคการผ่าตัดครอบข้อสะโพกเบอร์มิงแฮม
นพ.วิโรจน์กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ทั้งหมด เดิมเคยมีการผ่าตัดคล้ายกันทำนองนี้ตั้งแต่ปี 1950 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้ปรับปรุงและแก้ไขเรื่อยมา จนกระทั่งศัลยแพทย์กระดูกและข้อ นพ.ดิเรค แมคมิน ในเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาการเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแบบพิเศษนี้ตั้งแต่ปี 1989 และได้พัฒนาปรับปรุงเทคนิคต่าง ๆ ในรายละเอียดจนเป็นรุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา
ในต่างประเทศผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ผลลัพธ์ดีมากจนมีการบอกต่อ ๆ กัน โดยเฉพาะในชุมชนเครือข่ายทางอินเทอร์เน็ต เกิดการแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ในเวลา 10 ปี ทั่วโลกมีการผ่าตัดด้วยวิธีนี้กว่า 80,000 ข้อ โดยที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ได้อนุมัติให้ใช้ข้อสะโพกเบอร์มิงแฮมเพียงยี่ห้อเดียว ปรากฏว่าในเวลาแค่ 1 ปี เฉพาะที่สหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเบอร์มิงแฮมไป แล้วกว่า 6,500 ข้อ นับว่าเป็นจำนวนมากและเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในประเทศไทย มีการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเบอร์มิงแฮมครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปี 2549 และในเวลาต่อมาได้มีการผ่าตัดอีกเป็นจำนวนมาก โดยผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ
การรักษาวิธีนี้เหมาะกับใครบ้าง
การผ่าตัดครอบข้อสะโพกเบอร์มิงแฮม แนะนำให้ทำในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อสะโพกเสื่อม ข้อสะโพกขาดเลือด ที่ยังเหลือกระดูกพอที่จะครอบได้ และข้อสะโพกที่เสื่อมจากการพัฒนาการผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม ข้อสะโพกเบอร์มิ่งแฮมยังมีข้อจำกัดบางประการคือ ผู้ป่วยควรมีอายุน้อยกว่า 65 ปี โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของกระดูก เนื่องจากการผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีกระดูกพรุน มีความเสี่ยงที่กระดูกคอสะโพกจะหักได้ และผู้ป่วยต้องมีเนื้อกระดูกส่วนเบ้าและหัวสะโพก เหลือเพียงพอที่จะครอบโลหะลงไปได้ โดยหลังผ่าตัดผู้ป่วยจะมีระดับอิออนของโลหะในกระแสเลือดสูงขึ้นกว่าคนปกติเล็กน้อย แต่ไม่มากพอที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
จากการเก็บข้อมูลนานกว่า 30 ปี ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงดังกล่าว เช่น ไม่พบการก่อมะเร็ง ไม่พบการทำลายอวัยวะของร่างกาย ไม่พบการทำให้ทารกคลอดผิดปกติ หรืออื่น ๆ โดยอิออนโลหะที่สูงขึ้นในกระแสเลือดจะถูกกำจัดออกทางไตตลอดเวลา
นอกจากนี้ ผู้หญิงมีครรภ์ซึ่งมีระดับอิออนโลหะที่สูงขึ้นในกระแสเลือดของแม่ มีรายงานการตรวจพบระดับอิออนโลหะสูงขึ้นในเลือดฝั่งทารกได้ แต่ไม่มีรายงานทารกแรกเกิดผิดปกติ และไม่มีรายงานว่าเป็นสาเหตุของการแท้งบุตร ปัจจุบันผู้ป่วยหญิงที่ได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีนี้สามารถมีลูกได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาข้อสะโพกให้นานที่สุด คือการใช้งานอย่างถนอมและถูกวิธี พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ข้อสะโพกเสื่อมสภาพเร็ว และเมื่อเกิดปัญหา แพทย์คือผู้ที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดว่าจะรักษาด้วยวิธีใด
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
