คนที่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้สูงมาก ดังนั้นควรต้องเช็กความผิดปกติในช่องปากให้ดี ๆ
![มะเร็งโคนลิ้น มะเร็งโคนลิ้น]()
บางครั้งการที่มีอาการเจ็บคอเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจทำให้เราไม่เฉลียวใจ ว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของมหันตภัยร้าย ยิ่งหากเกิดมะเร็งที่โคนลิ้น ในจุดที่อยู่ลึกและเป็นจุดอับ เราคงไม่ทันสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทว่าหากปล่อยไว้นาน ๆ ไม่สนใจ อาจตรวจพบอีกทีว่าเป็นมะเร็งโคนลิ้นระยะหลัง ๆ แล้วก็ได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไว้ เรามาทำความรู้จักโรคมะเร็งโคนลิ้นกันค่ะ
มะเร็งโคนลิ้น คืออะไร
มะเร็งโคนลิ้นถูกจัดอยู่ในโรคมะเร็งศีรษะและลำคอ ตำแหน่งที่เกิดจะอยู่ด้านหลังลิ้น หรือโคนลิ้น ที่เชื่อมต่อระหว่างช่องปากและช่องคอ จัดเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยพอสมควร และมักจะเกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะในคนอายุ 50 ปี ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม มักพบในคนยุโรปมากกว่าคนเอเชีย
มะเร็งโคนลิ้น เกิดจากอะไร
สาเหตุของมะเร็งโคนลิ้น พบว่า เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ไวรัสตัวเดียวกันกับสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้เสี่ยงโรคมะเร็งโคนลิ้นเพิ่มด้วย ดังนี้
- สูบบุหรี่จัด หรือการได้รับควันบุหรี่มือสองอยู่ตลอด
- ดื่มเหล้า
- สุขภาพช่องปากไม่ดี เป็นแผลเรื้อรังในช่องปาก โดยเฉพาะหากมีรอยโรคของแผลที่สามารถกลายเป็นเนื้อร้ายในช่องปากได้
- การเคี้ยวหมาก
- พันธุกรรม
อย่างไรก็ตาม หากเป็นคนที่สุบบุหรี่ด้วย ดื่มเหล้าเก่งด้วย ก็จะมีความเสี่ยงโรคมะเร็งโคนลิ้นมากขึ้น
มะเร็งโคนลิ้น อาการเป็นอย่างไร
อาการโรคมะเร็งโคนลิ้นในระยะแรก ๆ มักจะตรวจไม่พบ เนื่องจากบริเวณโคนลิ้นเป็นจุดที่อยู่ลึกเกินที่จะสังเกตได้ ต้องอาศัยการตรวจของแพทย์ หู คอ จมูก จึงจะพบรอยโรคในระยะเริ่มต้น ทว่าอาการที่พอจะจับสังเกตได้ด้วยตัวเองก็พอมีอยู่บ้าง ดังนี้
- กลืนเจ็บ ระคายเคืองลำคอบ่อย ๆ
- เจ็บคอเรื้อรัง ไอบ่อย
- รู้สึกมีแผล มีก้อนบริเวณโคนลิ้น หรือในบริเวณต่อมทอนซิลด้านในของลำคอ เป็นนานแล้วไม่หาย และก้อนอาจค่อย ๆ โตขึ้น
- กลืนอาหารไม่คล่อง รู้สึกติดคอ สำลักบ่อย
- อาจพบเลือดปนมากับน้ำลายหรือเสลด
- ถ้าก้อนโตมากอาจหายใจไม่สะดวก เนื่องจากก้อนเนื้อไปอุดตันทางเดินหายใจ
- ในระยะลุกลาม อาจพบรอยโรคกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่คอข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติในช่องปากเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น มีแผลเรื้อรัง หรือพบว่ามีก้อนเนื้อบริเวณโคนลิ้นอย่างเห็นได้ชัด ควรรีบไปตรวจร่างกายกับแพทย์จะดีกว่า
มะเร็งโคนลิ้น มีกี่ระยะ
มะเร็งโคนลิ้นแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ด้วยกัน ดังนี้
ระยะที่ 1 พบก้อนหรือแผลที่โคนลิ้น มะเร็งมีขนาดเล็ก
ระยะที่ 2 พบก้อนหรือแผลท่โคนลิ้น หรือลำคอ มะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น
ระยะที่ 3 โรคลุกลามเข้าอวัยวะใกล้เคียงและต่อมน้ำเหลืองที่คอโต คลำได้
ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้าอวัยวะใกล้เคียงมากขึ้น กระจายไปต่อมน้ำเหลืองมากขึ้น ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตมาก และอาจโตทั้ง 2 ข่างของลำคอ หรือมีโรคแพร่กระจายไกลไปยังอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไป เช่น กระจายไปปอด ตับ หรือกระดูก เป็นต้น
![มะเร็งโคนลิ้น มะเร็งโคนลิ้น]()
มะเร็งโคนลิ้น รักษาอย่างไรได้บ้าง
วิธีรักษามะเร็งโคนลิ้นมีอยู่ 3 แนวทางหลัก ๆ ด้วยกัน คือ
1. ผ่าตัด
ในเคสที่พบว่าเป็นมะเร็งโคนลิ้นระยะแรก ๆ มะเร็งยังไม่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง ก็สามารถผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกได้ โดยอาจจะรักษาร่วมกับรังสีรักษา และเคมีบำบัดในบางราย
2. รังสีรักษา
เป็นวิธีการรักษาที่สามารถใช้ได้กับโรคมะเร็งโคนลิ้นได้ทุกระยะ โดยทั่วไปจะใช้รักษาร่วมกับการผ่าตัด หรือการให้เคมีบำบัดในผู้ป่วยระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอ
3. เคมีบำบัด
ในผู้ป่วยที่มีการลุกลามของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ นอกเหนือจากศีรษะและลำคอ แพทย์จะรักษาด้วยการให้เคมีบำบัดเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ภายหลังครบการรักษาแล้ว แพทย์จะยังนัดตรวจรักษาผู้ป่วยต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ ไป โดยใน 1-2 ปีแรก หลังการรักษามักนัดตรวจทุก 1-2 เดือน ภายหลัง 3-5 ปี มักนัดตรวจทุก 2-3 เดือน แต่ถ้าภายหลัง 5 ปีไปแล้วมักนัดทุก 6-12 เดือน เพื่อเช็กให้ชัวร์ว่าไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ในร่างกายอีกต่อไป
มะเร็งโคนลิ้น อันตรายแค่ไหน
มะเร็งทุกชนิดสามารถรักษาให้หายได้ หากเจอตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก เช่นเดียวกันกับมะเร็งโคนลิ้น หากเป็นในระยะที่ไม่ลุกลามมากนัก โอกาสในการรักษาให้หายก็เป็นไปได้สูง ทว่าหากพบมะเร็งในระยะลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ หลายส่วน การรักษาอาจทำได้ยากขึ้น และหากร่างกายผู้ป่วยอ่อนแอ ไม่วาจะด้วยโรคแทรกซ้อนหรืออายุ เซลล์มะเร็งก็อาจคร่าชีวิตได้เหมือนกัน
มะเร็งโคนลิ้น ป้องกันได้แค่ลดความเสี่ยง
![มะเร็งโคนลิ้น มะเร็งโคนลิ้น]()
วิธีป้องกันมะเร็งโคนลิ้นก็สามารทำได้โดยลดพฤติกรรมเสี่ยงมะเร็ง ดังนี้
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มเหล้า
- ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี หากมีแผลเรื้อรังควรรีบไปปรึกษาแพทย์
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
มะเร็งเป็นเซลล์ที่สามารถก่อเนื้อร้ายให้ทุกส่วนในร่างกาย และส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมไม่ระมัดระวังสุขภาพของตัวเราเอง ดังนั้นการป้องกันมะเร็งได้ดีที่สุด ก็ควรดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี เพียงเท่านี้ก็จะลดโอกาสในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้แล้ว
*หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 12 มิถุนายน 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก

มะเร็งโคนลิ้น คืออะไร
มะเร็งโคนลิ้นถูกจัดอยู่ในโรคมะเร็งศีรษะและลำคอ ตำแหน่งที่เกิดจะอยู่ด้านหลังลิ้น หรือโคนลิ้น ที่เชื่อมต่อระหว่างช่องปากและช่องคอ จัดเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยพอสมควร และมักจะเกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะในคนอายุ 50 ปี ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม มักพบในคนยุโรปมากกว่าคนเอเชีย
มะเร็งโคนลิ้น เกิดจากอะไร
สาเหตุของมะเร็งโคนลิ้น พบว่า เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ไวรัสตัวเดียวกันกับสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้เสี่ยงโรคมะเร็งโคนลิ้นเพิ่มด้วย ดังนี้
- สูบบุหรี่จัด หรือการได้รับควันบุหรี่มือสองอยู่ตลอด
- ดื่มเหล้า
- สุขภาพช่องปากไม่ดี เป็นแผลเรื้อรังในช่องปาก โดยเฉพาะหากมีรอยโรคของแผลที่สามารถกลายเป็นเนื้อร้ายในช่องปากได้
- การเคี้ยวหมาก
- พันธุกรรม
อย่างไรก็ตาม หากเป็นคนที่สุบบุหรี่ด้วย ดื่มเหล้าเก่งด้วย ก็จะมีความเสี่ยงโรคมะเร็งโคนลิ้นมากขึ้น
มะเร็งโคนลิ้น อาการเป็นอย่างไร

อาการโรคมะเร็งโคนลิ้นในระยะแรก ๆ มักจะตรวจไม่พบ เนื่องจากบริเวณโคนลิ้นเป็นจุดที่อยู่ลึกเกินที่จะสังเกตได้ ต้องอาศัยการตรวจของแพทย์ หู คอ จมูก จึงจะพบรอยโรคในระยะเริ่มต้น ทว่าอาการที่พอจะจับสังเกตได้ด้วยตัวเองก็พอมีอยู่บ้าง ดังนี้
- กลืนเจ็บ ระคายเคืองลำคอบ่อย ๆ
- เจ็บคอเรื้อรัง ไอบ่อย
- รู้สึกมีแผล มีก้อนบริเวณโคนลิ้น หรือในบริเวณต่อมทอนซิลด้านในของลำคอ เป็นนานแล้วไม่หาย และก้อนอาจค่อย ๆ โตขึ้น
- กลืนอาหารไม่คล่อง รู้สึกติดคอ สำลักบ่อย
- อาจพบเลือดปนมากับน้ำลายหรือเสลด
- ถ้าก้อนโตมากอาจหายใจไม่สะดวก เนื่องจากก้อนเนื้อไปอุดตันทางเดินหายใจ
- ในระยะลุกลาม อาจพบรอยโรคกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่คอข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติในช่องปากเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น มีแผลเรื้อรัง หรือพบว่ามีก้อนเนื้อบริเวณโคนลิ้นอย่างเห็นได้ชัด ควรรีบไปตรวจร่างกายกับแพทย์จะดีกว่า
มะเร็งโคนลิ้น มีกี่ระยะ
มะเร็งโคนลิ้นแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ด้วยกัน ดังนี้
ระยะที่ 1 พบก้อนหรือแผลที่โคนลิ้น มะเร็งมีขนาดเล็ก
ระยะที่ 2 พบก้อนหรือแผลท่โคนลิ้น หรือลำคอ มะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น
ระยะที่ 3 โรคลุกลามเข้าอวัยวะใกล้เคียงและต่อมน้ำเหลืองที่คอโต คลำได้
ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้าอวัยวะใกล้เคียงมากขึ้น กระจายไปต่อมน้ำเหลืองมากขึ้น ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตมาก และอาจโตทั้ง 2 ข่างของลำคอ หรือมีโรคแพร่กระจายไกลไปยังอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไป เช่น กระจายไปปอด ตับ หรือกระดูก เป็นต้น

วิธีรักษามะเร็งโคนลิ้นมีอยู่ 3 แนวทางหลัก ๆ ด้วยกัน คือ
1. ผ่าตัด
ในเคสที่พบว่าเป็นมะเร็งโคนลิ้นระยะแรก ๆ มะเร็งยังไม่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง ก็สามารถผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกได้ โดยอาจจะรักษาร่วมกับรังสีรักษา และเคมีบำบัดในบางราย
2. รังสีรักษา
เป็นวิธีการรักษาที่สามารถใช้ได้กับโรคมะเร็งโคนลิ้นได้ทุกระยะ โดยทั่วไปจะใช้รักษาร่วมกับการผ่าตัด หรือการให้เคมีบำบัดในผู้ป่วยระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอ
3. เคมีบำบัด
ในผู้ป่วยที่มีการลุกลามของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ นอกเหนือจากศีรษะและลำคอ แพทย์จะรักษาด้วยการให้เคมีบำบัดเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ภายหลังครบการรักษาแล้ว แพทย์จะยังนัดตรวจรักษาผู้ป่วยต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ ไป โดยใน 1-2 ปีแรก หลังการรักษามักนัดตรวจทุก 1-2 เดือน ภายหลัง 3-5 ปี มักนัดตรวจทุก 2-3 เดือน แต่ถ้าภายหลัง 5 ปีไปแล้วมักนัดทุก 6-12 เดือน เพื่อเช็กให้ชัวร์ว่าไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ในร่างกายอีกต่อไป
มะเร็งโคนลิ้น อันตรายแค่ไหน
มะเร็งทุกชนิดสามารถรักษาให้หายได้ หากเจอตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก เช่นเดียวกันกับมะเร็งโคนลิ้น หากเป็นในระยะที่ไม่ลุกลามมากนัก โอกาสในการรักษาให้หายก็เป็นไปได้สูง ทว่าหากพบมะเร็งในระยะลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ หลายส่วน การรักษาอาจทำได้ยากขึ้น และหากร่างกายผู้ป่วยอ่อนแอ ไม่วาจะด้วยโรคแทรกซ้อนหรืออายุ เซลล์มะเร็งก็อาจคร่าชีวิตได้เหมือนกัน
มะเร็งโคนลิ้น ป้องกันได้แค่ลดความเสี่ยง

วิธีป้องกันมะเร็งโคนลิ้นก็สามารทำได้โดยลดพฤติกรรมเสี่ยงมะเร็ง ดังนี้
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มเหล้า
- ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี หากมีแผลเรื้อรังควรรีบไปปรึกษาแพทย์
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
มะเร็งเป็นเซลล์ที่สามารถก่อเนื้อร้ายให้ทุกส่วนในร่างกาย และส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมไม่ระมัดระวังสุขภาพของตัวเราเอง ดังนั้นการป้องกันมะเร็งได้ดีที่สุด ก็ควรดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี เพียงเท่านี้ก็จะลดโอกาสในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้แล้ว
*หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 12 มิถุนายน 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก
รามา ชาแนล, รายการพบหมอรามาฯ, โรงพยาบาลสงขลานครินทร์, ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย, ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย