ดีท็อกซ์ลำไส้ เสี่ยงตาย! แพทย์ เตือน คน 7 กลุ่ม ห้ามทำ


ดีท็อกซ์

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           ดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ เสี่ยงตายได้! แพทย์ เตือน คน 7 กลุ่ม ห้ามดีท็อกซ์ลำไส้เองเด็ดขาด และการดีท็อกซ์ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์เสมอ แนะ ออกกำลัง กินผัก-ผลไม้ ป้องกันท้องผูก เป็นวิธีขับสารพิษในร่างกายได้ดีที่สุด

           เราคงเคยได้ยินวิธีการล้างพิษด้วยการทำดีท็อกซ์ลำไส้ หรือสวนล้างลำไส้ ที่เข้าใจว่าจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย และมั่นใจว่าทำดีท็อกซ์ลักษณะนี้ไม่น่าจะเป็นอันตรายใด ๆ แต่จริง ๆ แล้ว หากทำไม่ถูกวิธี หรือผู้ป่วยบางกลุ่มหันไปล้างพิษร่างกายด้วยวิธีนี้ ก็อาจเสี่ยงอันตรายได้อย่างคาดไม่ถึง

           โดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงถึงเรื่องนี้ หลังจากพบชาย วัย 47 ปี ทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ จนช็อก และเสียชีวิตในที่สุดจากการเสียน้ำและเกลือแร่มากเกินไป ซึ่ง รมช.สาธารณสุข ระบุว่า เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ประชาชนที่นิยมการสวนล้างลำไส้ต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้น เพราะขณะนี้ การดีท็อกซ์ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งจริง ๆ แล้ว การดีท็อกซ์ถือเป็นวิธีการล้างพิษของการแพทย์ทางเลือก จะต้องทำอย่างระมัดระวัง และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่ผ่านการอบรมแล้วเท่านั้น

           นายแพทย์ชลน่าน อธิบายต่อว่า นั่นเพราะหากประชาชนไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องไปทำดีท็อกซ์เอง อาจเกิดอันตรายได้ เนื่องจากการดีท็อกซ์อาจไม่ได้ใช้น้ำเป็นตัวช่วยอย่างเดียว อาจต้องใช้น้ำร่วมกับสารอื่น เช่น กาแฟ เพื่อให้เกิดการขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้น การจะทำดีท็อกซ์จะต้องระวังเรื่องของความร้อนของน้ำที่ใช้ ความเข้มข้นของเกลือแร่ กาแฟ ที่อยู่ในน้ำที่ใช้สวนล้างลำไส้ ฯลฯ ซึ่งควรจะมีความรู้ที่ถูกต้อง ไม่แนะนำให้อ่านตำราแล้วทำตาม


ดีท็อกซ์ลำไส้


           ทั้งนี้ มีผู้ป่วยอยู่ 7 กลุ่ม ที่แพทย์จะสั่งห้ามทำดีท็อกซ์อย่างเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายถึงชีวิต ประกอบด้วย

           1. ผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบลำไส้ใหญ่ เช่น ลำไส้ใหญ่อักเสบ อุดตัน มะเร็งลำไส้ เพราะเมื่อใส่น้ำเข้าไปจะทำให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น อาจทำให้ลำไส้แตกและเสียชีวิตได้

           2. ผู้ที่ผ่านการผ่าตัดลำไส้ โดยเปิดลำไส้ให้ขับถ่ายทางหน้าท้อง

           3. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงรุนแรง

           4. เด็ก

           5. สตรีมีครรภ์

           6. ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลียมาก

           7. ผู้ป่วยช่องท้องอักเสบ

          ด้านนายแพทย์สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การทำดีท็อกซ์จะใช้ในกรณีการสวนล้างลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง จะต้องอยู่ในความดูแลและได้รับการแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีขั้นตอนการทำตามหลักการแพทย์

          แต่อย่างไรก็ดี วิธีการในการขับพิษจากร่างกายที่ดีและปลอดภัยที่สุด คือการป้องกันท้องผูกโดยไม่ต้องพึ่งการดีท็อกซ์ ทำได้โดยการออกกำลังกายเพื่อให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหว รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำวันละไม่ต่ำกว่า 8 แก้ว เพื่อให้ระบบการขับถ่ายปกติ ดังนั้น จึงไม่ควรเลือกใช้การสวนล้างลำไส้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาท้องผูกที่ปลายทาง หากต้องสวนล้างลำไส้ขอให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือก ไม่ควรทำเองจะเกิดอันตรายได้ โดยสามารถปรึกษาได้ที่สำนักการแพทย์ทางเลือก โทร 0 2965 9194 ในวันและเวลาราชการ







อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ดีท็อกซ์ลำไส้ เสี่ยงตาย! แพทย์ เตือน คน 7 กลุ่ม ห้ามทำ อัปเดตล่าสุด 25 ตุลาคม 2560 เวลา 17:43:38 31,895 อ่าน
TOP
x close