
เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ Spartan Doctor
เป็นที่น่าตกใจและน่ากังวลอย่างมาก สำหรับตัวเลขของผู้ป่วย "โรคไข้เลือดออก" ที่ในช่วงครึ่งปีแรกตัวเลขผู้ป่วยสะสมสูงเกือบ 4 หมื่นราย จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสัปดาห์ละกว่า 2,000 ราย และขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 50 ราย (ที่มา:กรมควบคุมโรค 17 มิถุนายน 2556) และคาดว่าตลอดปีนี้ น่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มนับแสนราย และเสียชีวิตมากกว่า 100 ราย ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 3 เท่าตัว และถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้...
ถึงแม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรคจะออกมาประกาศแจ้งเตือนถึงสถานการณ์ "ไข้เลือดออก" และได้แนะนำถึงวิธีการป้องกัน แนวทางการรับมือ และการสังเกตอาการหากเป็นโรคนี้ แต่ยอดตัวเลขก็ยังพุ่งสูงขึ้น บ่งชี้ได้ว่าสถานการณ์ไข้เลือดออกตอนนี้เริ่มรุนแรงแล้ว วันนี้กระปุกดอทคอม จึงขอหยิบข้อมูลดี ๆ ของคุณ Spartan Doctor ที่ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ "ความเข้าใจผิดและเข้าใจถูกของไข้เลือดออก" เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้คนส่วนใหญ่ที่ยังเชื่อในข้อมูลเดิม ๆ ที่ผิด ๆ ได้รับทราบกัน
 โรคไข้เลือดออกพบมากที่สุดที่ไหนในประเทศไทย?
 โรคไข้เลือดออกพบมากที่สุดที่ไหนในประเทศไทย?ความเชื่อ : ไข้เลือดออกเป็นโรคของคนต่างจังหวัด ใกล้ป่า ใกล้สวน
ความจริง : ยุงลายที่นำไข้เลือดออกเป็นยุงบ้านอาศัยในเมืองศิวิไลซ์ และชุมชน พบได้ทุกจังหวัดในประเทศไทย และข้อมูลในปี 2555 จังหวัดที่พบไข้เลือดออกมากที่สุดคือ กรุงเทพฯ (ผู้ป่วยทั่วประเทศประมาณ 7 หมื่นราย กรุงเทพฯ ป่วยไปประมาณ 1 หมื่นราย)
 โรคไข้เลือดออกเป็นโรคของคนวัยใด?
 โรคไข้เลือดออกเป็นโรคของคนวัยใด?ความเชื่อ : ไข้เลือดออกเป็นโรคของเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ไม่น่าเป็น
ความจริง : ข้าศึกเราเปลี่ยนรูปแบบ เริ่มเล่นงานผู้ใหญ่มากขึ้นปี 2555 มีผู้ป่วยอายุมากกว่า 15 ปีคิดเป็นร้อยละ 52.44 (เกินครึ่ง ! )
 โรคไข้เลือดออกเป็นแล้วจะเป็นอีกไหมนะ?
 โรคไข้เลือดออกเป็นแล้วจะเป็นอีกไหมนะ?ความเชื่อ : ใครเคยเป็นไข้เลือดออกแล้วจะไม่เป็นอีก
ความจริง : ไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์ (DENV 1-4) แต่ละปีผลัดเปลี่ยนกันระบาดในความชุกที่แตกต่างกัน คนจึงมีโอกาสเป็นซ้ำได้ในช่วงชีวิตถึง 4 ครั้ง
 โรคไข้เลือดออก ต้องมีเลือดออกตามตัวเหมือนชื่อโรคหรือเปล่า?
 โรคไข้เลือดออก ต้องมีเลือดออกตามตัวเหมือนชื่อโรคหรือเปล่า?ความเชื่อ : ถ้าเป็นไข้เลือดออกก็ควรมีเลือดออกจากอวัยวะต่าง ๆ หรือจุดเลือดออกตามตัว ถ้าไม่มีไม่น่าใช่
ความจริง : ไข้เลือดออกตอนแรกจะผู้ป่วยจะเป็นไข้ และไม่มีอาการอะไรจำเพาะที่บ่งบอกเลย ส่วนใหญ่เป็นไข้สูง, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, ปวดรอบกระบอกตา, ปวดกระดูก, คลื่นไส้อาเจียน, ปวดท้อง จะมีแค่บางรายที่มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง หรือมีเลือดกำเดา อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด ซึ่งไม่ค่อยปรากฏในวันแรก ๆ แต่มักจะเป็นวันหลัง ๆ ของการมีไข้

 ไม่ได้ถูกยุงกัด แต่เป็นไข้ นี่เสี่ยงเป็นไข้เลือดออกหรือเปล่านะ?
 ไม่ได้ถูกยุงกัด แต่เป็นไข้ นี่เสี่ยงเป็นไข้เลือดออกหรือเปล่านะ?ความเชื่อ : ถ้ามีไข้แต่ไม่เคยเห็นว่าโดนยุงกัด น่าจะไม่ใช่ไข้เลือดออก
ความจริง : ประวัติการโดนยุงกัด แพทย์จะไม่เคยซักจากคนไข้เลย เพราะเชื่อถือไม่ได้ ส่วนใหญ่มักโดนกัดโดยไม่รู้ตัว ให้สังเกตจากไข้และอาการเป็นหลัก
 พอไข้สูง รู้สึกตัวว่าจะเป็นไข้เลือดออก กินยาอะไรบรรเทาอาการเบื้องต้นดี?
 พอไข้สูง รู้สึกตัวว่าจะเป็นไข้เลือดออก กินยาอะไรบรรเทาอาการเบื้องต้นดี?ความเชื่อ : ถ้าสงสัยเป็นไข้เลือดออก กินยาลดไข้ได้เฉพาะพาราเซตามอล
ความจริง : ถูกต้อง ถ้าสงสัยเป็นไข้เลือดออกห้ามกินยาลดไข้ "แอสไพริน" และกลุ่ม NSAIDS (เช่น ibuprofen, Naproxen) เพราะทั้งสองกลุ่มนี้จะทำให้มีความเสี่ยงเลือดออกมากขึ้น และแอสไพรินในคนป่วยไข้เลือดออก อาจเกิดอาการผิดปกติทางสมอง (Reye \'s syndrome)
 คำแนะนำ
คำแนะนำ 
ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้
 ไข้สูง
 ไข้สูง อาการไม่ชี้ชัดว่าป่วยตรงไหน เช่น ไม่เจ็บคอ, ไม่มีน้ำมูก, ไม่ไอ, ไม่ถ่ายเหลว แต่รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน
 อาการไม่ชี้ชัดว่าป่วยตรงไหน เช่น ไม่เจ็บคอ, ไม่มีน้ำมูก, ไม่ไอ, ไม่ถ่ายเหลว แต่รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดตามตัว คลื่นไส้อาเจียน เป็นไข้ 3 วันไม่หาย วันที่ 3 อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
 เป็นไข้ 3 วันไม่หาย วันที่ 3 อาการก็ยังไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดหาไข้เลือดออก
สำหรับการสังเกตอาการป่วย ถ้าไข้วันที่ 1 และ 2 อาการยังเป็นไม่มาก ยังพอกินได้ อาจลองสังเกตตัวเองที่บ้านดูก่อน ยังไม่ต้องรีบพบแพทย์ (แต่ถ้าอาการแย่มาก กินไม่ได้ ก็ไปก่อนได้) และพอไข้วันที่ 3 อาการยังไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์ในทันที เนื่องจากวันที่ 3 เป็นวันที่ดีที่สุดที่แพทย์ตรวจเลือดแล้วจะบอกได้ชัดเจนว่าเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ และอย่าชะล่าใจ อย่าเชื่อว่าจะหายเอง เพราะเกิน 3 วันไปแล้ว จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเลือดออก พลาสมาในเลือดจะออกมานอกเส้นเลือดนำไปสู่อันตรายถึงชีวิต

 การป้องกันโรคไข้เลือดออก
การป้องกันโรคไข้เลือดออก 
สามารถทำได้ด้วยการป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกยุงกัด และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง ด้วยวิธีดังนี้
 ทายากันยุง หรือจะใช้สมุนไพรที่ป้องกันยุงได้ เช่น ตะไคร้ น้ำมันยูคาลิปตัส
 ทายากันยุง หรือจะใช้สมุนไพรที่ป้องกันยุงได้ เช่น ตะไคร้ น้ำมันยูคาลิปตัส  นอนในมุ้ง เพื่อป้องกันการถูกยุงกัด
 นอนในมุ้ง เพื่อป้องกันการถูกยุงกัด ใช้เครื่องดักยุง หรือไม้ตียุงในการกำจัดยุง
 ใช้เครื่องดักยุง หรือไม้ตียุงในการกำจัดยุง เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถ้วยรองขาโต๊ะทุกสัปดาห์ สำหรับแจกันอาจจะใส่ทรายผสมลงไป ส่วยถ้วยรองขาโต๊ะให้ใส่เกลือเพื่อป้องกันลูกน้ำ
 เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถ้วยรองขาโต๊ะทุกสัปดาห์ สำหรับแจกันอาจจะใส่ทรายผสมลงไป ส่วยถ้วยรองขาโต๊ะให้ใส่เกลือเพื่อป้องกันลูกน้ำ  หมั่นตรวจสอบแหล่งกักเก็บน้ำ เช่น แทงค์ บ่อ กะละมัง ว่ามีลูกน้ำหรือไม่ และใช้ฝาปิดให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันยุงวางไข่
 หมั่นตรวจสอบแหล่งกักเก็บน้ำ เช่น แทงค์ บ่อ กะละมัง ว่ามีลูกน้ำหรือไม่ และใช้ฝาปิดให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันยุงวางไข่ หมั่นตรวจสอบถาดรองน้ำที่ตู้เย็นหรือเครื่องปรับอากาศ เพราะเป็นที่แพร่พันธุ์ของยุง โดยเฉพาะถาดระบายน้ำของเครื่องปรับอากาศบางเครื่องอาจออกแบบไม่ดี โดยมีรูระบายน้ำอยู่เหนือก้นถาดหลายเซนติเมตร ทำให้มีน้ำขังซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธ์ยุง
 หมั่นตรวจสอบถาดรองน้ำที่ตู้เย็นหรือเครื่องปรับอากาศ เพราะเป็นที่แพร่พันธุ์ของยุง โดยเฉพาะถาดระบายน้ำของเครื่องปรับอากาศบางเครื่องอาจออกแบบไม่ดี โดยมีรูระบายน้ำอยู่เหนือก้นถาดหลายเซนติเมตร ทำให้มีน้ำขังซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธ์ยุง  ตรวจสอบรอบ ๆ บ้านว่ามีแหล่งน้ำขังหรือไม่ ท่อระบายน้ำบนบนหลังคามีแอ่งขังน้ำหรือไม่ หากมีต้องจัดการ
 ตรวจสอบรอบ ๆ บ้านว่ามีแหล่งน้ำขังหรือไม่ ท่อระบายน้ำบนบนหลังคามีแอ่งขังน้ำหรือไม่ หากมีต้องจัดการ หากใครมีรั้วไม้ หรือต้นไม้ที่มีรูกลวง ให้นำคอนกรีตเทใส่ปิดรู เช่น ต้นไผ่ ต้องตัดตรงข้อและให้เทคอนกรีตปิดแอ่งน้ำ
 หากใครมีรั้วไม้ หรือต้นไม้ที่มีรูกลวง ให้นำคอนกรีตเทใส่ปิดรู เช่น ต้นไผ่ ต้องตัดตรงข้อและให้เทคอนกรีตปิดแอ่งน้ำ   เลี้ยงปลาในอ่างที่ปลูกต้นไม้ หรือแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพื่อให้กินลูกน้ำ
 เลี้ยงปลาในอ่างที่ปลูกต้นไม้ หรือแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพื่อให้กินลูกน้ำ ใช้ "ทรายอะเบท" กำจัดยุงลาย โดยให้นำทรายอะเบท 1 กรัม ใส่ในภาชนะที่มีน้ำขัง (อัตราส่วน 1 กรัมต่อน้ำ 10 ลิตร หรือ 20 กรัม) จะป้องกันไม่ให้เกิดลูกน้ำได้นานประมาณ 1-2 เดือนเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากใช้เสร็จแล้วต้องเก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด รวมทั้งเก็บในที่เย็น แห้ง และมีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ
 ใช้ "ทรายอะเบท" กำจัดยุงลาย โดยให้นำทรายอะเบท 1 กรัม ใส่ในภาชนะที่มีน้ำขัง (อัตราส่วน 1 กรัมต่อน้ำ 10 ลิตร หรือ 20 กรัม) จะป้องกันไม่ให้เกิดลูกน้ำได้นานประมาณ 1-2 เดือนเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากใช้เสร็จแล้วต้องเก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด รวมทั้งเก็บในที่เย็น แห้ง และมีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ ใช้สารลดแรงตึงผิว เช่น ผงซักฟอก สบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน ฉีดพ่นกำจัดยุง เพราะสารดังกล่าวจะไปทำลายระบบการหายใจของแมลง ทำให้แมลงตายได้
 ใช้สารลดแรงตึงผิว เช่น ผงซักฟอก สบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน ฉีดพ่นกำจัดยุง เพราะสารดังกล่าวจะไปทำลายระบบการหายใจของแมลง ทำให้แมลงตายได้ ใช้ยาฆ่าลูกน้ำ วิธีการนี้จะเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการระบาดและได้มีการสำรวจพบว่ามีความชุกของยุงมากกว่าปกติ
 ใช้ยาฆ่าลูกน้ำ วิธีการนี้จะเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการระบาดและได้มีการสำรวจพบว่ามีความชุกของยุงมากกว่าปกติ  ใช้สารเคมีพ่นตามบ้านเพื่อฆ่ายุง
 ใช้สารเคมีพ่นตามบ้านเพื่อฆ่ายุง เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย 
 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ 
 
          
        










