เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คนส่วนมากมองว่าการแปรงฟันเป็นเรื่องง่าย หลาย ๆ คนจึงไม่ได้ใส่ใจเวลาแปรง เคยชินกับวิธีการแปรงแบบไหนก็ทำอย่างนั้น โดยไม่รู้ว่าวิธีที่แปรงอยู่เป็นการรักษาฟันหรือทำลายฟันกันแน่
แล้วรู้ไหมว่าการแปรงฟันที่ไม่ถูกสุขลักษณะนั้นจะส่งผลเสียต่อฟันของคุณอย่างมหาศาล และก่อให้เกิดโรคในช่องปาก เช่น ฟันผุ โรคเหงือก ซึ่งเว็บไซต์ youbeauty.com บอกให้รู้ว่าคนเรามักจะมีพฤติกรรมการแปรงฟันผิด ๆ หลายอย่าง เรามาตรวจสอบตัวเองกันหน่อยดีกว่า ว่าวิธีการแปรงฟันของคุณตรงกับข้างล่างกี่ข้อ จะได้แก้ไขก่อนจะเสียฟันสวย ๆ ไปค่ะ
1. แปรงฟันเร็วเกินไป
ทันตแพทย์ Michael Lenchner กล่าวว่า โดยทั่วไปคนจะแปรงฟันเร็วมาก แต่ความจริงแล้วไม่ว่าคุณจะรีบเพื่อออกไปทำงาน หรืออยากจะล้มตัวลงนอนมากแค่ไหน คุณก็ต้องให้ความสำคัญกับการแปรงฟันด้วย คุณหมอจึงแนะนำว่า เพื่อสุขภาพฟันที่ดี ควรจะต้องใช้เวลาแปรงประมาณ 2-3 นาที ดังนั้น เวลาแปรงฟันครั้งต่อไป ควรจะตั้งนาฬิกาให้เตือนเมื่อแปรงครบ 2-3 นาที หรือจะเลือกใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าก็ได้ เพราะคุณสามารถตั้งเวลาการทำงานของแปรงได้
2. ไม่มองกระจกเวลาแปรงฟัน
ขณะแปรงฟันให้ส่องกระจกไปด้วย ดูว่าแปรงตรงไหนไปแล้วบ้าง แปรงทั่วทุกซอกทุกมุมหรือยัง เพราะบริเวณขอบเหงือก หรือช่วงรอยต่อระหว่างเหงือกกับฟันจะเป็นบริเวณที่สะสมของเชื้อแบคทีเรียหลากหลายชนิดจำนวนมาก ถ้าแปรงบริเวณนี้ไม่สะอาดคุณอาจจะเป็นโรคเหงือกอักเสบ หรือ โรคอื่น ๆ ที่เกิดจากแบคทีเรียบริเวณนี้ได้ โดยเฉพาะบริเวณฟันกรามซี่ท้าย ๆ ก็เป็นอีกบริเวณหนึ่ง ที่ต้องใส่ใจทำความสะอาด เพราะอยู่ลึก ถ้าไม่พิถีพิถันในการแปรง ฟันบริเวณนี้อาจจะผุ
นอกจากนี้ การใส่ใจในการแปรงฟันจะทำให้คุณสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของฟัน เช่น ฟันแตก บิ่น ร้าว หรือร่องรอยของการนอนกัดฟัน การทำเช่นนี้จะทำให้คุณสังเกตสัญญาณบางอย่างของโรคนอนกัดฟัน โรคนอนไม่หลับ เพื่อจะได้สามารถแจ้งอาการเหล่านี้ให้ทันตแพทย์ทราบได้
3. ไม่รู้วิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง
โดยปกติแล้วเนื้อฟันของเราถูกห่อหุ้มด้วยเคลือบฟัน (Enamel) ซึ่งเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของฟัน ถ้าคุณแปรงฟันผิดวิธี ตัวเคลือบฟันนี้ก็จะถูกทำลาย และส่งผลให้ฟันไม่แข็งแรง แตกง่าย ดังที่ทันตแพทย์ Michael Lenchner ได้เปรียบเทียบการแปรงฟันที่ผิดวิธีว่าเหมือนกับการเลื่อยต้นไม้ เพราะถ้าเราแปรงผิดก็เท่ากับว่าเรากำลังเลื่อยฟันของตัวเองอยู่ ดังนั้น เวลาแปรงฟันต้องให้ขนแปรงทำมุม 45 องศากับผิวฟัน และใช้ขนแปรงขัดฟันในทิศทางที่เป็นวงกลมค่อย ๆ หมุนแปรงไปเรื่อยทีละซี่สองซี่ จนกระทั่งครบทุกซี่ ทั้งด้านหน้า-หลังของผิวฟัน
ในส่วนฟันที่ใช้เคี้ยวอาหาร หรือด้านบนของฟัน สามารถแปรงแบบตรง ๆ โดยใช้ขนแปรงถูไป-มาได้ ที่สำคัญ อย่าลืมแปรงตรงบริเวณขอบเหงือกด้วย เนื่องจากบริเวณนี้จะมีการสะสมของแบคทีเรีย และเชื้อโรคมากมาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบ และฟันผุ
4. แปรงแรงเกินไป
การแปรงฟันแรงเกินไปทำให้เคลือบฟัน (Enamel) ถูกทำลาย ถ้าฟันของคุณไม่แข็งแรงอยู่แล้ว และแปรงฟันเร็วจนเป็นนิสัยด้วย ก็ยิ่งทำให้ฟันของคุณสึกหรอ นอกจากนี้การแปรงฟันแรงเกินไปตรงบริเวณใกล้กับขอบเหงือกจะทำให้เหงือกร่นและเป็นโรค abraction lesions หรือโรคที่เกิดจากฟันถูกกระแทกแรง จนเกิดรอยแตกขึ้นและส่งผลให้เคลือบฟันเสียหาย หรือแม้แต่การกดน้ำหนักลงบนฟันบ่อยๆ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เคลือบฟันถูกทำลายไปถึงชั้นแคลเซียม
5. ใช้แปรงสีฟันที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
แปรงสีฟันที่ไม่ถูกสุขลักษณะ คือ แปรงที่มีขนแปรงแข็งกระด้าง ดังนั้น คุณต้องเลือกแปรงที่มีขนนุ่มเพื่อจะไม่ทำลายเคลือบฟัน และทำให้เหงือกเป็นแผล อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์ Michael Lenchner แนะว่า แม้จะใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่มแล้ว แต่ถ้าแปรงผิดวิธีก็สามารถเกิดผลเสียกับฟันได้ เช่น เกิดรอยที่ฟัน นอกจากนี้ คุณหมอฟันยังแนะนำให้ใช้ แปรงสีฟันไฟฟ้า เพราะว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าจะช่วยให้คุณแปรงฟันได้นานตามเวลาที่คุณตั้งเอาไว้ และหัวแปรงจะหมุนเป็นวงกลม ซึ่งเป็นการแปรงฟันที่ถูกต้อง
เรื่องที่น่ากลัวอีกเรื่องหนึ่งคือ แปรงสีฟันจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรีย เชื้อโรคต่าง ๆ ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนแปรงทุก ๆ 3 เดือน หรือเปลี่ยนทันทีที่สังเกตเห็นว่าขนแปรงเริ่มบาน นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดแปรงโดยการแช่แปรงสีฟันในน้ำร้อนและเก็บในที่แห้ง
6. ใช้ยาสีฟันไม่ถูกสุขลักษณะ
การใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของเบกกิ้งโซดา แม้ว่ามันจะช่วยให้ฟันดูขาวขึ้น แต่มันจะไปทำลายเคลือบฟันด้วย คุณหมอฟันจึงแนะนำว่า ให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งแทนดีกว่า เพราะไม่ทำลายเคลือบฟัน
7. ไม่ใช้ไหมขัดฟัน
ความจริงแล้วไหมขัดฟันเป็นสิงที่จำเป็นมาก เพราะสามารถทำความสะอาดในบริเวณที่แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าไปทำความสะอาดได้ เช่น บริเวณระหว่างฟันสองซี่ ถ้าคุณไม่ใช้ไหมขัดฟันจะทำให้มีแบคทีเรีย รวมถึง คราบน้ำตาลสะสมอยู่บริเวณซอกฟัน และทำให้ฟันผุได้
วิธีการใช้ไหมขัดฟันมีดังนี้
พันไหมขัดฟันไว้ที่นิ้วชี้ ทั้งสองข้าง และใช้นิ้วโป้งช่วยจับไหมขัดฟันไว้
ใช้ไหมขัดฟันพันรอบฟันทีละซี่ ขัดขึ้น-ลง อย่าขัดข้างหน้า-หลัง และอย่าขัดแรงเพราะจะทำให้เจ็บเหงือกได้
ขณะขัดฟันไม่จำเป็นต้องขัดหน้ากระจก แต่ให้ขัดไปดูทีวีไปจะได้ไม่เบื่อ
8. ไม่บ้วนปาก
หลังจากแปรงฟัน ขัดฟันเสร็จแล้ว ถ้าคุณไม่ได้บ้วนปาก จะทำให้แบคทีเรียยังคงสะสมอยู่ในปาก เพราะฉะนั้นการบ้วนปากจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก การใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็เป็นการฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในปากด้วย แค่อม ๆ แล้วบ้วนทิ้ง เป็นการช่วยให้เคลือบฟันแข็งแรงมากขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุด คุณก็ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
หลังจากที่คุณได้ทราบพฤติกรรมการแปรงฟันที่ผิดสุขลักษณะแล้ว ลองตรวจดูวิธีการแปรงฟันของตัวเองดูนะคะ เพราะเรื่องที่ดูเหมือนเล็กน้อยแบบนี้ แต่ความจริงแล้วมันส่งผลเสียกับสุขภาพช่องปากอย่างมหาศาลเลยล่ะค่ะ ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการแปรงฟัน แล้วคุณจะมีรอยยิ้มที่สวยงาม ไม่ต้องอายใครเลยล่ะ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ