
ทำอย่างไรดี ไอ-จามที มีปัสสาวะเล็ด (ไทยรัฐ)
ข้อมูลจาก โรงพยาบาลเวชธานี
ปัญหาไอ-จามปัสสาวะเล็ดเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแก่สตรีที่มี ปัญหาดังกล่าวอย่างมาก โดยทำให้เกิดปัญหาการระคายเคืองต่อผิวหนัง การหมักหมม มีกลิ่นไม่พึงประสงค์และยังก่อให้เกิดปัญหาด้านจิตใจ เช่น ความวิตกกังวลต่อกลิ่นไม่พึงประสงค์ ปัญหาซึมเศร้า ทำให้ไม่กล้าออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต มีการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ามีค่าใช้จ่ายในการรักษาปัญหาปัสสาวะเล็ดราดจำนวนสูงถึง 26.3 พันล้านดอลลาร์หรือคิดเป็นค่าใช้จ่าย 3,565 ดอลลาร์ต่อคน จะเห็นได้ว่าปัญหานี้สมควรได้รับการดูแลแก้ไขอย่างจริงจัง
กลไกการกลั้นปัสสาวะในสตรี
เกิดจากผลรวมของความตึงตัว ของเนื้อเยื่อบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะ (bladder neck), ท่อปัสสาวะส่วนต้นและส่วนกลาง, เนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะ ทำให้ท่อปัสสาวะหดรัดตัว (constrictive pressure) และปิดตลอดเวลา ทำให้น้ำปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถเล็ดออกมาได้ถ้าตัวเรายังไม่ต้อง การให้ปัสสาวะไหลออกมา แต่ถ้าต้องการขับปัสสาวะจะเกิดสัญญาณประสาทไปยังกระเพาะปัสสาวะให้มีการหด ตัวและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้หย่อนตัวทำให้แรงดันในท่อปัสสาวะลดลง น้ำปัสสาวะจึงไหลออกมาได้
สาเหตุของการเกิดปัสสาวะเล็ดเวลาไอ-จาม
การหย่อนยานหรือการฉีกขาดของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำ ให้มีอวัยวะในอุ้งเชิงกรานโผล่ย้อยออกมาภายนอก เช่น กระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก ซึ่งภาวะนี้จะสัมพันธ์กับความยากของการคลอดบุตรทางช่องคลอด การเสื่อมของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานซึ่งสัมพันธ์กับ อายุที่มากขึ้น การขาดฮอร์โมนเพศหญิง กรรมพันธุ์ การเพิ่มความดันในช่องท้องอย่างเรื้อรัง เช่น การไอ จาม ท้องผูกเรื้อรัง และการยกของหนักเป็นประจำ อ้วน การได้รับอันตรายต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน การเสื่อมของท่อปัสสาวะ ยาที่มีผลยับยั้งการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่ไปควบคุมการทำงานของท่อ ปัสสาวะส่วนต้นและคอกระเพาะปัสสาวะ เช่น ยาลดความดันโลหิตบางตัว
การรักษา
กำจัดสาเหตุ เช่น รักษาภาวะไอ จาม ท้องผูกเรื้อรัง หลีกเลี่ยงการยกของหนักบ่อยๆ ลดความอ้วน ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำได้โดยสอดนิ้วชี้เข้าไปในช่องคลอดให้ลึกประมาณสองข้อนิ้วมือ แล้วทำการขมิบช่องคลอด โดยเราจะรู้สึกว่ามีกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดมากระชับนิ้ว ทำให้นิ้วถูกยกขึ้น ระยะเวลาขมิบประมาณ 2-4 วินาที ทำวันละ 50-70 ครั้ง ซึ่งได้ผลประมาณ 40-60% หลังปฏิบัติใน 3-6 เดือน แต่มีข้อจำกัดคือ ถ้าหยุดปฏิบัติแล้วจะมีโอกาสที่กลับมาเป็นได้ใหม่ และมีรายงานว่ามีถึง 49% ที่ไม่สามารถฝึกบริหารได้อย่างถูกต้อง
พฤติกรรมบำบัด ใช้หลัก squeeze before sneeze โดยฝึกตัวเองว่าก่อนเวลาไอหรือจามทุกครั้งให้ฝึกขมิบช่องคลอดก่อนเวลาไอหรือ จามจนเป็นนิสัย เปรียบได้กับก่อนที่จะไอหรือจาม แล้วเราเอามือปิดที่ปากก่อน
การผ่าตัด จะใช้เมื่อใช้วิธีข้างต้นแล้วไม่ได้ผล
การผ่าตัด ในปัจจุบันการผ่าตัดที่ถือว่าเป็นมาตรฐานคืออัตราการหายขาดในระยะเวลา 5 ปีอยู่ที่ร้อยละ 85-90 ได้แก่



กล่าวโดยสรุป ปัญหาไอ-จามปัสสาวะเล็ดเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ ป่วยเป็นอย่างมาก ถึงแม้ไม่ใช่โรคร้ายแรงที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแต่ก็ควรได้รับการแก้ไข ซึ่งการแก้ไขมีตั้งแต่การปรับพฤติกรรมการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานจนถึง การผ่าตัดรักษา ซึ่งได้ผลดีและมีภาวะแทรกซ้อนต่ำ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
