x close

ฟักทอง ของอร่อยดี ๆ ที่มีประโยชน์ครบเซต !


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ฟักทองผัดไข่.. ฟักทองเชื่อม.. สังขยาฟักทอง.. และอีกสารพัดเมนูฟักทอง น่าจะเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน เพราะนอกจากจะอิ่มอร่อยแล้ว ผักสีเหลือง ๆ อย่าง "ฟักทอง" ก็ยังมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกเพียบ ขอบอกเลยว่า ใครที่เคยเมินหน้าหนีไม่ชอบกินฟักทอง คงต้องรีบอ่านข้อมูลดี ๆ แล้วหันกลับมาทานฟักทองกันแล้วล่ะค่ะ

บำรุงสายตาให้แหลมคม

          เห็นเป็นผักสีเหลืองส้มแบบนี้ก็น่าจะรู้แล้วล่ะว่าในฟักทองเปี่ยมไปด้วยวิตามินเอสูงมาก ๆ โดยฟักทองบด 1 ถ้วยให้วิตามินเอสูงถึง 200% ของปริมาณที่แนะนำใน 1 วันเลยทีเดียว อย่างที่รู้ว่าวิตามินเอมีส่วนช่วยบำรุงสายตา ทำให้ดวงตาของเรามองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้น และยังช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตาด้วย

ตัวช่วยลดน้ำหนัก

          ใครกำลังมองหาอาหารลดน้ำหนักอยู่ล่ะก็ อย่ามองข้ามฟักทองไปเด็ดขาดนะ เพราะในฟักทองมีไฟเบอร์สูงถึง 3 กรัมต่อ 1 ถ้วยเสิร์ฟ แถมยังให้แคลอรี่เพียง 49 แคลอรี่เท่านั้น ซึ่งจะช่วยทำให้คุณอิ่มนาน ๆ ในแคลอรี่แค่นิดเดียว

          ถ้าไม่เชื่อลองไปดูงานวิจัยปี 2009 ที่เขาพบว่า คนที่ทานแอปเปิล 1 ลูกก่อนมื้ออาหาร จะทานอาหารได้น้อยกว่าคนที่ดื่มน้ำแอปเปิลก่อนมื้ออาหาร เพราะแอปเปิลทั้งลูกจะมีเส้นใยไฟเบอร์สูงกว่าน้ำผลไม้ที่คั้นแล้วนั่นเอง แน่นอนว่า เส้นใยในฟักทองก็ไม่ต่างกัน ดังนั้น ถ้าอยากทานอาหารในแต่ละมื้อให้น้อยลง เพื่อลดน้ำหนัก รีบหาฟักทองมาทานก่อนมื้อเที่ยงเลย
 

ฟักทอง

เร่งเครื่องระบบภูมิคุ้มกัน

          ใครว่าฟักทองมีแค่วิตามินเอเท่านั้น จริง ๆ ยังมีวิตามินซีอยู่อีกไม่น้อย ซึ่งอย่างที่รู้กันว่า วิตามินซีจะช่วยดูแลระบบภูมิคุ้มกันของคุณ ทำให้ไม่ป่วยเป็นหวัดง่าย ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาได้จากฟักทองที่ให้วิตามินซีถึง 11 มิลลิกรัม (1 ถ้วย) หรือเกือบ ๆ 20% ของปริมาณที่แนะนำให้ผู้หญิงทานต่อวันเลยทีเดียว


ลดโอกาสเกิดมะเร็ง

          สารเบต้าแคโรทีนที่มีอยู่ในฟักทอง นอกจากจะช่วยดูแลสายตาแล้ว ยังอาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งขึ้นได้ด้วย เพราะมีผลการวิจัยบอกว่า สารนี้ช่วยต้านอนุมูลอิสระอันเป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีกรดโปรไพโอนิคซึ่งมีส่วนช่วยให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง และสำหรับคุณผู้ชายทั้งหลายก็ควรทานฟักทองเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีการศึกษาพบว่า สารอาหารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในฟักทอง สามารถช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ต่อมลูกหมากโต และการเป็นหมันในผู้ชายได้

บำรุงผิวพรรณ

          อย่างที่รู้กันว่า อนุมูลอิสระนอกจากจะทำให้เซลล์เสื่อมกลายเป็นมะเร็งแล้ว ก็เป็นศัตรูตัวร้ายต่อผิวพรรณเช่นกัน เพราะจะทำให้ผิวของคุณสาว ๆ เหี่ยวย่น หมองคล้ำ ดูไม่ผ่องใสเอาเสียเลย แต่ถ้าทานฟักทองที่มีแคโรทีนอยด์เข้าไป ก็จะช่วยลดความเสื่อมของเซลล์จากอนุมูลอิสระได้ดีขึ้น ทานบ่อย ๆ รับรองว่าผิวพรรณของคุณสาว ๆ จะดูมีน้ำมีนวลขึ้นเลยล่ะ
 

เมล็ดฟักทอง

เคี้ยวแล้วอารมณ์ดี

          ในเมล็ดฟักทองมีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "ทริปโตฟาน" ซึ่งสารนี้มีอยู่ในกล้วย และนมด้วย มีส่วนช่วยทำให้นอนหลับสบาย เพราะทริปโตฟานจะไปสร้างสารเซโรโทนีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่ง ถ้าใครกำลังเครียด ๆ คิดอะไรไม่ออก ก็หยิบเมล็ดฟักทองมานั่งเคี้ยวเล่น ๆ สัก 1 กำมือ รับรองว่าคุณจะรู้สึกอารมณ์ดี ผ่อนคลายหายเครียดแน่นอน

ปกป้องหัวใจ

          ไม่ว่าจะเป็นถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดธัญพืช รวมทั้งเมล็ดฟักทองด้วย ต่างก็มีสารธรรมชาติที่ชื่อว่า ไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ซึ่งมีงานวิจัยชี้ชัดว่า สารนี้ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) อันเป็นบ่อเกิดของโรคหลอดเลือดและหัวใจนั่นเอง

เติมพลังหลังออกกำลังกาย

          คนที่ชอบออกกำลังกายคงเคยได้ยินว่าให้ทานกล้วยหลังออกกำลังเพื่อเพิ่มพลัง แต่ถ้าใครไม่ชอบกล้วยก็ลองเปลี่ยนมาทานฟักทองนึ่งดู เพราะในฟักทองมีโพแทสเซียมสูงถึง 564 มิลลิกรัม มากกว่ากล้วยที่มีเพียง 422 มิลลิกรัมเท่านั้น ซึ่งโพแทสเซียมนี้จะช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากออกกำลังกายมาหนัก ๆ และดูแลการทำงานของกล้ามเนื้อให้สามารถทำงานได้ดีเหมือนเดิม


ฟักทอง

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

          หลายคนเลือกทานเฉพาะเนื้อฟักทองแต่ไม่ทานเปลือก นั่นแสดงว่าคุณพลาดของดีไปแล้วล่ะคะ เพราะในเปลือกฟักทองมีฤทธิ์ทางยามากมาย ที่สำคัญก็คือจะไปช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงสามารถป้องกันโรคเบาหวาน และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้

ป้องกันการเกิดนิ่ว

          ในเมล็ดฟักทองนั้น นอกจากจะมีแป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีน และวิตามินแล้ว ยังมีสารที่ชื่อว่า "คิวเคอร์บิติน" ซึ่งสารนี้มีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิตัวตืด อีกทั้งยังช่วยขับปัสสาวะด้วย จึงสามารถป้องกันการเกิดนิ่ว และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เช่นกัน

          ประโยชน์ครบเซตแบบนี้ ใครไม่ทานฟักทองเสียดายแย่เลยนะ แต่ก็ขอเตือนไว้นิดนึงว่า เนื่องจากฟักทองมีฤทธิ์อุ่น หากทานมาก ๆ อาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม รู้สึกกระหายน้ำ หิวง่าย ก็ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะฟักทองจะไปกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นนั่นเอง







 

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ฟักทอง ของอร่อยดี ๆ ที่มีประโยชน์ครบเซต ! อัปเดตล่าสุด 20 พฤษภาคม 2563 เวลา 10:20:06 21,403 อ่าน
TOP