อาการแปลก ๆ ส่งสัญญาณสุขภาพไม่ดี

ตรวจสุขภาพ

อาการแปลก ๆ ส่งสัญญาณสุขภาพไม่ดี (ไทยโพสต์)

          ตอนที่ภรรยาของเขา เอลซี วัย 50 หันมากินผักกาดหอมเป็นว่าเล่น แล้วในช่วงนั้น คือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์  2545 เอลซีสังเกตเห็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ ที่เต้านมข้างซ้าย เธอไม่ได้วิตกอะไร แต่จิม แคมพ์เบล วัย 57 ชาวเมืองเดอร์บี ประเทศอังกฤษ นักนิติวิทยาศาสตร์  รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เขาลงมือค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ต ด้วยการพิมพ์คำว่า  "มะเร็ง"  และ "ผักกาดหอม"

          "ขนหัวของผมลุกชัน ผมพบว่าผักกาดหอมมีสารประกอบที่ชื่อ ซัลโฟราเฟน ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง เอลซีรีบไปหาหมอ หมอผ่าเอาเนื้องอกที่เต้านมออก  และฉายรังสีรักษา จากนั้นอาการอยากกินผักกาดหอมของเธอก็หายเป็นปลิดทิ้ง"

          จากนั้น เขาเกิดความคิดว่า อาการแปลก ๆ ของคนเราอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพที่ผิดปกติ เขาจึงลงมือรวบรวมอาการแปลกกว่า 100 อย่าง เขียนเป็นหนังสือชื่อ  "ภาษากายของสุขภาพ" ซึ่งมุ่งให้ความรู้ว่า ภาษากายเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร

          แต่เขาเตือนว่า "ถึงแม้ผมได้ค้นคว้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ผมไม่ใช่แพทย์ ถ้าใครรู้สึกวิตกกับสุขภาพของตัวเอง หรืออ่านแล้วเกิดข้อสงสัยประการใด ขอให้ไปพบหมอในทันที"

ต่อไปนี้เป็นเพียงบางตัวอย่างจากหนังสือเล่มนี้

กัดเล็บ

สาเหตุ  :  ขาดแคลเซียม  และแร่ธาตุอื่น ๆ

          ผู้คนหลายล้านชอบกัดเล็บ และไม่อาจเลิกนิสัยนี้ได้ ทั้งที่รู้ว่าในซอกเล็บมีแบคทีเรียมากมาย และเล็บจะไม่สวย อันที่จริงเรื่องนี้อาจมีสาเหตุ

          เล็บและเส้นผมมีแร่ธาตุชนิดเดียวกับในกระดูก คือ โซเดียม แคลเซียม โปแตสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง และสังกะสี เรามักได้รับแร่ธาตุเหล่านี้จากอาหารไม่เพียงพอ  ดังนั้น เล็บจึงกลายเป็นแหล่งแสวงหาที่ดี

          เมื่อเรากัดเล็บ สมองจะมีวงจรการให้รางวัล นั่นเป็นเหตุให้การกัดเล็บกลายเป็นนิสัย  และโลหะอัลคาไล (แคลเซียม โปแตสเซียม โซเดียม) ในเล็บยังช่วยขจัดกรดส่วนเกินที่ร่างกายขับออกมาเวลาเครียดด้วย ดังนั้น การกัดเล็บจึงเกี่ยวข้องกับความเครียดอีกสถานหนึ่ง การกินพวกแร่ธาตุเสริมจะช่วยให้เลิกนิสัยนี้ได้

หนังด้านที่ต้นแขน

สาเหตุ  :  ขาดกรดไขมันที่จำเป็น

          รอยตะปุ่มตะป่ำเล็ก ๆ บนผิวหนังตามท่อนแขนหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ไม่สามารถขจัดได้ด้วยครีม เพราะมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากพันธุกรรมและอาหาร

          อาการนี้เกิดขึ้นเมื่อมีโปรตีนเคอราตินสะสมในรูขุมขน เนื่องจากขาดซีบัม ซึ่งเป็นน้ำมันตามธรรมชาติทำหน้าที่หล่อลื่นผิวหนัง

          เมื่อขาดซีบัม กระบวนการผลัดเปลี่ยนผิวหนังตามธรรมชาติก็สะดุด ทำให้เคอราตินพอกพูนขึ้น โดยเฉพาะบริเวณต้นแขน ขา และก้น ซึ่งสารหล่อลื่นมักมีน้อยตามธรรมชาติ

          กรดไขมันที่จำเป็น  (อีเอฟเอ) มีความสำคัญต่อการผลิตซีบัม ภาวะการมีอีเอฟเอต่ำทำให้ผิวหนังผิดปกติ เช่น เกิดผื่นแดงหรือผิวหนังอักเสบ การมีซีบัมน้อยทำให้ผิวหนังแห้ง

          วิธีทำให้ร่างกายผลิตซีบัมมากขึ้น ก็คือ กินปลาที่มีไขมันสูง หรือน้ำมันปลา น้ำมันมะกอก ไข่ วอลนัต น้ำมันเมล็ดปอ

นั่งไขว่ห้าง

สาเหตุ  : ความดันเลือดต่ำ

          เรามักนึกว่า การยืนไขว้ขา หรือนั่งไขว่ห้าง เป็นนิสัย แต่นี่อาจบ่งบอกว่าคุณมีความดันเลือดต่ำ

          การยืนไขว้ขาเป็นวิธีที่ได้ผลในการยับยั้งความดันโลหิตไม่ให้ลดลง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราลุกขึ้นยืนอย่างพรวดพราด การไขว้ขาเกิดจากการสั่งของสมองเพื่อรักษาเลือดที่ไปหล่อเลี้ยง ให้มีปริมาณเพียงพอ  วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้ความดันเลือดตก  โดยลดปริมาณเลือดที่จะไหลลงไปยังส่วนขา

ผิวเหลือง

สาเหตุ  :  ต่อมไธรอยด์ทำงานน้อย

          เรามักเข้าใจว่า สีผิวที่ดูซีดเหลืองบ่งบอกถึงโรคดีซ่านหรือโรคตับ แต่สาเหตุที่พบบ่อยและไม่ได้อันตรายร้ายแรงขนาดนั้นก็คือ ภาวะขาดไธรอยด์

          อาการร่วมอื่น ๆ ก็คือ รู้สึกเย็น อ่อนเพลีย ผิวแห้ง ผมเสีย และเล็บเปราะ

          ภาวะต่อมไธรอยด์ทำงานน้อยเกิดจากภูมิต้านทานตนเอง ระบบภูมิต้านทานได้ต่อต้านต่อมนี้ ผลก็คือ ต่อมไธรอยด์ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนไธรอกซีนได้อย่างเพียงพอ

          หน้าที่อย่างหนึ่งของไธรอกซีนคือ เปลี่ยนสารต่อต้านอนุมูลอิสระ แคโรทีน ซึ่งพบในแครอท ให้เป็นสารเรตินอล ดังนั้น หากมีไธรอกซีนไม่เพียงพอ เราจะมีแคโรทีนมากเกินไป  ซึ่งทำให้ผิวมีสีออกเหลือง ๆ

เลือดกำเดา  หรือเลือดออกตามไรฟัน

สาเหตุ  :  ขาดวิตามินเค หรือวิตามินซี

          เลือดกำเดาออกนานกว่าจะหยุดโดยไม่รู้สาเหตุ  เลือดออกตามไรฟันหลังแปรงฟัน  มีเลือดออกมายมายเมื่อผิวหนังเกิดบาดแผล ล้วนเป็นอาการที่แสดงว่าเลือดในร่างกายไม่ยอมจับตัวเป็นลิ่ม

          เรื่องนี้อาจเกิดจากการขาดโปรตีน โพรทรอมบิน ซึ่งช่วยให้เลือดจับตัวเป็นลิ่ม มักพบในคนที่ชอบเลือกกิน คนชรา คนที่ขาดสารอาหาร

          วิตามินเคช่วยทำให้เลือดจับตัวเป็นลิ่ม หากขาดวิตามินเค รอยมีดบาดนิดเดียวก็ทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้ วิตามินชนิดนี้มีในผักหลายชนิด เช่น บร็อกโคลี ผักโขม

          เลือดออกตามไรฟัน ยังบ่งบอกถึงโรคเหงือกด้วย ซึ่งเป็นเพราะขาดวิตามินซี

ขยี้ตา

สาเหตุ  :  เครียด

          เด็กเล็กขยี้ตาเมื่อเหนื่อยเพลีย แต่ผู้ใหญ่ขยี้ตาหรือบีบปลายจมูกตอนยังตื่นไม่เต็มที่

          เมื่อเราขยี้ตาจะเป็นการกดบริเวณกล้ามเนื้อตรงตา ซึ่งทำหน้าที่กลอกลูกนัยน์ตา เป็นการกระตุ้นประสาทสมองเส้นที่ 10 ซึ่งควบคุมการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นช้าลง นี่เป็นต้นเหตุให้คนเราใช้นิ้วและมือขยี้ตาและใบหน้า เพราะทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายลง

          ถ้าใครชอบทำแบบนี้บ่อย ๆ ควรลองมองหาสาเหตุที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเครียด

มือสั่น

สาเหตุ  : ขาดแมกนีเซียม และวิตามินบี1

          คนในวัย 40 ขึ้นราว 5% มีอาการสั่นซึ่งไม่เกี่ยวกับสภาพทางประสาท อาจมีการนี้ที่มือ  ลำคอ ใบหน้า หรือเท้า และอาจรู้สึกรำคาญกับเสียง นอนไม่หลับ ชีพจรเต้นผิดปกติ  และกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการเหล่านี้อาจเกิดจากการขาดวิตามินบี1 และแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการควบคุมประสาท

          วงการแพทย์พบว่า การขาดแมกนีเซียมในผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรังเป็นต้นเหตุของอาการสั่นและชักกระตุก ทารกที่ขาดวิตามินชนิดนี้ก็มีอาการสั่นได้เช่นกัน

          วิตามินบี1 และแมกนีเซียม สามารถละลายน้ำได้ และถูกขับออกจากร่างกายได้ง่าย จึงควรเติมเข้าไปใหม่อย่างสม่ำเสมอ

เหงื่อออกมาก

สาเหตุ  :  เบาหวาน และ/หรือขาดโครเมียม

          ภาวะเหงื่อออกมากอาจเกิดขึ้นอย่างปุบปับ สำหรับผู้หญิงในวัย 40 ปีขึ้นไป สาเหตุอาจเป็นเพราะใกล้ถึงวัยหมดประจำเดือน ขณะที่คนอ้วนมักมีเหงื่อออกท่วมเพราะร่างกายต้องทำงานหนัก แต่การมีเหงื่อออกอาจเกิดจากสาเหตุที่น่าวิตกกว่านั้น

          เบาหวานประเภทที่หนึ่ง  (คนที่เป็นเบาหวานตั้งแต่เด็ก)  มักทำให้รู้สึกร้อนมากกว่าที่คนรอบข้างรู้สึก เพราะเบาหวานรบกวนการทำงานของต่อมเหงื่อเนื่องจากมีเลือดหมุนเวียนน้อย

          คนที่เป็นเบาหวานประเภทที่สอง อาจมีเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น บริเวณรักแร้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับอินซูลิน

          งานวิจัยหลายชิ้นแนะว่า โครเมียมสามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและลดระดับอินซูลินได้ แต่สารอาหารนี้มักสูญเสียไปในกระบวนการแปรรูปอาหาร หากใครมีเหงื่อออกมาก ควรลองกินโครเมียมเสริม

ปลายจมูกยับย่น

สาเหตุ  : โรคภูมิแพ้

          ถ้าทารกหรือเด็กเล็กมีอาการคัดจมูก ก็มักหายใจทางปาก จามบ่อย และขยี้จมูกเพราะยังสั่งน้ำมูกไม่เป็น แต่ถ้าเด็กมักใช้ฝ่ามือดันจมูกเป็นนิสัย กระทั่งเกิดรอยยับย่นที่ปลายจมูก เด็กอาจเป็นภูมิแพ้

          จมูกเป็นปราการด่านแรก ที่ป้องกันสิ่งทำให้ระคายเคืองที่อยู่ในอากาศ อาการจมูกอักเสบจึงบ่งบอกว่า ร่างกายได้สูดหายใจเอาสารทำให้แพ้เข้าไป

          หากสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้ไม่ถูกขจัดไป รอยยับย่นที่จมูกจะยังคงอยู่ไปชั่วชีวิต

ผิวลาย

สาเหตุ  :  ขาดสังกะสี

          ผิวลายพบบ่อยที่สุดในช่วงตั้งครรภ์ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นในช่วงเวลาอื่น ๆ ที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงขนาดอย่างปุบปับได้ด้วย เช่น ตอนเป็นวัยรุ่น ผิวลายอาจจางลงได้ แต่จะไม่หายไปจนหมดสิ้น

          สังกะสีช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น การขาดสังกะสีจะยิ่งทำให้ผิวลายมองเห็นได้ชัดขึ้น

          การขาดสังกะสียังส่งผลต่อการสมานแผล ความพร้อมมีบุตร และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ด้วย ฉะนั้น ควรกินอาหารที่มีสังกะสีมาก เช่น หอย (โดยเฉพาะหอยนางรม) จมูกข้าว ชีส ไข่ และเนื้อ

          แต่สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ดูดซับเอาจากอาหารได้ค่อนข้างยาก สังกะสีมักออกไปในน้ำแกง  ฉะนั้นควรซดน้ำด้วย เช่น น้ำซุป หรือน้ำที่เคี่ยวจากเนื้อ

เหงื่อมีสี

สาเหตุ  :  ผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรีย

          เหงื่อมีสีเหลือง สีเขียว สีฟ้า หรือสีดำ แม้ดูน่าตกใจ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล นั่นบ่งบอกว่าแบคทีเรียที่สร้างเม็ดสีได้สะสมอยู่ในต่อมเหงื่อที่รักแร้ อวัยวะเพศ หรือเต้านม สีต่าง ๆ นั้นเกิดจากการที่แบคทีเรียได้สัมผัสกับอากาศ

เท้าแดง

สาเหตุ  :  ขาดวิตามินบี5

          เท้าที่มีอาการร้อนและบวมแดง มักเกิดในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นเพราะขาดวิตามินบี5

          บี5  เป็นวิตามินต่อต้านความเครียด ช่วยให้สมองผลิตสารเคมีที่ควบคุมระบบประสาท  และวิตามินชนิดนี้จะปลดปล่อยพลังงานจากไขมันที่ถูกกักเก็บไว้

          การขาดวิตามินบี5  จะรบกวนการผลิตพลังงานจากไขมันที่เก็บไว้ ทำให้เท้ามีอาการแดง  หรือบางครั้งอาจแดงทั่วปลายขา โดยเฉพาะขณะพักผ่อนในตอนค่ำหรือกลางคืนซึ่งเลือดมีการหมุนเวียนน้อยลง

ขี้หูเยอะ

สาเหตุ  :  ขาดไขมันที่จำเป็น

          ขี้หูทำหน้าที่ทำความสะอาด หล่อลื่น และป้องกันช่องหู โดยดักจับฝุ่นละอองและน้ำ  โดยทั่วไปก็จะตกสะเก็ดและร่วงออกมาเอง แต่การมีขี้หูมากก็จะเกิดการสะสมจนเป็นก้อนแข็งภายในรูหู ทำให้หูอื้อ และรู้สึกคัน

          อาการขี้หูมากเกิดจากการขาดไขมันที่จำเป็นหรืออีเอฟเอ ซึ่งควบคุมสารประกอบชนิดหนึ่ง หากสารประกอบนี้มีมากเกินไปในช่องหู ร่างกายจะคิดว่าเกิดการติดเชื้อ และพยายามจะจัดการกับการติดเชื้อ ด้วยการผลิตขี้หูออกมามากขึ้น




ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อาการแปลก ๆ ส่งสัญญาณสุขภาพไม่ดี อัปเดตล่าสุด 8 ธันวาคม 2552 เวลา 20:26:12 20,494 อ่าน
TOP