ตากุ้งยิงเป็นตุ่มบวมแดงที่เมื่อใครเป็นตากุ้งยิงก็มักจะโดนแซ็วว่าไปแอบดูใครโป๊มาหรือเปล่า เรามาดูกันค่ะว่าจริง ๆ แล้วตากุ้งยิงเกิดจากอะไรกันแน่
เมื่อเกิดอาการตากุ้งยิงขึ้นกับใครก็ตาม
นอกจากจะทำให้เสียบุคลิกภาพเพราะตาบวมแดงแล้ว
บางคนยังอาจถูกแซ็วว่าไปแอบดูอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า
จึงทำให้เป็นตากุ้งยิงขึ้นมาได้
ทว่าเราอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปไกลเกินกว่าจะเข้าใจผิด ๆ
แบบนั้นอีกต่อไปแล้วค่ะ ดังนั้นเรามารู้ไปพร้อมกันเลยว่า ตากุ้งยิง โรคนี้เกิดจากอะไรกันแน่
ตากุ้งยิง คืออะไร
ตากุ้งยิง เกิดจากอะไร
โรคตากุ้งยิงเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณเปลือกตา โดยบางรายอาจมีการอุดตันของต่อมไขมันหรือต่อมเหงื่อบริเวณเปลือกตานำมาก่อน แล้วเกิดการติดเชื้อซึ่งมีอยู่เป็นปกติในบริเวณนั้นตามมา หรือเมื่อมีเชื้อโรคเข้าไปจึงทำให้เกิดอาการอักเสบเป็นหัวหนองที่เปลือกตาบนหรือเปลือกตาล่าง
เรารู้กันแล้วว่าโรคตากุ้งยิงเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสาเหตุที่อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ดวงตาง่ายขึ้น จนเป็นตากุ้งยิงได้ก็อย่างเช่น
- ขยี้ตาบ่อย ๆ จนเปลือกตามีเชื้อแบคทีเรียหรือฝุ่นเกาะติดอยู่
- ล้างเครื่องสำอางออกไม่หมด
- ใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ด้วยมือที่ไม่สะอาด
- ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ไม่สะอาดเช็ดดวงตา
- เช็ดถูดวงตาด้วยเสื้อผ้าที่ใส่อยู่
- ล้างหน้าด้วยน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
- น้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา
- ฝุ่นละอองในอากาศลอยเข้าดวงตา
ตากุ้งยิง ใครเสี่ยงเป็นมากที่สุด
ตากุ้งยิงเป็นโรคที่พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่มักจะพบในเด็กอายุ 4-10 ขวบได้บ่อย อาจเพราะเด็กวัยนี้ยังไม่รู้จักรักษาความสะอาดดีเท่าที่ควร เช่น อาจเล่นดินเล่นฝุ่นแล้วเอามือมาขยี้ตา เป็นต้น
ทว่าในผู้ใหญ่ที่เป็นตากุ้งยิงบ่อย ๆ อาจบ่งบอกได้ว่ามีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ แฝงอยู่ดังต่อไปนี้
- มีความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง หรือตาเข ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเสี่ยงเป็นตากุ้งยิงบ่อยเพราะเปลือกตาต้องทำงานมากกว่าปกติ เช่น ต้องขยี้ตา หรี่ตา หรือเพ่งสายตามากกว่าปกติเพื่อให้มองเห็นได้ชัด
- สุขภาพทั่วไปไม่ดี เช่น เป็นโรคเรื้อรัง ขาดอาหาร ฟันผุ ไซนัสอักเสบ อดนอน เป็นต้น
- ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำทำให้ติดเชื้อง่าย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เบาหวาน หรือกินยาสเตียรอยด์นาน ๆ เป็นต้น
ตากุ้งยิง อาการเป็นอย่างไร
อาการตากุ้งยิงจะเป็นตุ่มบวมแดงหรือเป็นหนองที่เปลือกตา ระยะแรกจะมีอาการปวด บวม บางรายมีอาการบวมมากจนตาปิด หรือบางรายมีหนองไหลออกจากเปลือกตา และในกรณีที่หนองแตกในตาจะทำให้มีขี้ตาเป็นสีเขียว
อย่างไรก็ดี อาการตากุ้งยิง มีอยู่หลายลักษณะด้วยกัน ซึ่งโดยทั่วไปจะสามารถแบ่งโรคตากุ้งยิงได้ 3 ประเภท ดังนี้
1. External hordeolum
โรคตากุ้งยิงที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมัน ลักษณะเป็นตุ่มหนองที่บริเวณเปลือกตาด้านนอก มีอาการแดง เจ็บ ซึ่งเราอาจเรียกตากุ้งยิงชนิดหัวผุดก็ได้
2. Internal hordeolum
โรคตากุ้งยิงที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่บริเวณเปลือกตาด้านใน จะพบเป็นตุ่มนูนแดง เจ็บ ซึ่งเราอาจเรียกตากุ้งยิงชนิดหัวหลบใน
3. Chalazion
เป็นการอักเสบเรื้อรังของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา ตากุ้งยิงจะมีลักษณะนูนแข็ง กดไม่เจ็บ หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ตาเป็นซิสต์
เป็นตากุ้งยิง ทำไงดี
หากรู้สึกว่าตัวเองเป็นตากุ้งยิง ให้ดูแลตัวเองเบื้องต้นดังนี้
1. ล้างมือบ่อย ๆ
2. งดใช้เครื่องสำอาง
3. หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์
4. ไม่ควรบีบหนองออกเอง เพราะอาจทำให้อักเสบมากขึ้น
ตากุ้งยิง รักษาอย่างไร
เมื่อสงสัยว่าเริ่มเป็นตากุ้งยิง ก็ควรรีบมาพบจักษุแพทย์โดยเร็ว เพราะในระยะแรก จะมีลักษณะเปลือกตาอักเสบ ยังไม่มีหนอง ถ้าได้ใช้ยาทันท่วงที และใช้น้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นวันละ 2-4 ครั้ง จะทำให้ไม่เกิดการรวมตัวเป็นฝีขึ้น กุ้งยิงก็จะหายได้โดยการใช้ยาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องผ่าฝี ทั้งนี้การใช้ยาควรได้รับการตรวจตาและสั่งยาโดยแพทย์ โดยยาที่ใช้มักเป็นยาปฏิชีวนะหยอดตาป้ายตา และบางรายอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะรับประทานร่วมด้วย
แต่ในรายที่เป็นฝีหรือตุ่มเป็นไตขึ้นมาแล้ว จำเป็นต้องทำการผ่าฝีและขูดบริเวณนั้นออกให้สะอาดจริง ๆ ร่วมกับการใช้ยาเพื่อรักษาให้หายขาดและไม่ให้เป็นซ้ำอีก ในบางรายอาจเป็นซ้ำได้ถ้าหนองยังออกไม่หมด หรือการอักเสบยังไม่หายดี
วิธีดูแลตัวเองหลังเจาะกุ้งยิง
1. ปิดตาไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง หลังจากนั้นสามารถเปิดตาเองได้ ล้างหน้าได้ตามปกติ
2. หากมีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวดครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
3. วันรุ่งขึ้นให้ประคบน้ำอุ่น โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น บิดให้หมาด แล้วประคบลงบนเปลือกตาข้างที่เป็นกุ้งยิงครั้งละ 10-15 นาที ในขณะที่ประคบให้หลับตาไว้ วิธีนี้จะช่วยลดอาการปวด บวม หรือช้ำได้
ตากุ้งยิง ป้องกันได้ ง่ายนิดเดียว
1. ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณเปลือกตา ใบหน้า และเส้นผม โดยเฉพาะผู้หญิงควรต้องสระผมบ่อย ๆ
2. ระวังอย่าให้ผมแยงตา
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณเปลือกตา หรือขยี้ตาบ่อย ๆ
4. หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าเช็ดหน้าร่วมกับผู้อื่น
5. ล้างเครื่องสำอางให้สะอาด โดยเฉพาะบริเวณดวงตา
6. เมื่อสงสัยว่ามีอาการตากุ้งยิง ให้รีบมารักษากับแพทย์โดยเร็ว
แค่เรารักษาสุขอนามัยของตัวเองให้ดี และพยายามอย่าใช้มือขยี้ตาหรือสัมผัสดวงตาบ่อย ๆ รวมทั้งควรสวมใส่แว่นตาเมื่อต้องเผชิญกับกลุ่มควันและฝุ่นละออง เท่านี้ก็จะช่วยป้องกันโรคตากุ้งยิงได้แล้วนะคะ แต่หากใครเป็นตากุ้งยิงขึ้นมา ถ้าสามารถดูแลตนเองในเบื้องต้นได้อย่างที่แนะนำไปในระยะที่อาการยังไม่รุนแรงมาก ตากุ้งยิงจะค่อย ๆ ยุบลงภายใน 24 ชั่วโมง และเมื่อรักษาต่อไปอีก 3-4 วัน ฝีก็จะค่อย ๆ ยุบหายไปเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย, คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์