10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
           
          ตลอดปีที่ผ่านมามีกระแสเรื่องปัญหาสุขภาพ โรคระบาดใหม่ ๆ รวมทั้งวิวัฒนาการด้านการแพทย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ อยู่ตลอด อีกทั้งถ้าใครจำได้ก็ยังมีการออกกำลังกายแนวใหม่เกิดขึ้นด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขออาสามาทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพแห่งปี 2013 ตามที่นิตยสารไทม์ เขาจัดอันดับ มาให้ทุกคนได้หวนคิดถึงเหตุการณ์เด่น ๆ เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพที่เกิดในในรอบปี 2013 กัน พร้อมแล้วก็ตามมาดูเลยจ้า
 

อันดับ 10 

           สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ ประกาศห้ามใช้ไขมันทรานส์ปรุงอาหาร

           
10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์

          เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้เสนอให้รัฐบาลสั่งห้ามใช้ไขมันทรานส์ปรุงอาหารภายในประเทศโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นห่วงว่าประชาชนชาวสหรัฐ จะมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ และโรคร้ายแรงชนิดอื่น ๆ โดยมีสาเหตุจากไขมันทรานส์เพิ่มขึ้น
           
          โดยไขมันทรานส์เป็นน้ำมันที่เกิดจากกระบวนการแปรรูปไขมันไม่อิ่มตัว ให้กลายเป็นไขมันอิ่มตัวสูง โดยการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ำมันพืช จนทำให้ไขมันแข็งตัว เป็นเนยแข็ง มาการีน เนยเทียม เป็นต้น ซึ่งข้อดีของไขมันทรานส์ก็คือ เก็บใช้งานได้นาน ไม่เหม็นหืน จึงมักจะถูกนำไปเป็นส่วนประกอบของบรรดาอาหารสำเร็จรูปนั่นเอง
           
          แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อเสียของไขมันทรานส์ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจ จึงทำให้หลายหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา พยายามผลักดันให้รัฐบาลประกาศห้ามใช้ไขมันทรานส์ปรุงอาหารภายในประเทศอีกต่อไป และก็มาสำเร็จเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนนี่เอง ซึ่งก็หมายความว่า นับจากนี้เป็นต้นไป หากใครปรุงอาหารโดยใช้ไขมันทรานส์ในสหรัฐอยู่ ก็จะถือว่ากระทำการผิดกฎหมายทันทีค่ะ
 
 
อันดับที่ 9

          กำเนิดเฟรนช์ฟรายชนิดใหม่ ไขมันต่ำ แต่อร่อยล้ำเหมือนเดิม

  0 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์         
          ด้วยความพยายามในการค้นหาอาหารที่อร่อยถูกปาก แต่มีผลด้านลบต่อผู้บริโภคน้อยที่สุด ทางเบอร์เกอร์คิง ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเบอร์เกอร์เลยคิดทำ Satisfries ขึ้นมา โดยเจ้า Satisfries นี้ก็มีหน้าตาเหมือนเฟรนช์ฟรายธรรมดาทั่วไป รสชาติความอร่อยก็ไม่แตกต่าง แต่สิ่งที่พิเศษคือ มีไขมันต่ำกว่าเฟรนช์ฟรายถึง 40% และให้พลังงานแคลอรี่น้อยกว่าเฟรนช์ฟรายปกติถึง 30% เลยทีเดียว

          ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้ Satisfries กลายเป็นของอร่อยที่ไม่ทำร้ายร่างกายเรามากนักก็อยู่ที่วิธีการทอด โดยทางเบอร์เกอร์คิงเขาจะเจาะรูแท่งมันฝรั่งให้เป็นรูพรุนก่อน เพื่อไม่ให้มันฝรั่งอมน้ำมัน แล้วจึงนำไปทอดแบบดีพฟราย (Deep fry) ในน้ำมันพืชคุณภาพดี แต่ที่น่าเสียดายก็คือ Satisfries มีจำหน่ายเฉพาะเบอร์เกอร์คิงในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ยังไม่เข้ามาให้คนไทยได้ลิ้มลองกันจ้า
 
 
อันดับที่ 8

          นักทดลองผลิตช็อกโกแลตเพื่อสุขภาพ
    10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์       
          ได้เวลาที่สาวกช็อกโกแลตลิซึ่มทั้งหลายจะได้เฮกันอย่างเต็มเสียง เพราะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวาร์วิก (University of Warwick) ประเทศอังกฤษ ได้ทดลองผลิตช็อกโกแลตไขมันต่ำกว่าช็อกโกแลตทั่วไปถึง 50% ออกมาได้สำเร็จ และช่องว่างที่หายไปของส่วนไขมัน 50% นั้น ก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำผลไม้ วิตามินซี น้ำ หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มไดเอตด้วยนะ
           
          โดยนักวิจัยได้ปรุงช็อกโกแลตขึ้นมาด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า Pickering Emulsion หรือการผสมของเหลวให้เป็นเนื้อเดียวกันนั่นเอง ซึ่งในขั้นตอนการผลิตนี้ นักวิทยาศาสตร์การอาหาร จะใช้ส่วนผสมของน้ำผลไม้แทนผงโกโก้ เนย และนม เพื่อลดปริมาณไขมันในช็อกโกแลต แต่ไม่ต้องห่วงว่ารสชาติช็อกโกแลตจะเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากกระบวนการ Pickering Emulsion จะเปลี่ยนอนุภาคน้ำผลไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 30 ไมโครเมตรเตอร์ ให้กลายเป็นอนุภาคน้ำขนาดใหญ่ รักษาโครงสร้างส่วนผสมในเนื้อช็อกโกแลตได้อย่างกลมกลืน ทำให้รสชาติช็อกโกแลตยังเหมือนเดิมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลยล่ะค่ะ
 
อันดับที่ 7

          อาหารหมดอายุอย่าเพิ่งทิ้ง เพราะยังกินได้

  10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์         
          ข้อมูลน่าประหลาดใจนี้ถูกเปิดเผยโดย NRDC (Natural Resources Defense Council), สถาบันกฎหมายด้านอาหารฮาร์วาร์ด (Harvard Law School’s Food Law) และ Policy Clinic ว่า ชาวอเมริกันเกิน 90% ทิ้งอาหารก่อนวันหมดอายุจริง ๆ และ 40% ในคนกลุ่มนี้ ก็ทิ้งอาหารไปโดยที่ยังไม่ได้แตะสักนิดเลยด้วย ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดก็เกิดจากตัวเลขวันหมดอายุบนฉลากผลิตภัณฑ์ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว อาหารเหล่านั้นยังสามารถกินได้อยู่

          โดยนักวิจัยก็ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตัวเลขบอกวันหมดอายุบนฉลากผลิตภัณฑ์ แท้จริงแล้วเป็นเพียงตัวเลขที่บอกขอบเขตวันแห่งความสดใหม่ และรสชาติที่อร่อยล้ำที่สุดของอาหารนั้น ๆ ต่างหาก นั่นก็หมายความว่า ถึงแม้จะเลยวันหมดอายุของอาหารไปแล้ว คุณก็ยังสามารถกินอาหารได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่อาจจะได้รสชาติอร่อยที่ลดลงเท่านั้นเอง
 
อันดับ 6

          วิจัยชี้ หญิงมีครรภ์กินปลาได้ ไม่เสี่ยงสารปรอท

10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์

          คุณแม่ท้องทุกคนรู้ดีว่า ควรเลี่ยงอาหารประเภทปลาน้ำจืดทุกชนิด และเลือกกินแต่ปลาทะเลน้ำลึกเท่านั้น เพราะปลาน้ำจืดมีสารปรอทปนเปื้อนอยู่มาก อาจเป็นอันตรายต่อสมองของลูกน้อยได้ แต่ก็มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) ที่ออกมาค้านด้วยผลการทดลอง ซึ่งให้หญิงตั้งครรภ์จำนวน 4,484 คน รับประทานอาหารตามที่กำหนด 103 ชนิด และผลการทดลองก็ปรากฎว่า อาหารประเภทปลา ให้สารปรอทแค่ 7% ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายกับร่างกายคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์แต่อย่างใด ดังนั้นแทนที่จะหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาทุกชนิด ก็เปลี่ยนมาเลือกกินปลาที่มีสารปรอทต่ำ อย่างปลาทูนาแทนจะดีกว่า
 
อันดับที่ 5

          วิตามิน และอาหารเสริม ไม่ได้ช่วยรักษาโรคเรื้อรัง

10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์

          เข้าใจว่าคนไข้หลายคนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ย่อมอยากจะหลุดพ้นจากโรคที่เป็นอยู่อย่างเต็มความสามารถ เลยพยายามหาวิตามิน และอาหารเสริมอีกสารพัดชนิดมากินเป็นประจำ หวังว่าอาหารเสริมเหล่านี้จะเข้าไปรักษาโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่ได้ไม่มากก็น้อย แต่ต้องบอกตรงนี้เลยว่า ข้อมูลเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น

          เนื่องจากผลการศึกษาของ The U.S. Preventive Services Task Force พบว่า บรรดาอาหารเสริมทุกชนิด ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ หรืออาหารเสริมประเภทต่าง ๆ ไม่มีประสิทธิภาพมากพอจะต่อต้าน หรือบรรเทาอาการโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจ หรือโรคมะเร็งได้เลย ยิ่งเมื่อเข้าไปเจอกับสารเบต้าแคโรทีน (พบมากในมะเขือเทศ และแครอท) ก็ยิ่งสลายตัวเร็ว หมดประโยชน์กับร่างกายไปซะอย่างนั้น รวมทั้งอาหารเสริมประเภทน้ำมันตับปลา หรือโอเมก้า 3 ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ว่า เป็นประโยชน์กับการทำงานของสมองมนุษย์แต่อย่างใด ดังนั้นทางที่ดีที่สุด ควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับประโยช์ของสารอาหารต่าง ๆ จากธรรมชาติโดยตรงอย่างครบถ้วนแทนนะจ๊ะ
 
อันดับที่ 4

          ข้อกำหนดเรื่องฉลากบอกจำนวนแคลอรี่ในอาหาร

10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์

          ทุกครั้งที่ไปรับประทานอาหาร เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า อาหารมื้อนั้นให้พลังงานแคลอรี่เท่าไร แต่ล่าสุดโอบามา ก็เสนอกฎหมายประกันสุขภาพรูปแบบใหม่ออกมา เพื่อคุ้มครองสิทธิของชาวอเมริกัน หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า โอบามาแคร์ (Patient Protection and Affordable Care Act) ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ได้ข้อร้องกึ่งบังคับให้ร้านอาหารทุกร้านในประเทศ แสดงตัวเลขบอกพลังงานแคลอรี่ของแต่ละเมนูอย่างชัดเจน โดยมีร้านกาแฟชื่อดังอย่าง สตาร์บัค เริ่มนำร่องบอกจำนวนพลังงานแคลอรี่ของเมนูแต่ละแก้วแล้วถึง 11,000 สาขา
           
          นับว่าเป็นยุทธการควบคุมอาหารของชาวอเมริกันอย่างแนบเนียนเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเลขพลังงานแคลอรี่ที่เห็นกันชัด ๆ บนเมนูอาหาร จะช่วยให้ผู้บริโภคตระหนักถึงปริมาณแคลอรี่ได้อย่างแจ่มแจ้ง และเผลอ ๆ จะทำให้ชาวอเมริกันทุกคน หลีกเลี่ยงอาหารขยะได้มากขึ้น และมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้าด้วยจ้า
 
อันดับที่ 3

          ออกกำลังกายมากขึ้น ลดการใช้ยาน้อยลง

ดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์

          The Annals of Internal Medicine ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แล้วพบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งยาเลยด้วยซ้ำ แถมยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงกับโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งแม้ว่ายาที่กินเป็นประจำ จะช่วยบรรเทาอาการได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าผลในระยะยาว การออกกำลังกายจะบรรเทาโรค และฟื้นฟูสภาพร่างกายได้อย่างตรงจุดมากกว่า

          แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยโรคโรคเบาหวานเอง ก็ต้องมีวินัยในตัวเองอย่างเคร่งครัดด้วย ต้องไม่สูบบุหรี่ ควบคุมอาหาร และปริมาณกลูโคสที่ควรได้รับในแต่ละวัน รวมทั้งพยายามผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยนะคะ
 
อันดับที่ 2

          ความจริงของกายบริหารก่อนการออกกำลังกาย

10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์

          เราอาจจะเคยได้ยินมาเนิ่นนานว่า ก่อนจะออกกำลังกายอย่างจริงจัง เราควรยืดเส้นยืดสายก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อในระหว่างการออกกำลังกาย แต่มหาวิทยาลัยซาเกร็บ (University of Zagreb) กลับแสดงผลการทดลองที่ค้านความจริงที่ว่านี้ ด้วยการทดลองกับนักออกกำลังกาย เล่นเวทจำนวน 104 คน ซึ่งเขาพบว่า นักกีฬาที่ยืดเส้นยืดสายก่อนออกกำลังกายจริงจัง จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงน้อยลง 5.5% และคนที่ออกกำลังกายด้วยการยกบาร์เบล จะลดความสามารถในการยกน้ำหนักบาร์เบลลงไปกว่า 8.3% ซึ่งถือว่ายกน้ำหนักได้น้อยว่าคนที่ไม่ได้บริหารร่างกายก่อนยกบาร์เบลด้วยซ้ำ
          
          ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แค่เรายืดเส้นยืดสายโดยการโยกเบา ๆ และเน้นกล้ามเนื้อส่วนที่เคยได้รับบาดเจ็บ แล้วดึงร่างกายกลับมายังตำแหน่งเดิม แค่นี้ก็สามารถลดทอนการบาดเจ็บระหว่างการออกกำลังกายได้อยู่หมัดแล้ว แถมยังไม่ทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกล้าเกินไปด้วย
 
อันดับที่ 1

          ออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองลูกน้อย

10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์
           
 
          นิตยสารไทม์ยกให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสุขภาพดีเด่นประจำปี 2013 ก็เพราะออกกำลังกายแค่คนเดียว ได้ประโยชน์ถึง 2 คนเลยนะ โดยมหาวิทยาลัยมอนทรีออล (University of Montreal) ได้ทำการทดลองติดขั้วไฟฟ้าจำนวน 124 ขั้ว บริเวณศีรษะเด็กที่เพิ่งคลอด 2 วัน (โดยระหว่างที่เด็กอยู่ในท้อง คุณแม่ก็ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ) แล้วพบว่า หลังเด็กลืมตาดูโลกได้ 8-12 วัน เด็กทารกจะมีสมองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับเด็กที่คลอดจากคุณแม่ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์
           
          ไม่เพียงแต่สมองของเด็กเหล่านี้จะทำงานได้เป็นอย่างดีเท่านั้น เพราะแพทย์ได้ตรวจพบสัญญาณการทำงานของสมองในระหว่างที่ทารกนอนหลับ ซึ่งการที่สัญญาณเครื่องแม่เหล็กดังขึ้นซ้ำ ๆ กันแบบนี้ นั่นหมายความว่า สมองของเด็กน้อยทำงานได้ดีเทียบเท่ากับสมองผู้ใหญ่บางคนเลยทีเดียว
 
          เรื่องสุขภาพเด่น ๆ ทั้ง 10 เรื่อง ที่เกิดขึ้นตลอดปี 2556 ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะจำได้บ้าง หรือไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยก็ได้ แต่เราหวังว่า เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบแล้ว จะรับรู้เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น และนำไปใช้ได้อย่างเป็นประโยชน์กับตัวเองและคนในครอบครัวต่อไปนะคะ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 อันดับเรื่องสุขภาพแห่งปี 2013 จากนิตยสารไทม์ อัปเดตล่าสุด 23 ธันวาคม 2556 เวลา 14:37:17 2,511 อ่าน
TOP
x close