สุขภาพฟิตเฟิร์มตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยศาสตร์ธรรมชาติบำบัด


โยคะ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
           
          ปัจจัยรอบด้านในแต่ละวัน ทั้งมลภาวะ วิถีชีวิตที่เร่งรีบ การแข่งขันที่นับวันจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ต่างก็เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรง จนในที่สุดก็ก่อความเครียด และเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพนานับประการ ซึ่งลำพังแค่การดูแลตัวเองให้ดี และการออกกำลังกายอาจจะไม่เพียงพอให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า หรือมีสุขภาพแข็งแรงฟิตเฟิร์มเต็มร้อยเหมือนอย่างเคยแล้วนะคะ ทางเว็บไซต์ Health เขาถึงได้แนะนำศาสตร์ธรรมชาติบำบัด เพื่อให้เรานำมาบำรุงดูแลร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าให้ฟิตเฟิร์มอย่างเต็มที่กัน ส่วนจะมีวิธีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย
 
ศีรษะ
           
          ศาสตร์บำบัดที่เรียกว่า Biofeedback หรือการตรวจสอบปัญหาสุขภาพร่างกายของคนไข้ด้วยคลื่นความถี่ผ่านหูฟัง หรือกระแสความถี่ผ่านขั้วไฟฟ้าที่ปลายนิ้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะช่วยให้แพทย์เห็นแนวทางการรักษาปัญหาสุขภาพของคนไข้ได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ซึ่งส่วนมากการรักษาจะเป็นไปในรูปแบบฝึกให้คนไข้ใช้สมาธิ และการผ่อนคลายเพื่อควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายด้วยตัวเอง

          นั่นก็หมายความว่า เป็นการพัฒนากระบวนการด้านจิตใจ เพื่อเยียวยาปัญหาสุขภาพอย่างยั่งยืนนั่นเอง นอกจากนี้แพทย์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการรักษาแบบ Biofeedback ไว้ว่า วิธีนี้สามารถยับยั้งโรคไมเกรน และอาการปวดหัวได้ด้วยนะคะ
 
 
บิลเบอร์รี

ดวงตา
           
          เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รีมีส่วนช่วยบำรุงสายตาให้มองเห็นได้คมชัด ป้องกันปัญหาทางสายตาหลายอย่าง แต่เบอร์รีที่จักษุแพทย์แนะนำมาก ๆ ก็คือ บิลเบอร์รี (Bilbery) เพราะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) แอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ช่วยบำรุงจอภาพประสาทตา, แทนนิน (Tannins) ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และมีฤทธิ์สมานแผล, ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ต้านอาการอักเสบ และกลูโคควินิน (Glucoquinine) ตัวช่วยกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รีทุกชนิดเลยทีเดียวจ้า
 
 
จมูก

          สำหรับคนที่มีแนวโน้มจะเป็นไซนัส ลองบำบัดอาการด้วยอโรมาเธอราพีก็เวิร์กไม่เบานะจ๊ะ เพราะมีผลการศึกษาจากสถาบันชั้นนำมาแล้วว่า น้ำมันหอมระเหยจากผักชีลาว และน้ำมันหอมระเหยจากยี่หร่า มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่มีประสิทธิภาพอย่างแรงกล้า สามารถรักษาอาการไซนัสได้อย่างชะงัด ฟื้นตัวได้เร็วเว่อร์ แถมป้องกันก็เด็ดขาดอีกด้วย
 
 
คอ
           
          ล้างลำคอด้วยน้ำมันสกัดจากทีทรีออยล์ 1 ½ ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง แล้วกลั้วคอให้ทั่ว ก่อนจะบ้วนทิ้ง จะช่วยรักษาอาการอักเสบ ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียให้หายเกลี้ยงเลยเชียวล่ะ
 

แฟลกซ์ซีด

  หน้าอก
           
          ใครที่กังวลกับเรื่องเนื้องอก หรือมะเร็งเต้านม แพทย์แนะนำให้รับประทานใบแฟลกซ์ซีดบดละเอียดวันละ 1 ช้อนโต๊ะ เมื่อชินแล้วอาจจะเพิ่มเป็น 4 ช้อนโต๊ะต่อวัน และควรดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อป้องกันอาการท้องผูก กรดไขมันโอเมก้า 3 ในแฟลกซ์ซีดจะช่วยยับยั้งการเกิดเนื้องอกและเซลล์มะเร็งได้อยู่หมัด
 

ชาเปปเปอร์มิ้นต์
 
ท้อง
           
          เพื่อลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ คุณสามารถดื่มชาเปปเปอร์มิ้นต์ หรือรับประทานน้ำมันละหุ่ง (ปริมาณตามที่ระบุไว้ข้างขวด) ทั้งชาและน้ำมันละหุ่งจะช่วยขับลมในท้อง และบรรเทาอาการท้องไส้แปรปรวนได้ด้วยจ้า
 
 
กระดูกเชิงกราน

          สาว ๆ ที่ต้องทรมานกับอาการปวดประจำเดือนเป็นประจำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้เสริมแมกนีเซียม, กรดไขมันโอเมก้า 3, วิตามิน C, B และ B6 เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง หรือหากใครสามารถหาน้ำมันสกัดจากดาวเรือง หรือมีน้ำมันละหุ่ง ก็สามารถนำมานวดประคบร้อนที่หน้าท้อง เพื่อลดอาการปวดประจำเดือนได้ด้วยเช่นกันค่ะ
 
 
แครนเบอร์รี

ทางเดินปัสสาวะ
           
          หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า แครนเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ไม่ต่างจากยาปฏิชีวนะสักเท่าไร ดังนั้นคนที่มีปัญหาทางเดินปัสสาวะอักเสบ ก็น่าจะลองดื่มน้ำแครนเบอร์รีปั่นเพื่อกำจัดเชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะดูบ้างก็ดีนะคะ
 
 
หลัง
           
          อาการปวดหลังเป็นอาการยอดฮิตของคนที่นั่งทำงานในออฟฟิศส่วนใหญ่ ซึ่งแม้ว่าจะมีศาสตร์การนวดผ่อนคลาย ประคบร้อนด้วยหิน หรือแม่เหล็ก แต่ผลวิจัยก็แสดงให้เห็นว่า การฝังเข็มตั้งแต่รู้สึกเริ่มมีอาการปวดหลังเบื้องต้นเลย เป็นการป้องกันอาการปวดหลังที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้
 
 
ประคบร้อน

ก้น
           
          ส่วนนี้ก็เป็นอวัยวะที่รับภาระหนักไม่ไม่ใช่ย่อย ดังนั้นเราก็ควรผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนก้นด้วยการประคบร้อน เพื่อให้กล้ามเนื้อที่เครียดตึงได้ผ่อนคลาย ยืดตัวได้บ้างก็ยังดี ซึ่งแพทย์ก็แนะนำมาด้วยนะคะว่า วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงอาการอัมพาตได้ด้วย
 
 
ปอด
           
          อากาศที่เราหายใจเข้าไปในแต่ละครั้งมีคาร์บอนไดออกไซด์รวมอยู่ด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็แน่นอนว่า เราจะเสี่ยงได้รับมลพิษเข้าร่างกายผ่านลมหายใจได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ถ้าเราฝึกหายใจด้วยการพยายามเอาลมที่กักอยู่ออกมาให้ได้มากที่สุดในแต่ละครั้งที่หายใจออก หรือฝึกเล่นกุณฑาลินีโยคะ (Kundalini) โยคะเพื่อลดความเครียดด้วยการฝึกลมหายใจ และฝึกสมาธิ เราก็จะมีความเสี่ยงเป็นโรคปอดน้อยลงค่ะ
 

ครีมกันแดด

ผิวหนัง
           
          เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนลดลง ส่งผลให้ผิวหนังมีการหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และไม่เต่งตึงอย่างตอนสาว ๆ ซึ่งนอกจากจะป้องกันด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำแล้ว โลชั่นที่ใช้ก็ควรเลือกชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนจากธรรมชาติผสมอยู่ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น พร้อมกันนั้นก็ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน E วิตามิน D เช่น อาหารประเภทปลา เต้าหู้ และถั่วเหลืองเป็นประจำด้วย
 
 
กระดูก
           
          ใคร ๆ ก็รู้ว่า วิตามิน D และแคลเซียมมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง แต่อาจจะไม่รู้ว่า การรับวิตามิน D จากแสงแดดในช่วงเช้าโดยตรง ก็สามารถช่วยเสริมความแข็งแรงให้กระดูกได้อีกทางหนึ่งด้วยนะจ๊ะ
 

ออกกำลังกาย 

มือ
           
          ใครอยากมีมือที่นุ่มนิ่ม ดูสุขภาพดีเชิญทางนี้เลยจ้า เพราะมีการทดสอบมาแล้วว่า การบริหารกล้ามเนื้อมือด้วยการยกเวทเป็นประจำ ไม่เพียงแต่ช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นแขนได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ระบบเส้นเลือดบริเวณนี้หมุนเวียนอย่างสะดวกมากขึ้น ผิวหนังที่มีก็จะกระชับตึง นุ่มนิ่มน่าสัมผัสอย่างที่สุด
 
 
  หัวเข่า
           
          จากคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศาสตร์บำบัดด้วยแม่เหล็กเป็นการเยียวยาอาการเจ็บปวดตั้งแต่หัวเข่าลงไปที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ โดยการบำบัดด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็จะช่วยปรับสมดุลคลื่นแม่เหล็กในร่างกาย ทำให้บริเวณที่เกิดอาการเจ็บปวดไหลเวียนเลือดได้สะดวกขึ้น อาการเจ็บปวดก็จะบรรเทาลงไปในที่สุด
 
 
เคล็ดลับสุขภาพ

เท้า
           
          เพื่อบรรเทาอาการปวดเท้า คุณอาจจะเลือกใช้ศาสตร์ฝังเข็มเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือนวดเท้าด้วยน้ำมันที่มีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบอย่างน้ำมันสกัดจากขมิ้น หรือขิงแทนก็ได้ นวดผ่อนคลายเบา ๆ ก็ช่วยให้อาการปวดเท้าหายเป็นปลิดทิ้งได้เหมือนกันนะจ๊ะ
 
 
          หากดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี กินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ และเพิ่มศาสตร์บำบัดจากธรรมชาติตามที่เราแนะนำด้วย เพียงเท่านี้คงพอช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด แถมสุขภาพร่างกายของเราก็จะฟิตเฟิร์มจนไม่ต้องไปหาหมอบ่อย ๆ แล้วล่ะจ้า
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สุขภาพฟิตเฟิร์มตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยศาสตร์ธรรมชาติบำบัด อัปเดตล่าสุด 7 พฤษภาคม 2557 เวลา 18:31:25 1,590 อ่าน
TOP
x close