หมากเม่า (หมอชาวบ้าน)
โดย สุภาภรณ์ เลขวัต, อุบลวรรณา ศรีมงคลลักษณ์ ฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
หมากเม่า หรือ มะเม่า ผลไม้พื้นบ้านที่ให้ประโยชน์ได้หลายส่วน เป็นอีกหนึ่งตำรับยาไทยที่คนไทยควรรู้จัก
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2550)
แหล่งเพาะปลูก
หมากเม่าพบได้ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทยมักพบตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และตามหัวไร่ปลายนา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบได้มากที่เทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร นิยมขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง
คุณประโยชน์
ผลมะเม่าสุกมีปริมาณสารอาหาร วิตามิน กรดอินทรีย์ และกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด และเมื่อนำผลมะเม่าสุกมาทำการวิเคราะห์ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระจำพวกสารแอนโทไซยานินและสารกลุ่มโพลีฟีนอล พบว่า น้ำมะเม่า 100 กรัม มีสารแอนโทไซยานิน 299.9 มิลลิกรัม และสารโพลีฟีนอล 566 มิลลิกรัม ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ชะลอความแก่ชรา ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดอุดตันในสมอง และช่วยยับยั้งไม่ให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมหรือเปราะง่ายอีกด้วย
การวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) พบว่าคุณค่าทางด้านโภชนาการของน้ำคั้นจากผลมะเม่า 100 กรัม ประกอบด้วย
| สารอาหาร | ปริมาณ |
| ไขมัน | 0.77 กรัม |
| โปรตีน | 0.19 กรัม |
| ความชื้น | 92.7 กรัม |
| คาร์โบไฮเดรต | 5.99 กรัม |
| เส้นใย | 0.02 กรัม |
| วิตามินบี 1 | 0.221 มิลลิกรัม |
| วิตามินบี 2 | 0.113 มิลลิกรัม |
| วิตามินอี | 0.13 มิลลิกรัม |
| แคลเซียม | 126.35 มิลลิกรัม |
| เหล็ก | 0.70 มิลลิกรัม |
กากมะเม่าหลังจากการคั้นน้ำยังคงอุดมด้วยสารที่มีประโยชน์ ได้แก่ สารประกอบฟีนอลิก ฟลาโวนอยด์ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังพบว่ามะเม่ามีศักยภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและมีฤทธิ์ต้านเชื้อเอชไอวี (กัมมาล และคณะ, 2546)
ตำรายาไทย
* ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการเกษตร, 2550 ; วุฒิ วุฒิธรรมเวช, 2540 อ้างอิงโดย สำนักหอสมุดและสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2550
น้ำมะเม่าพร้อมดื่ม
ส่วนผสม
ขั้นตอนการทำ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก







