โรคสายตา ภัยร้ายเงียบสาวออฟฟิศ (Lisa)
โดย พญ.เกศรินทร์ เกียรติเสวี จักษุแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ
เรากำลังบอกว่าบางทีคุณอาจเป็น "ต้อ" โดยไม่รู้ตัวก็ได้ เพราะต้อบางชนิดก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร ตอนแรกเริ่ม รู้ตัวอีกทีก็เป็นหนัก อย่าเห็นว่าเป็นโรคไกลตัว สาว ๆ หนุ่ม ๆ ตาก็เป็นต้อได้เหมือนกัน
คุณอาจจะเข้าใจว่า "ต้อ" เป็นโรคที่จะเกิดขึ้นเมื่ออายุเลยหลักสี่ไปแล้ว แต่ที่จริงสาว ๆ เลขสองเลขสามก็มีสิทธิ์เป็นต้อได้ พญ.เกศรินทร์ เกียรติเสวี ชี้ว่า "ต้อมีหลายชนิดค่ะ มีทั้งที่อันตราย ไม่อันตราย และบางชนิดก็พบมากในวัยหนุ่มสาวนี่แหละ"
รู้จัก...ต้อลม
ถึงชื่อจะเรียกว่าต้อลม แต่ต้นเหตุที่แท้จริงของต้อชนิดนี้คือ "แสงแดด" ต่างหาก "กลไกการเกิดต้อลมนี้ยังไม่แน่ชัดนัก แต่คาดว่าสาเหตุหลักน่าจะเป็นรังสี UV เข้าไปทำให้เนื้อเยื่อตรงตาขาวเสื่อมสภาพ" คุณหมอเกศรินทร์ กล่าว "ใครที่ชอบตากแดดตากลมตั้งแต่เด็ก พออายุเข้าเลขสองเลขสาม อาการต้อลมก็จะเกิดขึ้น"
อาการ : เมื่อไหร่ที่คุณส่องกระจกแล้วพบวุ้นกลม ๆ นูน ๆ อยู่บริเวณตาขาว นั่นแหละต้อลมมาเยือนแล้ว "บางคนไม่ค่อยสังเกตก็จะรู้สึกหรอกค่ะ เพราะการมองเห็นจะยังปกติดีอยู่ การลืมตาหลับตาก็ยังเป็นปกติ" คุณหมอ กล่าว "ส่วนใหญ่จะมาก็เมื่อเกิดการอักเสบ แสบเคือง และตาแดงในบริเวณที่เป็นต้อแล้ว"
การรักษา : จริง ๆ แล้วต้อลมนี้ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรหากจะปล่อยทิ้งไว้ และเมื่อมีการอักเสบก็รักษาไปตามอาการ แต่หากสาว ๆ เป็นกังวลเรื่องความสวยความงามกลัวว่าตาจะไม่สวยสดใสก็สามารถผ่าตัดเพื่อลอกต้อออกได้
การป้องกัน : ในเมื่อเรารู้แล้วว่าสาเหตุสำคัญของต้อชนิดนี้ก็คือแสงแดด ก็ควรจะหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด ทุกครั้งที่ต้องออกแดดก็ควรสวมแว่นกันแดดที่เคลือบป้องกันรังสี UV เอาไว้เสมอ
รู้จัก...ต้อเนื้อ
ต้อชนิดนี้ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกับต้อลม เพียงแต่มีการงอกลามเข้าไปในส่วนของตาดำเท่านั้น มักพบในบริเวณหัวตามากกว่าหางตา โดยถ้าเป็นมากต้อเนื้อจะลามเข้าไปจนถึงกลางตาดำปิดรูม่านตา ซึ่งจะปิดบังการมองเห็นทำให้ตามัวได้ "โรคนี้มีสาเหตุเดียวกับต้อลม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกินเนื้อเลย" คุณหมออธิบาย "เนื้อที่เราเห็นงอกขึ้นมานี้ก็ไม่ใช่เนื้องอกหรือมะเร็ง ไม่จำเป็นต้องกังวลไป"
อาการ : ถึงต้อจะลามเข้ามาในบริเวณตาดำ แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการมองเห็น อาการแสดงเบื้องต้นยังคงเหมือนกับการเป็นต้อลมทุกอย่าง เว้นแต่จะลุกลามเข้ามาถึงกลางตาดำก็จะทำให้ตามัวลงได้
การรักษา : หากมีอาการเคืองตาก็อาจจะใช้ยาหยอดเพื่อบรรเทาอาการ แต่ยาที่หยอดไม่สามารสลายต้อเนื้อให้หายไปได้ หากมีอาการมากก็อาจใช้การผ่าตัดลอกต้อออก แต่ถ้าเป็นน้อยก็ไม่มีอันตรายอะไรต่อดวงตา เพียงมาพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ และมาตรวจเป็นประจำก็พอ
การป้องกัน : สวมหมวก กางร่ม และใส่แว่นกันแดดทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้รังสี UV เข้ามาทำลายเนื้อเยื่อดวงตาจนเสื่อมสภาพ เป็นวิธีการป้องกันต้อในกลุ่มต้อลมและต้อเนื้อนี้ได้ดีที่สุด
รู้จัก...ต้อกระจก
เมื่ออายุมากขึ้น ทุกคนก็ล้วนแต่มีสิทธิเป็นโรคต้อกระจกได้ทั้งนั้น เมื่อเป็นโรคนี้จะสังเกตได้เลยว่าเลนส์ตาขุ่นขึ้น อาจมีสีขาวขุ่น สีเหลือง หรือสีน้ำตาลทำให้แสงผ่านเข้าไปยังจอประสาทตาได้น้อยลง ภาพที่เกิดขึ้นจึงไม่ชัดเจน เกิดอาการที่เรียกว่าตามัว
อาการ : แรกเริ่มสายตาจะมัวลงช้า ๆ เหมือนมีหมอกมาบัง สายตาเปลี่ยนแปลงเริ่มรบกวนการปฏิบัติภารกิจประจำวัน เช่น การขับรถ บางคนถ้าใช้สายตาในที่ที่มีแดดจัด ช่วงที่มีแสงสว่างน้อยหรือสลัวจะเห็นได้ชัดเจนกว่า และในบางรายเมื่อมองแสงไฟจากรถที่วิ่งสวนทางมาในตอนกลางคืน จะเกิดตาพร่ามัวหรือภาพซ้อน หากไม่รักษาในระยะเวลาที่เหมาะสมก็อาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น ปวดตาอย่างรุนแรง ม่านตาอักเสบ และอาจทำให้ตาบอดในที่สุด
การรักษา : คุณควรจะมาพบคุณหมอตั้งแต่เริ่มมีอาการตามัว เพื่อคุณหมอจะได้วิเคราะห์ว่าต้อของคุณอยู่ในระดับไหน พร้อมจะผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเป็นเลนส์แก้วตาเทียม เพื่อให้กลับมามองเห็นได้ดังเดิมหรือยัง
การป้องกัน : อย่างที่คุณหมอได้อธิบายไว้ข้างต้นว่าต้อกระจกเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเป็นเมื่ออายุมากขึ้น โรคนี้จึงไม่มีวิธีการป้องกันออกมาแน่ชัด แต่หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่จะเร่งให้โรคนี้เป็นเร็วขึ้นก็คือโรคเบาหวาน ดังนั้น การควบคุมอาหารลดหวาน มัน เค็ม รักษาตัวเองให้ไกลจากโรคดังกล่าวจึงเป็นหนึ่งทางป้องกันที่คุณทำได้
รู้จัก...ต้อหิน
นี่คือภัยเงียบที่คุณต้องระวังให้ดี "ต้อหินเป็นต้อเพียงชนิดเดียวที่ไม่มีตัวต้อให้เห็น ส่วนใหญ่กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นต้อก็เป็นตอนที่ตามัว เพราะลานสายตาถูกทำลายจนสูญเสียการมองเห็น ซึ่งหนักหนาเกินกว่าจะรักษาได้แล้ว"
อาการ : ส่วนใหญ่แล้วต้อหินจะเกิดจากเนื้อเยื่อส่วนที่ทำหน้าที่กรองน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาผิดปกติ ทำให้ความดันตาเพิ่มขึ้น และทำลายขั้วประสาทตาในที่สุด คุณจะไม่มีอาการปวดตาหรือตาแดง นอกจากอาจสังเกตพบว่าสายตาค่อย ๆ มัวลงโดยใช้เวลานานกว่า 5-10 ปีกว่าจะถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น เว้นแต่ว่าคุณเป็น "ต้อหินเฉียบพลันชนิดมุมปิด" ทั้งปวดตา ปวดศีรษะ ตาแดง คลื่นไส้อาเจียน และสุดท้ายคุณอาจจะตาบอดอย่างรวดเร็ว
การรักษา : ถึงต้อหินจะเป็นโรคที่ค่อนข้างอันตราย แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม หรือตรวจพบสัญญาณว่าเสี่ยงต่อโรคก็สามารถรักษาได้ อาจจะเป็นการใช้ยาหยอดยากินเพื่อควบคุมความดันลูกตา ไปจนถึงการใช้เลเซอร์และการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับอาการของคุณ
การป้องกัน : เนื่องจากในระยะแรก ๆ โรคนี้จะไม่ค่อยมีอาการแน่ชัด ดังนั้น คุณจึงควรตรวจดวงตาโดยจักษุแพทย์เป็นประจำ คุณหมอแนะนำว่า "ช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไปก็ควรตรวจวัดความดันลูกตาสักปีละครั้ง และเมื่ออายุและเลขสี่แล้ว ก็ควรเพิ่มการตรวจดวงตาอย่างละเอียดเข้าไปในโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีด้วยค่ะ"
ขอขอบคุณข้อมูลจาก