ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาไปมากเท่าไร สมาร์ทโฟนก็กลายเป็นสิ่งหนึ่งที ่ขาดไม่ได้สำหรับคนยุคนี้ แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วสมาร์ทโฟนก็มีส่วนทำให้เกิ ดปัญหาสุขภาพได้ด้วยนะ
ปัจจุบันนี้สมาร์ ทโฟนแทบจะกลายเป็นหนึ่งปัจจั ยสำคัญในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะเห็นแต่ ผู้คนก้มหน้าก้มตาเล่นสมาร์ ทโฟนของตัวเองกันไปหมด ซึ่งที่จริงแล้วการเล่นสมาร์ ทโฟนมากเกินไปอาจจะส่งผลเสียทั้ งระยสั้นและระยะยาว และยังก่อให้เกิดปัญหาสุ ขภาพตามมาอีกด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำข้อมู ลดี ๆ จากเว็บไซต์ huffingtonpost.com เกี่ยวกับ 17 สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าคุ ณควรจะวางสมาร์ทโฟนลงซะที มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
คุณเป็นคนหนึ่งที่ติดสมาร์ ทโฟนหรือเปล่า? ถ้าหากเพียงแค่คุณคิดว่าจะต้ องใช้ชีวิตโดยขาดการติดต่อกั บโลกออนไลน์แล้วรู้สึกแย่ล่ะก็ นั่นแปลว่าคุณติดสมาร์ทโฟนอย่ างไม่ต้องสงสัย จากการวิจัยพบว่าคนเราใช้ เวลาอย่างต่ำ 4 ชั่วโมงต่อวันในการอยู่กับมัน ซึ่งผลจากการใช้เวลาอยู่กั บสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานก็ อาจจะทำให้เกิดอาการหลาย ๆ อย่างขึ้น เช่น อาการตาเบลอ ปวดหัว หรือมีนิสัยบางอย่างเปลี่ยนไป ซึ่งนั่นล่ะคือสัญญาณเตือนว่าคุ ณควรจะวางสมาร์ทโฟนลงซะก่อนที่ มันจะกลายเป็นสาเหตุของปัญหาสุ ขภาพทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เราไปดูกันดีกว่าว่ามีสั ญญาณอะไรบ้างที่กำลังเตือนให้คุ ณเลิกใช้สมาร์ทโฟนซะ
1. สายตาของคุณเริ่มเบลอ
การใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานเป็ นสาเหตุทำให้เกิดอาการสายตาเบลอ จากการศึกษาในปี 2011 พบว่า มากกว่า 90% ของคนที่จ้องหน้าจอโทรศัพท์ สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตมากกว่า 2 ชั่วโมงจะเกิดปัญหาปั ญหาสายตาอย่างเช่น สายตาเบลอ และอาการตาแห้ง
2. เกิดอาการหวั่นวิตกเมื่อหาโทรศั พท์ไม่เจอ
ถ้าคุณเคยรู้สึ กลนลานและตกใจมากเวลาที่หาโทรศั พท์ไม่เจอ โดยแท้ที่จริงแล้วคุณอาจจะวางไว ้ผิดที่ หรือไม่ก็ลืมนำมันติดตั วมาด้วยล่ะก็ นั่นแปลว่าคุณกำลังติดโทรศัพท์ ขั้นหนักและควรจะเลิกเล่นมันเสี ยบ้าง การศึกษาในปี 2012 พบว่าผู้คนจำนวนกว่า 73% รู้สึกตื่นตระหนกราวกับดูหนังสย องขวัญเมื่อหาโทรศัพท์ไม่พบ
3. ปวดหัวตุ๊บ ๆ
การจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนนาน ๆ นอกจากจะทำให้เกิดปัญหากั บสายตาแล้ว ยังเป็นสาเหตุทำให้ปวดหัวและเกิ ดอาการอ่อนเพลียอีกด้วย นอกจากนี้การใช้จ้องหน้าจอนาน ๆ ทำให้มีผลกระทบต่อสมอง โดยการศึกษาครั้งหนึ่งค้นพบว่ าสมาร์ทโฟนเป็นสาเหตุของการเกิ ดภาวะสมองเสื่อม ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้ ของสมองและความทรงจำระยะสั้นอี กด้วย
4. คุณทำงานเกินเวลา
ถ้าเกิดว่าคุณพบว่าตัวเองนั้ นเช็คอีเมล ถ้าคุณชอบเช็กอีเมลในช่วงมื้ อเย็นหรือในงานเลี้ยงต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาเป็นเวลาบ่อยครั้ง นั่นแปลว่าคุณกำลังติดสมาร์ ทโฟนแล้วล่ะ ในการวิจัยปี 2012 พบว่า เกือบ 80% ของคนที่ทำการสำรวจนั้นยอมรับว่ า ได้ทำงานเกินเวลาโดยไม่รู้ตั วจากการเพียงแค่เช็กอีเมล หรือแค่เพียงส่งข้อความสั้น ๆ ที่เกี่ยวกับงาน ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้กิ นเวลาประมาณ 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เทียบเท่ากับการทำงานหนึ่งวั นเลยทีเดียว
5. นอนไม่เต็มอิ่ม
การวางโทรศัพท์เอาไว้ข้างหมอนคื อสาเหตุที่ทำให้คุณนอนหลับได้ ไม่เต็มอิ่ม เพราะมันจะไปรบกวนการนอนของคุณ ทำให้นอนไม่เต็มอิ่ม จากการศึกษาเผยว่า การใช้เวลากับสมาร์ทโฟนเป็ นเวลานานก่อนนอนจะทำให้นอนหลั บยากและยังทำให้ครึ่งหลับครึ่ งตื่นอยู่ตลอดเวลา นี่ยังไม่นับรวมกับการที่คุ ณจะต้องเช็กการแจ้งเตือนทุกครั้ งก่อนหลับตานอน ที่จะทำให้การนอนของคุณไม่ต่ อเนื่องอีกด้วย ทางที่ดีที่สุดคือควรจะปิดโทรศั พท์และวางมันให้ห่างตัวก่ อนนอนทุกครั้ง
6. รู้สึกว่าโทรศัพท์สั่นอยู่ ตลอดเวลา
ถ้าคุณรู้สึกว่าโทรศัพท์สั่นแต่ เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกลั บไม่มีอะไรอยู่บ่อย ๆ นั่นแปลว่าคุณควรจะพึ่งการรั กษาทางการแพทย์แล้วล่ะ ในการศึกษาปี 2012 ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Computers of Human Behavior นั้นบอกว่า อาการเหล่านั้น คืออาการของโรค Phantom Vibration Syndrome ซึ่งจะเกิดขึ้นในหมู่วัยรุ่นอย่ างน้อย 1 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์ แต่ถ้าหากอาการหนักขึ้นก็ อาจจะเกิดได้บ่อยขึ้น ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณว่าคุ ณควรจะเลิกเล่นโทรศัพท์เสียที
7. นิ้วมือเริ่มหงิกงอ
การเล่นสมาร์ทโฟนติดต่อกันเป็ นเวลานาน ครั้งละหลาย ๆ ชั่วโมง มีความเสี่ยงทำให้เกิดอาการนิ้ วล็อก และตะคริวตามมือและนิ้วมือ คุณควรจะวางโทรศัพท์ลงแล้วยื ดเส้นยืนสายบ้างเพื่อความปลอดภั ย
8. ติด Hashtag ให้กับคำพูดหรือใช้ ภาษาแชทตลอดเวลา
หากคุณเริ่มพูดถึงเรื่องการติด Hashtag และใช้ภาษาแชทตลอดเวลา มันถึงเวลาที่คุณควรจะวางสมาร์ ทโฟนลงบ้างได้แล้วล่ะ
ทั้งนี้ อาการนิ้วล็อก เป็นกลุ่มอาการหนึ่งที่เกิดกลุ่ มคนที่ใช้มือในการทำงานอย่างหนั ก ซึ่งจะพบว่ามีอาการปวดและมีเสี ยงดังกึก ทำให้เส้นเอ็นไม่โก่งตั วออกเวลางอนิ้ว นอกจากนี้ยังมีอาการอั กเสบของเส้นเอ็น ทำให้เส้นเอ็นบวมและหนาตัว ทำให้ลอดผ่านห่วงลำบาก จึงรู้สึกเจ็บและเกิดอาการนิ้ วล็อกตามมา
9. ส่งข้อความหาใครบางที่อยู่ใกล้ ๆ แทนการพูดคุย
การส่งข้อความหาคนใกล้ตั วแทนการพูดคุยเป็นสั ญญาณของความล้มเหลวทางการปฏิสั มพันธ์กับผู้อื่น เพราะการที่เราเลือกใช้การพูดคุ ยผ่านข้อความแทนการพูดคุยกันต่ อหน้า ก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่ างบุคคลแย่ลง รีบวางสมาร์ทโฟนลงก่อนที่จะสู ญเสียความสัมพันธ์เหล่านั้ นไปเถอะ
10. แม้แต่อาบน้ำก็ยังเอาโทรศัพท์ เข้าไปด้วย
หากคุณนำสมาร์ทโฟนของคุณติดตั วไปด้วยทุกที่แม้กระทั่งห้องน้ำ นั่นแปลว่าคุณกำลังติดสมาร์ ทโฟนอย่างหนักและควรวางมันลงเสี ยที จากการศึกษาซึ่งจัดทำขึ้นโดยหนึ ่งในบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่ าง LG พบว่ามีถึง 77% ของคนที่ใช้สมาร์ทโฟนที่นำโทรศั พท์ติดตัวไปด้วยทุกทีไม่ว่ าจะเวลานอนหรือเข้าห้องน้ำก็ตาม
11. สนใจที่จะโพสต์รูปของกินของคุ ณมากกว่าการกินมันเข้าไป
ปัจจุบันมีคนมากกว่า 5 ล้านคนที่แท็กรูปภาพอาหาร และให้ความสนใจกับการแชร์รู ปภาพอาหารของคุณมากกว่าที่ จะสนใจคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าซึ่ งนั่นเป็นการทำลายความสัมพันธ์ วิธีหนึ่ง จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย The University of Essex พบว่า การที่มีโทรศัพท์วางอยู่ให้เห็ นในขณะที่กำลังพูดคุยกัน จะทำให้ทั้งสองฝ่ายสนใจอีกฝ่ ายน้อยลง
12. สบตาคนอื่นน้อยลง
เทคโนโลยีเป็นสาเหตุทำให้ คนสบตากันน้อยลง จากการศึกษาพบว่าโดยปกติแล้วเมื ่อคนพูดคุยกันมักจะเกิ ดการสบตากันอย่างน้อย 30-60% ของบทสนทนาทั่วไป และสายตาเป็นตัวที่ช่วยในการสื่ อสารทางอารมณ์ถึง 60-70% ดังนั้น ถ้าคุณรู้สึกว่าอยากจะจ้องหน้ าจอมากกว่าที่จะมองตาคนอื่น นั่นได้เวลาเลิกเล่นโทรศัพท์แล้ วล่ะ
13. บ่นทุกอย่างลงในโซเชียลเน็ตเวิ ร์ก
หากคุณพบเจอเรื่องอะไรก็ ตามในแต่ละวันและเลือกที่ จะแสดงความรู้สึกนึกคิดทุกอย่ างลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กแล้วนั้ น มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุ ณกำลังติดสมาร์ทโฟนอย่างหนัก ซึ่งการแชร์ทความรู้สึกนึกคิดทุ กสิ่งทุกอย่างลงในโซเชียลเน็ ตเวิร์กนั้นไม่ได้มีผลดีต่อตั วคุณเองเลยแม้แต่น้อย
14. ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
เราคงเคยได้ยินข่าวว่ามี คนประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บหรื อเสียชีวิตจากการที่ก้มหน้าก้ มตาเล่นสมาร์ทโฟนโดยไม่ได้ สนใจสิ่งรอบข้างใช่ไหมคะ ซึ่งนั่นเกิดจากการที่ติดสมาร์ ทโฟนมากเกินไปโดยไม่ได้ สนใจรอบข้าง ไม่ใช่เพียงเราจะเดือดร้ อนหากเกิดอุบัติเหตุ แต่ครอบครัวและคนรอบข้ างเราอาจจะเดือดร้อนตามไปด้ วยจากพฤติกรรมที่ไม่ดีแบบนี้
15. บุคลิกภาพแย่ลง
เมื่อคุณติดสมาร์ทโฟนมาก ๆ จะทำให้คุณเป็นคนไหล่ตก เนื่องจากเวลาที่คุณก้มหน้าจิ้ มโทรศัพท์ ร่างกายของคุณก็จะโน้มตัวไปข้ างหน้าอัตโนมัติ หากอยู่ในท่านั้นนาน ๆ และบ่อยครั้งก็จะทำให้กระดูกหลั งและคอเปลี่ยนรูป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้กล้ามเนื้ ออักเสบและบุคลิกภาพที่เปลี่ ยนแปลงไป
16. เลิกบันทึกเบอร์โทรศัพท์ลงมือถื อ
ยังจำได้หรือไม่ว่าครั้งสุดท้ ายที่บันทึกเบอร์โทรศัพท์ลงมื อถือนี่มันเมื่อไร แล้วคุณจำได้หรือเปล่าว่าคุณใช้ โทรศัพท์เพื่อโทรหาใครสักคนครั้ งล่าสุดเมื่อไร หากคุณจำไม่ได้ นั่นแปลว่าคุณเลือกที่จะใช้ โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อผ่ านทางข้อความมากกว่าใช้โทรศัพท์ เพื่อโทรหาใครบางคน
17. เสพติดการเซลฟี่
หลายคนเสพติดการถ่ายรูปตัวเอง หรือที่เรียกว่าเซลฟี่ขนาดหนั กจนถึงขนาดต้องถ่ายรูปในแทบจะทุ กอิริยาบถ บางรายอาจถึงขั้นโพสต์เป็นคลิ ปวิดีโอลงในโซเชียลมีเดีย โดยผู้คนเหล่านี้อาจจะไม่ได้รู้ เลยว่า บางครั้งการโพสต์รูปเซลฟี่ของตั วเองบ่อย ๆ นั้น อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับตั วเองได้
สมาร์ทโฟนเป็นเทคโนโลยีที่ดี และสะดวกสบาย แม้ว่าสมาร์ทโฟนจะสามารถทำได้ หลายอย่าง แต่ก็คงไม่สามารถแทนที่ความรู้ สึกนึกคิดใด ๆ ได้ เพราะฉะนั้นอย่าให้เทคโนโลยีเข้ ามาในชีวิตเรามากเกินไป ควรใช้อย่างพอเหมาะเพื่อคุ ณภาพชีวิตที่ดีนะคะ