x close

AHA & BHA สารนี้วิเศษแค่ไหน

ครีมกันแดด


AHA & BHA สารนี้วิเศษแค่ไหน (มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค)

         สารเคมีกลุ่ม "\'เอเอชเอ" (AHA) และ "บีเอชเอ" (BHA) หรือเรียกชื่อเต็มโดยทั่วไปว่า แอลฟ่าไฮดรอกซี่แอซิด (alpha-hydroxy acid) ได้รับความนิยมนำมาผสมในเครื่องสำอางบำรุงผิวตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 เป็นต้นมา จวบจนถึงปัจจุบัน


         สารทั้งสองนี้มีผสมอยู่ในเครื่องสำอางสารพัดรูปแบบ เช่น ครีมหน้าขาว ครีมลดริ้วรอย ครีมพอกและลอกหน้า รวมทั้งผสมในแชมพูสระผม สบู่อาบน้ำ และอื่นๆ มีทั้งชนิดที่เป็นเคมีสังเคราะห์ และชนิดที่สกัดได้จากผลไม้ เช่น มะขามป้อม แอปเปิ้ล ส้ม สาลี่ ฝรั่ง อ้อย ฯลฯ มีรายงานว่า ในปี พ.ศ.2543 ยอดจำหน่ายของเครื่องสำอางที่ผสมสารดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญ

         กลไกการออกฤทธิ์ของสารทั้งสองชนิดคล้ายคลึงกันคือ เร่งการหลุดลอกของเซลผิวเก่าที่ตายแล้วหรือเสื่อมสภาพแล้วให้ออกจากผิวหน้า เพื่อให้ผิวหนังสร้างเซลผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าแลดูขาว เนียน และสดใสขึ้น ผิวหนังใหม่จะหนาขึ้นทำให้ริ้วรอยแลดูจางลง สารทั้งสองชนิดสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวหน้าในชั้นที่ลึกลงไปได้ดี ทำให้มีการนำมาใช้ในเครื่องสำอางแก้สิวเสี้ยน เนื่องจากกลไกการหลุดลอกหัวสิว ทำให้รูขุมขนเปิดกว้าง การชะล้างสิ่งสกปรกทำได้ง่ายขึ้น

         ประสิทธิภาพของเครื่องสำอางเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและพีเอช หรือความเป็นกรดด่างของผลิตภัณฑ์ จะได้ผลดีถ้าผลิตภัณฑ์มี พีเอช ระหว่าง 3.0-3.5 หากมีความเข้มข้นสูงเกินไป จะทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ ผิวไหม้ อักเสบ แสบ คัน และระคายเคือง แต่ถ้าผลิตภัณฑ์มีพีเอชสูงกว่าที่กำหนด ประสิทธิภาพจะต่ำหรือไม่ได้ผลเลย เนื่องจากสารทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นที่ลึก ลงไปได้ดี เมื่อใช้ไปนานๆ หรือใช้ประจำ การสะสมใต้ผิวหนังจะก่อให้เกิดอาการแพ้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีรายงานการวิจัย ทางการแพทย์แล้วว่า จะทำให้ผิวหนังไวต่อรังสีดวงอาทิตย์ ผิวหนังอาจไหม้ เป็นผื่น อักเสบ

         สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาจึงได้ออกคำเตือนเมื่อ วันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2548 ว่าผู้ที่ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสาร AHA และ BHA จำเป็นต้องทาครีมกันแดดทับแทบทุกครั้ง และเมื่อหยุดใช้ ยังต้องทาครีมกันแดดต่ออย่างน้อยอีก 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวหน้าจากรังสีดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ตามหากมีการนำเครื่องสำอางกลุ่มนี้ไปทาบริเวณผิวหนังที่ไม่ได้รับ รังสีดวงอาทิตย์ หรือบริเวณปกปิดของร่างกาย ก็ไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดดทับ

         มีรายงานการวิจัยที่น่าสนใจที่พบว่า ผู้ที่ใช้เครื่องสำอางผสม AHA และ BHA เป็นประจำเป็นเวลานาน เพื่อหวังผลไม่ให้ผิวหน้าเหี่ยวย่น หรือหน้าขาว อาจจะส่งผลในทางตรงกันข้าม เพราะธรรมชาติของผิวหนังที่ได้รับการกระตุ้นบ่อยเกินไปเป็นประจำ จะทำให้เซลผิวชะงักและชะลอการสร้างเซลใหม่ เช่นเดียวกับต้นไม้ที่ชะงักการเจริญเติบโตจะไม่ผลิใบใหม่ หรือผลิลดลงอย่างผิดปกติ นอกจากนั้นยังมีรายงานวิจัยว่า สารทั้งสองกลุ่มไม่เหมาะสำหรับใช้กับผิวหนัง คนเอเชียและคนผิวคล้ำดำ เพราะอาจทำให้ผิวเกิดรอยด่างดำ ความไม่สม่ำเสมอของสีผิวหน้าได้





ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
AHA & BHA สารนี้วิเศษแค่ไหน อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2556 เวลา 13:52:46 4,415 อ่าน
TOP