วิธีลดหน้าท้องให้แบนราบกี่กระบวนท่าก็ไม่เห็นผล ใครพยายามลดหน้าท้องอยู่แต่ผลลัพธ์ไม่คืบสักเท่าไร อาจเป็นเพราะคุณมีเหตุผลตัวร้ายคอยขัดขวางให้ลดหน้าท้องไม่สำเร็จอยู่ก็ได้
อายุยิ่งมากก็ยิ่งลดหน้าท้องยากมากขึ้น นั่นเป็นเพราะกลไกธรรมชาติของร่างกายทำงานได้ช้าลง ด้อยประสิทธิภาพตามอายุการใช้งาน โดยเฉพาะคุณสาว ๆ ที่ก้าวเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเทอโรนจะถูกผลิตน้อยลง ส่งผลให้ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนมีอัตราสูงขึ้นอย่างช้า ๆ ซึ่งความแปรปรวนของฮอร์โมน ณ จุดนี้ก็อาจเหนี่ยวรั้งให้ผู้หญิงควบคุมน้ำหนักตัวได้ยาก รวมทั้งหน้าท้องก็จะขึ้นง่ายแต่ทำกลับให้แบนราบเหมือนเดิมลำบาก ทว่าแม้เราจะไม่สามารถต้านทานธรรมชาติได้ แต่ถ้าดูแลตัวเองได้ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ ลดไขมัน ลดแป้ง และออกกำลังกายสม่ำเสมอ หน้าท้องแบนราบในช่วงเลยวัยรุ่นมาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความตั้งใจหรอกนะคะ
2. ออกกำลังกายผิดวิธี
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างการว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
หรือการเคลื่อนไหวร่างกายเรียกเหงื่อทั่วไปอาจดีกับหัวใจเป็นอย่างมาก
แต่นั่นไม่เพียงพอให้คุณลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนได้มากอย่างที่คิดไว้
เพราะการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอช่วยเบิร์นได้แค่ไขมันบางส่วนเท่านั้น
ซึ่งหากจะให้ดีควรต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอควบคู่ไปกับการเล่นเวท
เนื่องจากการเล่นเวทจะช่วยเบิร์นไขมันและสร้างกล้ามเนื้อไปในตัว
ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ครอบคลุมมากกว่า
แถมยังช่วยให้คุณฟิตเฟิร์มส่วนเกินให้กลับมาเชฟบ๊ะได้ง่ายกว่า
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายก็แนะนำให้ออกกำลังกายระดับปานกลาง (Moderate-Intensity Exercise) หรือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องนาน 30-60 นาที/ครั้ง ให้ได้ประมาณ 250 นาที/สัปดาห์ หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็พยายามออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูง (High-Intensity Exercise) ซึ่งจะเป็นการออกกำลังกายแบบเร็วและออกแรงสุดและค่อย ๆ ผ่อนให้ช้าสลับกันไปเป็นช่วง ๆ อย่างนี้ให้ได้สัปดาห์ละ 125 นาที
3. กินอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป
เหตุผลง่าย ๆ ที่เชื่อว่าเราทุกคนรู้กันดีอยู่กับใจ แต่ห้ามความอยากของปากไม่ได้สักที ดังนั้นก็คงไม่ต้องแปลกใจหากหน้าท้องของคุณจะมาเต็มขนาดนี้ ยิ่งกับคนที่ชอบดื่มน้ำหวาน อาหารฟาสต์ฟู้ด และอาหารประเภทแป้งขัดสีเป็นประจำ สารปนเปื้อนที่มาพร้อมกับกระบวนการแปรรูปอาหารเหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงไปยังร่างกายของเรา สร้างข้อบกพร่องและอาการอักเสบจนเป็นเหตุให้หน้าท้องยื่นออกมา คราวนี้จะกลับไปลดหน้าท้องให้แบนราบก็คงยาก ถ้ายังไม่ปรับพฤติกรรมรับประทานอาหารของตัวเองสักที
4. รับประทานไขมันชนิดไม่ดีเป็นส่วนใหญ่
ไขมันไม่ใช่อาหารต้องห้ามของร่างกาย แค่ต้องรับประทานให้เป็น
ซึ่งนอกจากจะต้องจำกัดปริมาณไขมันให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว
ก็ควรต้องเลือกกินไขมันให้ถูกชนิดด้วย
โดยไขมันชนิดดีที่ควรรับประทานก็ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
(Monounsaturated Fats) ประเภทไขมันจากอะโวคาโด น้ำมันมะกอก เป็นต้น
และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fats)
ประเภทไขมันจากเมล็ดดอกทานตะวัน ไขมันจากปลา ไขมันจากถั่วชนิดต่าง ๆ
ซึ่งมักจะมีโอเมก้า 3 ปะปนอยู่มาก
และหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันอิ่มตัวอย่างไขมันจากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ติดมัน
และไขมันจากผลิตภัณฑ์นม
เนื่องจากไขมันอิ่มตัวประเภทนี้จะเข้าไปสะสมอยู่ในช่องท้อง
กลายเป็นไขมันที่เกาะอยู่ภายในอวัยวะ (Visceral Fat) เป็นที่มาของรอบเอวหนา
ๆ และเซลลูไลท์นั่นเองจ้า
5. ไม่จริงจังกับการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเอาชนะไขมันและความอ้วนได้จริง เพียงแต่เราต้องใส่ความมุ่งมั่นตั้งใจกับการออกกำลังกายให้มาก ไม่ใช่ว่าเหนื่อยก็พัก หนักก็พอ แต่ต้องออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง และหากอยากเห็นผลลัพธ์เป็นหน้าท้องแบนราบเร็ว ๆ ผลวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Medicine and Science in Sports and Exercise ก็เผยว่า การออกกำลังกายแบบความเข้มข้นสูง (High-Intensity Workout) ช่วยลดหน้าท้องได้ดีกว่าการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ แถมยังใช้เวลาเบิร์นไขมันส่วนเกินน้อยกว่าอีกต่างหาก ที่สำคัญพอลดหน้าท้องได้สำเร็จแล้วก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ หยุดออกกำลังกายไปซะดื้อ ๆ นะคะ เพราะไม่เช่นนั้นหน้าท้องก็มีโอกาสกลับมาหาคุณอีกไม่ยาก
6. เครียดพาอ้วน
ความเครียดไม่เคยดีต่อสุขภาพเลยสักนิดเดียว เพราะนอกจากจะโน้มน้าวให้ร่างกายอ่อนแรง เศร้าซึม จนอยากกินของหวานเพื่อปลุกความสดชื่นให้ร่างกายแล้ว เมื่อเครียดร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาเกินปกติ ทำให้ไขมันในเลือดพุ่งกระจายไปยังเซลล์ต่าง ๆ ก่อให้เกิดภาวะไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ได้ง่ายขึ้น ทีนี้ก็ถึงตาหน้าท้องและไขมันส่วนเกินจะออกอาละวาดแล้วละ
7. พักผ่อนไม่เพียงพอ
ผลวิจัยจากสถาบันสุขภาพนานาชาติของอเมริกาเผยว่า กลุ่มคนที่นอนน้อยกว่า 6
ชั่วโมง มีอัตราน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 30% หรือมากกว่านั้น
ในขณะที่อาสาสมัครกลุ่มที่นอนหลับวันละ 7-8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
มีแนวโน้มน้ำหนักตัวลดลง ซึ่งก็สรุปได้ว่า
คนที่นอนน้อยร่างกายจะเกิดการแปรปรวน กระบวนการเผาผลาญต่าง ๆ
ก็ด้อยประสิทธิภาพลงจนเป็นเหตุให้มีโอกาสตุ้ยนุ้ยกว่าคนที่นอนหลับเต็มอิ่ม
ดังนั้นต่อไปก็รีบเข้านอนเร็ว ๆ กันเถอะ
8. คุณมีรูปร่างเป็นทรงแอปเปิล
หากคุณเป็นคนที่ช่วงเอวหนากว่าส่วนสะโพกและบั้นท้าย รูปร่างลักษณะนี้เรียกว่าทรงแอปเปิล ซึ่งธรรมชาติของยีนลักษณะนี้จะบังคับให้คุณเป็นคนที่มีหน้าท้องโดยอัตโนมัติ แถมยังลดหน้าท้องได้ยากกว่าลักษณะอื่น ๆ อีกด้วย
ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบหรือ Polycystic Ovary Syndrome (PCOS)
อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนออกมามากกว่าปกติ
เป็นผลให้น้ำหนักขึ้นง่าย และมีภาวะผิดปกติในหลาย ๆ จุด
โดยส่วนมากจะเกิดกับหญิงวัยเจริญพันธุ์
ซึ่งอาจทำให้คุณมีปัญหากับประจำเดือน ขนดก มีบุตรยาก ผิวหน้ามัน
และเป็นสิวมากร่วมด้วย
10. เพิกเฉยต่อไขมันหน้าท้อง
หลายคนคิดว่าไขมันหน้าท้องที่นูนออกมาเล็กน้อยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เลยไม่ได้ใส่ใจจะควบคุมอาหารหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งบางรายยังห่างไกลการออกกำลังมาก ๆ ด้วย ซึ่งจุดนี้อาจทำให้คุณลืมระมัดระวังตัวจากโรคร้ายกลุ่ม NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคหัวใจ ฯลฯ ซึ่งมาพร้อม ๆ กับโรคอ้วนลงพุง และกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายเริ่มแย่ไปแล้ว ฉะนั้นพยายามดูแลสุขภาพของตัวเองไว้ก่อนดีกว่านะคะ เหล่าอาหารไขมันสูง แป้งเน้น ๆ น้ำตาลแน่น ๆ หลีกเลี่ยงให้ไกลด่วนเลย แล้วอย่าลืมออกกำลังกายสลายพุงกันเป็นประจำด้วยล่ะ
โรคอ้วนลงพุงดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่จริง ๆ แล้วแฝงไปด้วยปัญหาสุขภาพและโรคอันตรายอย่างโรคหัวใจ โรคไขมันอุดตันเส้นเลือด โรคเบาหวาน และมะเร็งอีกหลายชนิด ดังนั้นทางที่ดีพยายามรักษาหน้าท้องให้แบนราบไร้ไขมันส่วนเกินกันดีกว่าเนอะ
ปัญหาน้ำหนักตัวยังไม่ทำให้หนักใจเท่าปัญหาหน้าท้องที่ล้ำหน้าออกมาเกินขีดจำกัดเลยว่าไหมคะ
เพราะต่อให้มีรูปร่างสมส่วนแต่มีหน้าท้องป่อง ๆ
แถมมาด้วยก็ใส่เสื้อผ้าไม่สวยแน่ ๆ
ที่สำคัญใครกำลังพยายามลดหน้าท้องมานานแล้วแต่ผลลัพธ์กลับไม่คืบหน้า
ข้อมูลทางการแพทย์จาก เว็บไซต์ไทม์ ก็เผยว่า อาจเป็นเพราะ 10 เหตุผลตัวร้ายเหล่านี้คอยขัดขวางให้คุณลดหน้าท้องไม่สำเร็จสักทีก็เป็นได้
อีกทั้งการมีหน้าท้องนูน ๆ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็งได้ด้วยนะ เอ้า ! ถ้าอย่างนั้นรีบมาลดหน้าท้องกันด่วนเลย
อีกทั้งการมีหน้าท้องนูน ๆ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็งได้ด้วยนะ เอ้า ! ถ้าอย่างนั้นรีบมาลดหน้าท้องกันด่วนเลย
1. อายุมากขึ้น
อายุยิ่งมากก็ยิ่งลดหน้าท้องยากมากขึ้น นั่นเป็นเพราะกลไกธรรมชาติของร่างกายทำงานได้ช้าลง ด้อยประสิทธิภาพตามอายุการใช้งาน โดยเฉพาะคุณสาว ๆ ที่ก้าวเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเทอโรนจะถูกผลิตน้อยลง ส่งผลให้ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนมีอัตราสูงขึ้นอย่างช้า ๆ ซึ่งความแปรปรวนของฮอร์โมน ณ จุดนี้ก็อาจเหนี่ยวรั้งให้ผู้หญิงควบคุมน้ำหนักตัวได้ยาก รวมทั้งหน้าท้องก็จะขึ้นง่ายแต่ทำกลับให้แบนราบเหมือนเดิมลำบาก ทว่าแม้เราจะไม่สามารถต้านทานธรรมชาติได้ แต่ถ้าดูแลตัวเองได้ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ ลดไขมัน ลดแป้ง และออกกำลังกายสม่ำเสมอ หน้าท้องแบนราบในช่วงเลยวัยรุ่นมาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความตั้งใจหรอกนะคะ
2. ออกกำลังกายผิดวิธี
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายก็แนะนำให้ออกกำลังกายระดับปานกลาง (Moderate-Intensity Exercise) หรือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องนาน 30-60 นาที/ครั้ง ให้ได้ประมาณ 250 นาที/สัปดาห์ หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็พยายามออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูง (High-Intensity Exercise) ซึ่งจะเป็นการออกกำลังกายแบบเร็วและออกแรงสุดและค่อย ๆ ผ่อนให้ช้าสลับกันไปเป็นช่วง ๆ อย่างนี้ให้ได้สัปดาห์ละ 125 นาที
เหตุผลง่าย ๆ ที่เชื่อว่าเราทุกคนรู้กันดีอยู่กับใจ แต่ห้ามความอยากของปากไม่ได้สักที ดังนั้นก็คงไม่ต้องแปลกใจหากหน้าท้องของคุณจะมาเต็มขนาดนี้ ยิ่งกับคนที่ชอบดื่มน้ำหวาน อาหารฟาสต์ฟู้ด และอาหารประเภทแป้งขัดสีเป็นประจำ สารปนเปื้อนที่มาพร้อมกับกระบวนการแปรรูปอาหารเหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงไปยังร่างกายของเรา สร้างข้อบกพร่องและอาการอักเสบจนเป็นเหตุให้หน้าท้องยื่นออกมา คราวนี้จะกลับไปลดหน้าท้องให้แบนราบก็คงยาก ถ้ายังไม่ปรับพฤติกรรมรับประทานอาหารของตัวเองสักที
4. รับประทานไขมันชนิดไม่ดีเป็นส่วนใหญ่
5. ไม่จริงจังกับการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเอาชนะไขมันและความอ้วนได้จริง เพียงแต่เราต้องใส่ความมุ่งมั่นตั้งใจกับการออกกำลังกายให้มาก ไม่ใช่ว่าเหนื่อยก็พัก หนักก็พอ แต่ต้องออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง และหากอยากเห็นผลลัพธ์เป็นหน้าท้องแบนราบเร็ว ๆ ผลวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Medicine and Science in Sports and Exercise ก็เผยว่า การออกกำลังกายแบบความเข้มข้นสูง (High-Intensity Workout) ช่วยลดหน้าท้องได้ดีกว่าการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ แถมยังใช้เวลาเบิร์นไขมันส่วนเกินน้อยกว่าอีกต่างหาก ที่สำคัญพอลดหน้าท้องได้สำเร็จแล้วก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ หยุดออกกำลังกายไปซะดื้อ ๆ นะคะ เพราะไม่เช่นนั้นหน้าท้องก็มีโอกาสกลับมาหาคุณอีกไม่ยาก
6. เครียดพาอ้วน
ความเครียดไม่เคยดีต่อสุขภาพเลยสักนิดเดียว เพราะนอกจากจะโน้มน้าวให้ร่างกายอ่อนแรง เศร้าซึม จนอยากกินของหวานเพื่อปลุกความสดชื่นให้ร่างกายแล้ว เมื่อเครียดร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาเกินปกติ ทำให้ไขมันในเลือดพุ่งกระจายไปยังเซลล์ต่าง ๆ ก่อให้เกิดภาวะไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ได้ง่ายขึ้น ทีนี้ก็ถึงตาหน้าท้องและไขมันส่วนเกินจะออกอาละวาดแล้วละ
8. คุณมีรูปร่างเป็นทรงแอปเปิล
หากคุณเป็นคนที่ช่วงเอวหนากว่าส่วนสะโพกและบั้นท้าย รูปร่างลักษณะนี้เรียกว่าทรงแอปเปิล ซึ่งธรรมชาติของยีนลักษณะนี้จะบังคับให้คุณเป็นคนที่มีหน้าท้องโดยอัตโนมัติ แถมยังลดหน้าท้องได้ยากกว่าลักษณะอื่น ๆ อีกด้วย
9. ภาวะของโรคบางอย่าง
10. เพิกเฉยต่อไขมันหน้าท้อง
หลายคนคิดว่าไขมันหน้าท้องที่นูนออกมาเล็กน้อยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เลยไม่ได้ใส่ใจจะควบคุมอาหารหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งบางรายยังห่างไกลการออกกำลังมาก ๆ ด้วย ซึ่งจุดนี้อาจทำให้คุณลืมระมัดระวังตัวจากโรคร้ายกลุ่ม NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคหัวใจ ฯลฯ ซึ่งมาพร้อม ๆ กับโรคอ้วนลงพุง และกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายเริ่มแย่ไปแล้ว ฉะนั้นพยายามดูแลสุขภาพของตัวเองไว้ก่อนดีกว่านะคะ เหล่าอาหารไขมันสูง แป้งเน้น ๆ น้ำตาลแน่น ๆ หลีกเลี่ยงให้ไกลด่วนเลย แล้วอย่าลืมออกกำลังกายสลายพุงกันเป็นประจำด้วยล่ะ
โรคอ้วนลงพุงดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่จริง ๆ แล้วแฝงไปด้วยปัญหาสุขภาพและโรคอันตรายอย่างโรคหัวใจ โรคไขมันอุดตันเส้นเลือด โรคเบาหวาน และมะเร็งอีกหลายชนิด ดังนั้นทางที่ดีพยายามรักษาหน้าท้องให้แบนราบไร้ไขมันส่วนเกินกันดีกว่าเนอะ