หัวใจโต เป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้หัวใจวายเฉียบพลัน ทั้งที่ไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ มาก่อน ว่าแต่ภาวะนี้อันตรายแค่ไหน ลองมาทำความรู้จักเลย ภาวะหัวใจโตเป็นหนึ่งในโรคหัวใจที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน เพราะอย่างที่เราเห็นว่าบางคนมีอาการหัวใจโต แล้วไปทำให้เส้นเลือดอุดตัน หรือทำให้หัวใจเต้นผิดปกติทันที จึงเกิดหัวใจวายเฉียบพลันแบบไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน ลาจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทเรามาลองเช็กสัญญาณเตือนโรคหัวใจโตกันก่อนดีไหม มีอาการอะไรบอกได้บ้างนะว่าเราเสี่ยงภาวะนี้อยู่ หัวใจโต (Cardiomegaly) คือ ภาวะหัวใจที่มีขนาดใหญ่หรือหนากว่าปกติ มักจะตรวจพบจากการตรวจร่างกายหรือการเอกซเรย์หัวใจ ซึ่งหลังจากพบว่าหัวใจโตแล้ว แพทย์จำเป็นต้องวินิจฉัยหาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจโตและหาวิธีการรักษา เพราะหากปล่อยไว้นาน ๆ อาจเสี่ยงเกิดภาวะการทำงานของหัวใจบกพร่องได้ ในระยะเริ่มต้นที่หัวใจยังทำงานได้ปกติ ไม่บกพร่อง อาการของผู้ป่วยจะยังคงปกติดี ทว่าตราบใดที่หัวใจโตส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดี อาจมีอาการแสดงดังต่อไปนี้ได้ 1. หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ 2. หายใจเร็ว 3. เวียนศีรษะ รู้สึกอ่อนเพลียง่าย 4. ใจสั่น 5. มีอาการเท้าบวมในตอนสาย ๆ 6. ไอเฉพาะเวลานอน 7. มีอาการไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก ขณะนอนราบ ภาวะหัวใจโตเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยส่วนใหญ่จะพบภาวะหัวใจโตจากภาวะ ดังนี้ * โรคความดันโลหิตสูง * โรคความดันในปอดสูง * โรคเบาหวาน * โรคไขมันในเลือดสูง * โรคหัวใจ เช่น โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคลิ้นหัวใจ * โรคโลหิตจาง * โรคที่เกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ * ผู้ที่รับประทานธาตุเหล็กมากเกินไป หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับโปรตีน คนที่เสี่ยงกับโรคหัวใจโตจะเป็นคนในกลุ่มต่อไปนี้ 1. ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และมีความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่อง หัวใจจะทำงานหนักและทำให้หัวใจโต 2. ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจ ไม่ว่าจะลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่ว หรือมีการอักเสบติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ จะเสี่ยงภาวะหัวใจโตมากกว่าคนปกติ 3. ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ (Cardiomyopathy) จากพฤติกรรมดื่มสุราเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย และเกิดภาวะหัวใจโตได้ 4. ผู้ป่วยโรคหัวใจพิการมาแต่กำเนิด เช่น โรคผนังหัวใจรั่ว เป็นต้น 5. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีความเสี่ยงเกิดโรคหรือความผิดปกติกับหัวใจมากกว่าปกติถึง 7 เท่า เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะก่อความเสื่อมของผนังหลอดเลือดแดงทั่วร่างกายได้ง่าย และมักจะมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคอ้วน เป็นต้น 6. ผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง 7. ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ 8. ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางหรือมีภาวะซีดเป็นเวลานาน 9. ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ 10. ผู้ที่รับประทานธาตุเหล็กมากเกินไปจนทำให้ร่างกายสะสมธาตุเหล็กและเกิดภาวะธาตุเหล็กเกิน (Hemochromatosis) 11. ผู้ป่วยโรคแอมีลอยโดซิส (Amyloidosis) ที่มีภาวะสารโปรตีนผิดปกติชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แอมีลอย เข้าไปจับตัวอยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจจนเป็นสาเหตุทำให้หัวใจล้มเหลวในที่สุด 12. ผู้ที่สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่เป็นเวลานาน 13. ผู้สูงอายุที่มีความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากกว่าคนอายุน้อย ๆ 14. ผู้ที่มีภาวะอ้วน จะเสี่ยงภาวะหัวใจโตหรือมีความเสี่ยงโรคหัวใจมากขึ้น 15. ผู้ที่ติดสารเสพติดให้โทษชนิดต่าง ๆ 16. คนที่ไม่ออกกำลังกาย 17. คนที่มีภาวะเครียดบ่อย ๆ คนที่มีภาวะหัวใจโตสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ถ้าดูแลตัวเองให้ดีและรับประทานยาตามแพทย์สั่งก็สามารถควบคุมอาการได้ ไม่ใช่ว่าเป็นแล้วจะต้องเสียชีวิตเสมอไป แต่ในกรณีมีภาวะหัวใจโตที่เป็นมานานโดยไม่รู้ตัว จึงไม่ได้รักษา อาจส่งผลให้หัวใจทำงานผิดปกติไป และทำให้ใช้ชีวิตลำบากขึ้น โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ มักจะมีอาการเหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย นอนราบปกติไม่ได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะหัวใจโตร่วมกับมีความผิดปกติทั้งระบบหัวใจและสมองพร้อม ๆ กัน อาจเสี่ยงต่อภาวะเส้นเลือดอุดตันจนเป็นเหตุให้หัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิตกะทันหันได้ วิธีรักษาหัวใจโตแพทย์จะเลือกรักษาโดยอิงจากสาเหตุที่ทำให้หัวใจโต เช่น หากหัวใจโตจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ก็จะรักษาด้วยยาตามโรคประจำตัวที่ผู้ป่วยเป็น ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่หากเป็นภาวะหัวใจโตจากความผิดปกติของหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว แพทย์จะรักษาด้วยยา หรือในเคสที่ผ่าตัดรักษาได้ก็จะใช้วิธีผ่าตัดแก้ไข เช่น ทำบอลลูน หรือฉีดสีที่ศูนย์หัวใจ เป็นต้น เราสามารถป้องกันภาวะหัวใจโตได้ ดังนี้ * รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่อ้วน * หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ * ไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ * หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและสารเสพติดให้โทษทุกชนิด * ตรวจสุขภาพประจำปี โดยควรตรวจหัวใจด้วย เพื่อดูว่ามีขนาดของหัวใจโตกว่าปกติหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจ แม้ภาวะหัวใจโตจะไม่ค่อยส่งสัญญาณเตือนแต่เนิ่น ๆ ทว่าเราก็พอจะจับสังเกตอาการผิดปกติได้ ทั้งยังดูแลสุขภาพให้เสี่ยงภาวะหัวใจโตลดลงได้ด้วย ดังนั้นอยากให้ทุกคนดูแลร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงดี และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีอยู่เสมอด้วยนะคะขอบคุณข้อมูลจาก คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงพยาบาลเวชธานี โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โรงพยาบาลรามคำแหง
แสดงความคิดเห็น