x close

โทษของน้ำอัดลม ดื่มมาก ๆ ดื่มทุกวัน เสี่ยงป่วยโรคเรื้อรังไปอีกยาว

น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ซาบซ่า ทว่าหากดื่มมากเกินไปก็อันตรายต่อสุขภาพหลายด้าน

น้ำอัดลม

          น้ำอัดลม เครื่องดื่มยอดฮิตสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน ที่มักจะชอบดื่มเวลาที่รู้สึกกระหาย โดยให้เหตุผลว่าดื่มน้ำอัดลมแล้วทำให้รู้สึกสดชื่น คลายร้อนได้ ยิ่งเข้าหน้าร้อนเมื่อไรก็ดื่มน้ำอัดลมทุกวันเลย ทั้งที่ลึก ๆ ก็รู้ว่าเจ้าน้ำอัดลมนั้นไม่ดีต่อร่างกาย นอกจากนี้การดื่มน้ำอัดลมก็ยังก่อปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน อย่างวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกท่านไปดูโทษของน้ำอัดลม ซึ่งหากไม่อยากให้สุขภาพพังต้องอ่านค่ะ

โทษของน้ำอัดลม อันตรายที่ควรระวัง


1. ท้องอืด ปวดท้อง

          ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นน้ำอัดลม ซึ่งลมในเครื่องดื่มชนิดนี้ก็คือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่อาจก่อให้เกิดอาการท้องอืดเมื่อดื่มน้ำอัดลมได้ อย่างที่บางคนดื่มน้ำอัดลมแล้วเรอ หรือกินน้ำอัดลมแล้วปวดท้องนั่นไงล่ะ

2. ฟันผุ ฟันเหลือง

          น้ำอัดลมมีฤทธิ์เป็นกรดที่สามารถกัดกร่อนกระดูกและฟันได้ อีกทั้งมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก โดยข้อมูลจากกรมอนามัยเผยว่า น้ำอัดลมชนิดน้ำดำกระป๋อง 325 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 31 กรัม หรือ 8 ช้อนชา น้ำอัดลมชนิดน้ำสี และน้ำใสกระป๋อง 325 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 39 กรัม หรือ 10 ช้อนชา ในขณะที่ปริมาณน้ำตาลที่แนะนำต่อวันคือไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชาเท่านั้น หากกินน้ำอัดลมทุกวัน กินน้ำอัดลมวันละขวด หรือหลาย ๆ ขวด ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคฟันผุได้ นอกจากนี้น้ำตาลในน้ำอัดลมที่สูงปรี๊ดขนาดนั้น อาจมีส่วนทำลายเคลือบฟันและบ่อนทำลายเนื้อฟันของเราจนทำให้ฟันเหลืองไปด้วย

          - น้ำตาล...หวานซ่อนร้าย แฝงอันตรายในน้ำอัดลม

3. โรคอ้วน

น้ำอัดลม

          น้ำตาลในน้ำอัดลมย่อมต้องมาพร้อมพลังงานหลายแคลอรี และเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลเยอะจนเผาผลาญไม่หมด ก็จะเกิดการสะสมตามเซลล์ต่าง ๆ และสุดท้ายก็จะทรานส์ฟอร์มเป็นไขมัน ดังนั้น หากถามว่ากินน้ำอัดลมอ้วนไหม ก็คงต้องตอบว่าอ้วนได้แน่นอน ยิ่งถ้าดื่มน้ำอัดลมทุกวัน ไม่คุมอาหาร และไม่ออกกำลังกาย ก็เตรียมเจอน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้เลย

4. โรคเบาหวาน

          การที่เรากินน้ำตาลมากเกินไป จะส่งผลให้ร่างกายหลั่งอินซูลินมากกว่าปกติ และหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ในระยะยาว ตับอ่อนก็จะทำงานหนักจนผลิตอินซูลินได้น้อยลง ก่อให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ยิ่งหากมีภาวะอ้วน มีไขมันอิ่มตัวในเลือดสูง ก็อาจไปยับยั้งอินซูลินให้ออกฤทธิ์น้อยลงได้ เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานมากขึ้นอีก

          - อาการเบาหวาน 10 สัญญาณควรระวัง เช็กง่ายนิดเดียว

5. ความดันโลหิตสูง


          งานวิจัยจากอเมริกาพบว่า การดื่มน้ำอัดลมไม่เพียงแต่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น แต่อาจเพิ่มค่าความดันโลหิตให้สูงขึ้นด้วย โดยอธิบายว่า ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปอาจก่อให้เกิดผลกระทบได้ทั้งระดับความดันโลหิตและการสูบฉีดเลือด รวมไปถึงอาจส่งผลต่อระดับเกลือแร่ของร่างกาย ทำให้มีความดันโลหิตสูงกว่าปกติได้เมื่อดื่มน้ำอัดลม

          - เปิดเมนูอาหารโรคความดันโลหิตสูง กินอะไรดีช่วยลดความดัน

6. โรคหัวใจ

          อย่างที่บอกว่าเครื่องดื่มน้ำตาลสูงอย่างน้ำอัดลมอาจส่งผลต่อการสูบฉีดเลือดและความดันโลหิตของร่างกาย ดังนั้น การดื่มน้ำอัดลมทุกวัน วันละมาก ๆ ก็อาจกระทบต่อการทำงานของหัวใจ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจให้ตัวเองได้ นอกจากนี้ในน้ำอัดลมยังมีคาเฟอีนที่แม้จะไม่ได้มากนัก แต่ก็อาจทำให้บางคนกินน้ำอัดลมแล้วใจสั่นได้ เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลิน ทำให้หัวใจเต้นเร็วและแรงได้ในคนที่ไวต่อสารชนิดนี้

          - ดื่มน้ำอัดลม 1 กระป๋องต่อวัน เสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลวมากขึ้นไม่รู้ตัว !

7. โรคกระดูกพรุน

          นอกจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดความซ่าแล้ว ในน้ำอัดลมยังมีกรดฟอสฟอริกที่ทำให้เกิดฟองฟู่ด้วย ซึ่งสารชนิดนี้ก็มีผลทำให้ปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายเสียสมดุล คือมีฟอสฟอรัสในเลือดมากเกินไป จนร่างกายต้องสลายแคลเซียมจากกระดูกมาปรับสมดุล เพื่อไม่ให้ฟอสฟอรัสมีปริมาณสูงจนอันตรายต่อชีวิตได้

          ขณะเดียวกันในน้ำอัดลมก็ยังมีกรดคาร์บอนิกที่จะทำให้เลือดเป็นกรด ร่างกายจึงต้องดึงแคลเซียมในกระดูกออกมาลดความเป็นกรดในเลือดเช่นกัน นอกจากนี้น้ำตาลฟรุกโตสในน้ำอัดลมยังมีส่วนกระตุ้นให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมาด้วย ดังนั้น การดื่มน้ำอัดลมบ่อย ๆ สะสมเป็นเวลานานหลายปี ก็จะเพิ่มความเสี่ยงโรคกระดุกพรุนได้นะคะ

8. นิ่วในไต

          ดื่มน้ำอัดลมเสี่ยงนิ่วในไตไหม ประเด็นนี้ต้องบอกว่าเสี่ยงค่ะ เพราะน้ำตาลฟรุกโตสที่อยู่ในน้ำอัดลมอาจเป็นปัจจัยให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมาในปัสสาวะ และแคลเซียมที่หลุดมาอาจไปปะปนกับสารอื่น ๆ ในน้ำปัสสาวะแล้วตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วได้

          - นิ่วในไต อาการไหนบอกชัด รู้จักปัจจัยเสี่ยงป่วย

9. แก่เร็วกว่าที่ควร

          เคยได้ยินใช่ไหมคะว่าน้ำตาลเป็นศัตรูของความอ่อนเยาว์ นั่นก็เพราะว่า การที่ร่างกายมีปริมาณน้ำตาลมาก ๆ จะทำให้เทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งเป็นปลอกหุ้มโครโมโซมที่คอยกักเก็บหน่วยพันธุกรรมหรือยีนในกระบวนการแบ่งเซลล์หดสั้นลง ส่งผลให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายแก่ตัวลงก่อนวัย นอกจากนี้น้ำตาลอาจไปจับกับโปรตีนในร่างกาย และก่อให้เกิดปฏิกิริยาไกลเคชั่น หรือเพิ่มสารเร่งความแก่มากขึ้น รวมไปถึงอาจกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระ และการเสียคอลลาเจนในร่างกาย ดังนั้น หากไม่อยากดูแก่กว่าวัย เลิกได้เลิกเลยเถอะกับการดื่มน้ำอัดลม

          - ยิ่งดื่มมากยิ่งแก่เร็ว  ดื่มน้ำอัดลมทุกวัน ระวังเซลล์เสื่อมสภาพก่อนวัย

น้ำอัดลมไดเอต ไม่มีน้ำตาล อ้วนไหม


น้ำอัดลม

           แม้จะเป็นน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาล ไร้แคลอรี ทว่าความหวานที่มีในน้ำอัดลมไดเอต ก็คือสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งหวานกว่าน้ำตาลธรรมดา 200-600 เท่า ทั้งยังกระตุ้นการตอบสนองของอินซูลินในร่างกายได้ และน้ำตาลเทียมยังหลอกลิ้นให้รับรู้รสชาติหวาน ๆ แต่ไม่สามารถทำให้สมองรับรู้การรับน้ำตาล สมองจึงไม่รู้สึกอิ่มและยังอยากได้น้ำตาลอีก ดังนั้นเราอาจจะรู้สึกอยากกินอาหารหรือของหวานมากขึ้น หิวง่ายขึ้น และกินมากกว่าปกติ 30% แบบไม่รู้ตัว จึงยิ่งทำให้อ้วนขึ้น หรือมีรอบเอวมากกว่าคนทั่วไปถึง 3 เท่า ซึ่งเมื่ออยู่ในภาวะอ้วนลงพุง ก็จะเพิ่มความเสี่ยงโรคอื่น ๆ ตามมาได้ด้วยนะ

           นอกจากน้ำอัดลม สูตรน้ำตาล 0% หรือ Sugar Free จะเสี่ยงต่อโรคอ้วนและเบาหวานแล้ว กรดในน้ำอัดลมก็ยังกัดกร่อนฟัน และถ้าดื่มมาก ๆ ก็ย่อมเกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ต่างจากน้ำอัดลมทั่วไปเหมือนกัน

           - น้ำอัดลมไดเอต ยิ่งดื่มยิ่งอ้วน เสี่ยงรอบเอวเพิ่มขึ้น 3 เท่า !

กินน้ำอัดลมตอนท้องว่าง อันตรายไหม กัดกระเพาะจริงหรือเปล่า


          จริง ๆ แล้วกรดในน้ำอัดลมไม่แรงพอจะกัดกระเพาะเราได้ เพราะกรดในกระเพาะเราแรงกว่า 10 เท่าเลยล่ะค่ะ ทว่าก็ไม่แนะนำให้ดื่มน้ำอัดลมตอนท้องว่าง เนื่องจากทั้งกรดคาร์บอนิก กรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลม อาจไปมีปฏิกิริยากับกรดที่มีอยู่ในกระเพาะอาหารอยู่แล้ว เมื่อเราดื่มน้ำอัดลมตอนท้องว่างก็อาจทำให้รู้สึกปวดท้องได้ ฉะนั้นควรกินอาหารรองท้องก่อนดื่มน้ำอัดลมนะคะ

          ส่วนผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารที่มีแผลในกระเพาะอาหารอยู่แล้ว การเพิ่มกรดจากน้ำอัดลมเข้าไปในกระเพาะอาหารอาจไปเร่งอาการให้กำเริบได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะตอนท้องว่างหรือหลังอาหาร ก็อยากให้เลี่ยงน้ำอัดลมจะดีกว่า

กินน้ำอัดลมตอนท้องได้ไหม


          ถ้าตั้งครรภ์อยู่แล้วอยากดื่มน้ำอัดลมขึ้นมาจะดื่มได้ไหม ข้อนี้ต้องบอกว่าควรระวังให้มากค่ะ เพราะแม้จะไม่มีอันตรายที่ชัดเจนนัก ทว่าเครื่องดื่มน้ำตาลสูงอย่างน้ำอัดลมอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้ และอาจส่งผลให้ทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวเกิน อีกทั้งในน้ำอัดลมยังมีกรดต่าง ๆ รวมไปถึงคาเฟอีน วัตถุกันเสีย สารแต่งกลิ่น สี และรสชาติ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อลูกในครรภ์และตัวคุณแม่ได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมตอนท้องนะคะ

ดื่มน้ำอัดลมได้แค่ไหน ถ้าอยากเลิกควรทำยังไงดี


น้ำอัดลม

          ได้รู้โทษของน้ำอัดลมกันไปแล้ว หลายคนคงอยากลด ละ เลิก น้ำอัดลมเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง ซึ่งถ้าอดใจไม่ได้ อยากดื่มน้ำอัดลมก็ดื่มได้ในปริมาณน้อย ๆ พอดับความอยากแบบจิบ ๆ หรือแบ่งดื่ม 2-3 ครั้ง ต่อ 1 กระป๋อง หรือแบ่งดื่มมากครั้งกว่านั้นในแบบขวด รวมทั้งหมั่นออกกำลังกายร่วมด้วย

          ส่วนใครที่อยากเลิกน้ำอัดลม ลองค่อย ๆ ลดการดื่มน้ำอัดลมจากที่เคย แล้วดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น หรือจะลองทำตามวิธีอื่นด้านล่างนี้ก็ได้

          - 12 วิธีเลิกน้ำอัดลม ไม่อยากสุขภาพพังต้องเลิกสักที !

          เห็นไหมล่ะคะว่าการดื่มน้ำอัดลมนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพขนาดไหน เมื่อเทียบกับความรู้สึกสดชื่นที่ได้รับจากน้ำอัดลมก็ไม่คุ้มกันเลยเนอะ ฉะนั้นใครที่ยังติดน้ำอัดลมอยู่ ลองมาดูไหมว่าถ้าเลิกดื่มปั๊บจะเกิดอะไรดี ๆ กับชีวิตได้บ้าง

          - แค่เลิกดื่มน้ำอัดลมทุกชนิด 12 สิ่งมหัศจรรย์นี้ก็เกิดขึ้นในชีวิตได้ 


* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 5 มีนาคม 2564

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โทษของน้ำอัดลม ดื่มมาก ๆ ดื่มทุกวัน เสี่ยงป่วยโรคเรื้อรังไปอีกยาว อัปเดตล่าสุด 7 ตุลาคม 2564 เวลา 10:34:30 96,294 อ่าน
TOP