
มหัศจรรย์ DNA
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
"ดีเอ็นเอ" ดูจะเป็นกุญแจไขคำตอบของปริศนาต่าง ๆ ตามภาพข่าวที่ปรากฎให้เห็นอยู่หน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข่าวอาชญากรรม ข่าวสังคม ลูกตามหาพ่อแม่ ฯลฯ อีกมากมาย ที่ล้วนแต่ทำให้เราคุ้นหูกับคำว่า "ดีเอ็นเอ" กันมากขึ้น แต่ไม่เพียงแค่นี้ เพราะ "ดีเอ็นเอ" ยังมีความมหัศจรรย์และลึกลับอีกมากมาย พร้อมจะไปรู้จักกับ "ดีเอ็นเอ" ให้มากขึ้นหรือยังล่ะ

ได้ยินชื่อ "DNA" กันบ่อย ๆ ทราบไหมว่าย่อมาจากอะไร?
คำตอบก็คือ DNA ย่อมาจาก Deoxyribo Nucleic Acid (ดีออกซิไรโบ นิวคลีอิค เอซิด) เป็นสารพันธุกรรมในนิวเคลียส ที่เรียงตัวในลักษณะเกลียวคู่อย่างมีระเบียบ คล้ายบันไดวนบิดตัวไปทางขวา ขาของราวบันไดแต่ละข้างคือการเรียงตัวของนิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) มีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดย
DNA จะทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ รวมทั้งมนุษย์อย่างเรา ๆ ด้วย ผ่านการบรรจุข้อมูลทางพันธุกรรม และถ่ายทอดข้อมูลไปยังลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป (Offspring) และสำหรับมนุษย์แล้ว DNA เปรียบเหมือนประวัติส่วนบุคคลที่ถูกกำหนดขึ้นมาตายตัว นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เราปฎิสนธิขึ้นในครรภ์มารดา เพราะ DNA ในแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน เนื่องจากจะได้รับลักษณะทางพันธุกรรมมาจากพ่อแม่อย่างละครึ่ง แล้วมารวมกันเป็น DNA เฉพาะตัวของลูกนั่นเอง แต่ก็ยังมีลักษณะบางอย่างที่เหมือนพ่อแม่ปรากฎให้เห็นอยู่
เช่นนั้นแล้ว แม้จะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่รับรองว่า DNA ของพี่น้องไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ส่งผลให้มีรูปลักษณ์ หน้าตา สติปัญญา แตกต่างกันไป ยกเว้นแต่เป็นฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน

เราอาจจะเพิ่งมาได้ยินเรื่อง DNA กันบ่อย ๆ ในช่วงไม่กี่สิบปีหลังมานี้ แต่ก่อนหน้านั้น ผู้ที่้ค้นพบ DNA คนแรกคือ ฟรีดริช มีเชอร์ เมื่อปี พ.ศ.2412 แต่ไม่ทราบว่ามีโครงสร้างอย่างไร จนเมื่อปี พ.ศ.2496 เจมส์ วัตสัน และฟรานซิส คริก 2 นักวิทยาศาสตร์หนุ่มได้ลงบทความประกาศในวารสารวิทยาศาสตร์ Nature ว่า พวกเขาได้ค้นพบโครงสร้าง DNA ว่าเป็นสายคู่ที่บิดพับเป็นเกลียวคล้ายบันไดวน แบบที่เรียกว่า ดับเบิลเฮลิกซ์ (double helix) พร้อมข้อสันนิษฐานที่ว่า DNA น่าจะเป็นสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต
การค้นพบของวัตสัน และคริก ครั้งนี้ ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ หรือสรีรวิทยา ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อีกท่านหนึ่ง ที่มีผลงานเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด คือ มัวริส วิลคินส์ ในปีพ.ศ.2505 นั่นเอง และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีการค้นพบคุณสมบัติต่าง ๆ ของ DNA ว่ามหัศจรรย์เพียงใดตามมาภายหลัง

เพราะ DNA เป็นประวัติส่วนตัวของแต่ละบุคคล ทำให้เราสามารถนำลายพิมพ์ DNA (DNA Fingerprints) มาใช้ในงานต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบความเหมือนหรือความต่างได้ คือ





ถือว่า DNA มีประโยชน์อย่างมากในงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพราะธรรมชาติของ DNA ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล จึงทำให้สามารถใช้ DNA มาระบุตัวบุคคล ตรวจสอบผู้กระทำ ผู้ต้องสงสัย ผู้เสียชีวิตที่ไม่ทราบชื่อ โดยนำเซลล์ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายมาใช้พิสูจน์ก็ได้ เพราะจะมี DNA รูปแบบเดียวกันทั้งร่างกาย เช่น คราบอสุจิ เส้นผม คราบเลือด ชิ้นเนื้อ ฟัน เป็นต้น

นอกจากการตรวจพิสูจน์ DNA ในมนุษย์แล้ว ปัจจุบันยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีลายพิมพ์ DNA เพื่อประยุกต์ใช้ในวงการเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม เช่น ทีมนักวิจัยชาวไทยแห่งศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (BIOTEC) ที่ได้พัฒนาลายพิมพ์ DNA มาตรวจสอบพันธุ์พืช และสัตว์เศรษฐกิจ
อย่างเช่น การพัฒนาลายพิมพ์ DNA ที่แตกต่างกันของข้าวแต่ละสายพันธุ์ เพื่อให้สามารถระบุได้ว่า มีข้าวประเภทอื่นปนมาในข้าวหอมมะลิหรือไม่ และปลอมปนมากกี่เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ก็เพื่อควบคุมมาตรฐานของข้าวหอมมะลิ ที่เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาลายพิมพ์ DNA ของปลาทูน่า เพื่อตรวจสอบปลาทูน่าสายพันธุ์ต่าง ๆ ก่อนนำมาผลิตเป็นปลาทูน่ากระป๋อง เพื่อส่งออกไปยังทวีปยุโรป ซึ่งได้ผลแม่นยำมาก







นี่เป็นเพียงความมหัศจรรย์ส่วนหนึ่งของ DNA เท่านั้น แต่หากใครได้ศึกษาทางด้านชีววิทยา หรือเทคโนโลยีทางชีวภาพแบบเจาะลึกลงไปอีก จะพบความมหัศจรรย์ของเจ้าสารพันธุกรรมตัวนี้ ว่ามันไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
- vcharkarn.com
- student.chula.ac.th
- uru.ac.th