1. ภาวะ Over load จากการออกแรงมากเกินไป
2. เกิดจากความผิดปกติของหัวใจที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
ความผิดปกติของหัวใจแบ่งออกได้ 2 ช่วงอายุ คือ
* อายุน้อยกว่า 35 ปี ส่วนมากจะพบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ หรือภาวะหลอดเลือดหัวใจผิดปกติตั้งแต่กำเนิด รวมไปถึงภาวะหัวใจเต้นผิดปกติชนิดร้ายแรง ที่อาการจะกำเริบเมื่อออกแรงหนัก ๆ อย่างการวิ่งอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
* อายุมากกว่า 35 ปี คนกลุ่มนี้มักพบภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่าง เบาหวาน โรคความดันโลหิต หรือภาวะไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
3. ความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้า หรือวงจรไฟฟ้าในหัวใจ
แม้โรคหัวใจวายจะไม่แสดงอาการให้เรารู้ตัวมากนัก แต่หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ควรระวังให้มาก เช่น
- ผู้ที่ตรวจพบโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ผู้ที่ตรวจพบโรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคเยื่อหุ้มหัวใจ โรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด โรคหัวใจล้มเหลว โรคหัวใจและหลอดเลือด ร่วมกับโรคหัวใจขาดเลือด หรือตรวจพบการทำงานของหัวใจผิดปกติ
- ผู้ที่มีอาการต้องสงสัยของโรคหัวใจ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก เจ็บบริเวณกราม เหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวกเมื่ออยู่ในท่านั่ง นอนราบ หรือขณะออกกำลังกาย ยกของหนัก หรือรู้สึกโมโห ตื่นเต้น มีอาการหายใจไม่สะดวกเวลานอน จนต้องลุกขึ้นมานั่งหายใจ มีอาการใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ผู้ที่เคยหมดสติขณะออกกำลังกาย หรือวูบตอนเปลี่ยนท่า ยกของหนัก ทำกิจกรรมหนัก ๆ
- ผู้มีประวัติคนในครอบครัวป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ผู้ที่สูบบุหรี่
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หัวใจเต้นผิดจังหวะ หอบหืด เป็นต้น
- ผู้ที่ไม่เคยออกแรงหนัก ๆ มาก่อนเลย หรือไม่ได้ซ้อมก่อนไปวิ่ง หรือปกติอาจจะเคยวิ่งวันละไม่กี่กิโลเมตร แต่อยู่ ๆ ไปลงวิ่งมาราธอน วิ่งระยะไกลกว่าที่เคยวิ่ง
ส่วนมากแล้ว หัวใจวายเฉียบพลัน อาการจะไม่ค่อยแจ้งเตือนมาก่อน แต่หากพบความผิดปกติเหล่านี้ก็ควรฉุกคิด และนึกถึงอาการหัวใจวายเป็นอันดับแรก ๆ
* รู้สึกเหนื่อยผิดปกติ อย่างที่ไม่เคยเหนื่อยมาก่อน เช่น เคยทำแบบนี้มาแล้วแต่ไม่เหนื่อยเท่านี้ เป็นต้น
* แน่นหน้าอก หรือแสบบริเวณลิ้นปี่
* ใจสั่น รู้สึกหวิว ๆ
* หน้ามืด คลื่นไส้
* ปวดร้าวบริเวณกราม คอ แขน หัวไหล่
* มีอาการลอย ๆ วิ่งเซไป เซมา
* หอบผิดปกติ
* เหงื่อท่วมตัว
* เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง
หากมีอาการดังกล่าว หรือพบเห็นนักวิ่งข้าง ๆ มีอาการแบบนี้ ควรรีบพัก และขอความช่วยเหลือโดยด่วน
การปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็วเมื่อพบเห็นผู้ป่วยมีอาการหัวใจวายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยผู้ป่วยหัวใจวายเฉียบพลันควรได้รับการปั๊มหัวใจช่วยชีวิต หรือการ CPR นอกจากนี้ควรได้รับการปฐมพยาบาลด้วยเครื่อง AED (Automated External Defibrillator) หรือเครื่องช็อกหัวใจ ที่จะช่วยให้หัวใจกลับมาเต้นตามปกติได้ และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ดี
วิธีทำ CPR ที่ถูกต้อง ช่วยคนหัวใจหยุดเต้น - หยุดหายใจให้รอดชีวิต
เราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงภาวะหัวใจวายเฉียบพลันจากการออกแรงหนัก ๆ ได้ ดังนี้
* ตรวจสุขภาพก่อนออกกำลังกายหนัก ๆ
เราควรตรวจสุขภาพก่อนไปวิ่งมาราธอน วิ่งระยะไกล หรือการออกกำลังกายที่เรายังไม่เคยได้ทำ เพื่อเช็กดูว่าหัวใจเราทำงานได้ตามปกติไหม หรือมีภาวะสุ่มเสี่ยงกับการออกแรงมาก ๆ หรือเปล่า
* หากมีโรคประจำตัวต้องระวังให้มาก
ถ้าป่วยเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มีไขมันในเลือดสูง เป็นโรคหัวใจ หอบหืด ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงหนัก ๆ ทุกชนิด หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถออกกำลังกายด้วยวิธีไหนได้บ้าง ที่จะเหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพของตัวเอง
* ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และค่อยเป็นค่อยไป
ก่อนจะไปลงงานวิ่งที่ไหนก็ตาม ควรฝึกให้ร่างกายได้ออกแรงอย่างสม่ำเสมอ มีการซ้อมทุกวัน หรือออกกำลังกายครั้งละ 20-30 นาที อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเช็กสภาพร่างกายว่าเราไหวไหม มีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า และการซ้อมก็ควรค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มระยะทางและเวลาไปเรื่อย ๆ อย่าใจร้อนลงวิ่ง
* เช็กชีพจรในจุดที่ปลอดภัย
โดยใช้สูตรคำนวณด้วย 220 - อายุ และคูณ 85% เราจะได้ค่าชีพจรเป้าหมายในการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเอง ช่วยลดความเสี่ยงจากการออกแรงหนักเกินที่ร่างกายจะรับไหวได้ เช่น หากอายุ 30 ก็คำนวณด้วย 220-30x85% = 85 (ค่าชีพจรเป้าหมายในการออกกำลังกายที่เหมาะสม) และเวลาออกกำลังกายค่าชีพจรไม่ควรเกินตัวเลขนี้
* อย่าหยุดวิ่งกะทันหัน !
หากออกกำลังกายหนัก ๆ แล้วหยุดกะทันหัน เช่น วิ่งระยะไกลมาสักพัก แล้วจู่ ๆ ก็หยุดซะดื้อ ๆ แบบนี้อันตรายมาก อาจถึงขั้นหัวใจวายตายได้เลยนะคะ เพราะการหยุดวิ่งทันทีอาจทำให้ระบบไหลเวียนเลือดจากกล้ามเนื้อกลับมาที่หัวใจทำงานได้ลดน้อยลง และเลือดอาจคั่งอยู่ตามกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ จนเป็นเหตุให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ และอาจทำให้หมดสติ หรือบางรายอาจเกิดอาการหัวใจวายและเสียชีวิตได้ทันที
* ลดพฤติกรรมเสี่ยงหัวใจวาย
เช่น ชอบรับประทานอาหารไขมันสูง ปล่อยให้อ้วน ออกกำลังกายหนักเกินไปหรือไม่ออกกำลังกายเลย ติดคาเฟอีน สูบบุหรี่ เป็นต้น
10 พฤติกรรมเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน ทราบแล้วเปลี่ยนให้ทันก่อนหมดลมหายใจ
* ตรวจสอบการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินของงานวิ่งที่จะไป
หากอยากไปงานวิ่งจริง ๆ ควรเช็กให้ดีว่างานวิ่งนั้น ๆ มีการจัดเตรียมทีมแพทย์ฉุกเฉินอย่างไร มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตเตรียมพร้อมไหม มีหน่วยบริการทางการแพทย์ ณ จุดไหนของงานบ้าง เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน มีนักวิ่งหมดสติขึ้นมาก็จะได้ขอความช่วยเหลือได้ทันที
การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ควรออกกำลังกายภายใต้ความปลอดภัยของร่างกาย ดังนั้นก็อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดี เตรียมความพร้อมให้ชัวร์ และตรวจสุขภาพก่อนไปทำกิจกรรมหนัก ๆ ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก
รามาแชนแนล
โรงพยาบาลพญาไท
โรงพยาบาลพญาไท
โรงพยาบาลบางปะกอก 9
สสส